วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รอวันสุกงอม... สงครามกลางเมือง หน้ากากขาวVSเสื้อแดง เมื่อ 1 ก.ค.56



รอวันสุกงอม... สงครามกลางเมือง หน้ากากขาวVSเสื้อแดง
จากปรากฎการณ์ที่มีความต่อเนื่องของกลุ่มหน้ากากขาว โดยทั้งปริมาณและพื้นที่ชุมนุมที่เพิ่มสูงขึ้นชนิดน่าตกใจ จากการนัดชุมนุมทุกวันอาทิตย์เป็นครั้งที่ 5 และที่ต้องย้ำกันเลยก็คือเป็นการออกมาชุมนุมที่ไม่ได้มีแกนนำ
แต่ที่น่าเป็นกังวลใจเพิ่มเติมก็คือการออกมาของกลุ่มคนเสื้อแดงในลักษณะการยั่วยุที่พร้อมจะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงทุกเมื่อ
จากคำประกาศกร้าวของนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มในการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มหน้ากากขาวที่เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นจำนวนมากในจังหวัดอุดรธานี
ในการชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมากลุ่มคนเสื้อแดง ชมรมคนรักอุดร ประมาณ 40 คน เดินทางด้วยรถบรรทุก 6 ล้อ พร้อมป้ายติดด้านข้าง“หน่วยต่อต้านขี้กากขาว”ทั่วราชอาณาจักร มาที่บริเวณพระอนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ถ.ทหาร เขตเทศบาลนครอุดรธานี เพื่อต่อต้านกลุ่มหน้ากากขาวในจ.อุดรธานีที่ออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่วนนายขวัญชัย ได้หลบไปอยู่ที่จ.มุกดาหาร เพราะกลัวศาลถอนประกัน โดยให้ดีเจของคลื่นพามวลชนออกมาออกแถลงการณ์ต่อต้านกลุ่มหน้ากากขาวแทน
ตัวแทนของกลุ่มคนเสื้อแดงได้อ่านแถลงการณ์ว่า สถานการณ์ปัจจุบันเกิดความแตกต่างทางความคิด เช่นเดียวที่อุดรมีกลุ่มหน้ากากขาวออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ในนามชมรมคนรักอุดรซึ่งเป็นกลุ่มพลังมวลชนผู้รักประชาธิปไตย ต้องการเห็นความเป็นธรรม ความสงบสุขในจังหวัด ต้องการให้สงบสุขเจริญรุดหน้าเป็นประตูสู่ อาเซียน เป็นเมืองศูนย์กลางของการศึกษา การค้า การลงทุนในภูมิภาคอาเซียน แต่เนื่องจากมีกลุ่มคนผู้ไม่หวังดีต่อเมืองอุดร หวังเฉพาะผลทางการเมือง กลุ่มคนเหล่านี้พยายามทุกวิถีทางจะล้มรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงความสงบร่มเย็นของชาวเมืองอุดร ไม่คำนึงถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองอุดรที่รัฐบาลชุดนี้ได้อนุมัติโครงการและให้การสนับสนุน
ในนามชมรมคนรักอุดร ขอแสดงจุดยืนว่า“จะสนับสนุนรัฐบาลชุดที่มีนายกรัฐมนตรีหญิงยิ่งลักษณ์ต่อไป”และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งข้าราชการ คหบดี พ่อค้า ประชาชนทั่วไป ได้ช่วยให้การสนับสนุนไม่ให้เกิดความวุ่นวายในเมืองอุดร เพื่อประโยชน์สุขของชาวอุดรธานีตลอดไป   
ต่อมาทางกลุ่มคนเสื้อแดงได้เดินทางไปรวมตัวกันที่บริเวณศาลาพิธีสนามทุ่งศรีเมืองอุดรธานี ภายหลังจากที่ทราบข่าวว่าทางกลุ่มหน้ากากขาว จะนัดชุมนุมกันที่บริเวณสนามทุ่งศรีเมืองอุดรธานี แต่ก็ไม่พบ กลุ่มหน้ากากขาวแต่อย่างใด โดยกลุ่มคนเสื้อแดงบอกว่า ต่อไปทุกครั้งที่กลุ่มหน้ากากขาวออกมาต่อต้านรัฐบาลก็จะออกมาไล่กลุ่มหน้ากากขาวเช่นกัน       
ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาวที่จ.อุดรธานี ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ได้กระจายออกถือป้ายประท้วงรัฐบาลไปตามสถานสำคัญต่างๆ เช่น สวนสาธารณะหนองประจักษณ์ อนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ ศาลจ.อุดรธานี และสนามทุ่งศรีเมือง เพื่อแสดงออกถึงสัญลักษณ์ว่าคนอุดรก็ไม่เอาระบบทักษิณทุกคน ซึ่งการชุมนุมของทั้งสองกลุ่มครั้งนี้ในจ.อุดรธานี ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไรเกิดขึ้น โดยมีตร.สภ.เมืองอุดรธานี 2 กองร้อยดูแลความปลอดภัย
ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กลุ่มหน้ากากขาวเชียงใหม่ ประมาณ 100 คน ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อ น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กสม.ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เพื่อขอให้หามาตรการคุ้มครองความปลอดภัยในการใช้สิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 พร้อมขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เนื่องจากมีกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม กลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ได้เข้ามาข่มขู่ คุกคาม และใช้ความรุนแรง ต่อการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาว จ.เชียงใหม่ ที่บริเวณสวนสุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ บริเวณถนนนิมมานเหมินทร์ เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ จนทำให้สมาชิกกลุ่มหน้ากากขาวได้รับบาดเจ็บ
ดังนั้น จึงขอให้ กสม.ดำเนินการตรวจสอบกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าว และขอให้ตรวจสอบสื่อวิทยุชุมชนของคนเสื้อแดง รักเชียงใหม่ 51 ที่ปลุกระดมประชาชน รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่สามารถระงับเหตุการณ์และไม่ดำเนินการกับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ดำเนินการกับผู้ชุมนุมกับกลุ่มหน้ากากขาว       
ทั้งนี้ กลุ่มหน้ากากขาวได้นำผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บจากการทำร้ายของคนเสื้อแดง รวมทั้งหลักฐานที่มีทั้งเอกสาร ภาพถ่าย และคลิปวีดีโอ มายื่นให้กับกรรมการสิทธิฯ ด้วย 
 ด้าน น.พ.นิรันดร์ กล่าวกับกลุ่มหน้ากากขาว ว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง รวมทั้งจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพราะเห็นว่าขณะนี้ได้มีการเผชิญหน้าระหว่างมวลชน จึงต้องมีการหารือหามาตรการในการดูแลความปลอดภัย เพราะการชุมนุมทางการเมืองนั้นน่าจะมีเพิ่มมากขึ้นจึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ผ่านมา เพราะการแสดงความคิดเห็นนั้นสามารถทำได้แต่ต้องไม่ไปละเมิดสิทธิคนอื่น นอกจากนี้ อยากจะขอฝากไปยังสื่อมวลชนวิทยุชุมชนได้ทำหน้าที่แตกต่างไปจากจุดประสงค์เดิมเพื่อเป็นการปฏิรูปสื่อของชุมชน ปัจจุบันกลายเป็นวิทยุการเมืองที่มีเนื้อมุ่งประหัตประหารและเนื้อหามุ่งปลุกระดมก่อให้เกิดความรุนแรง โดยถูกนักการเมืองนำมาใช้สร้างความเกลียดชังและให้เกิดความรุนแรง     
นพ.นิรันดร์ กล่าวอีกว่า ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติไม่ว่าจะรักใครก็ต้องอยู่บนหลักขันติธรรม และอดกลั้น ไม่เช่นนั้นจะถลำเข้าสู่อารมณ์เกลียดชังและประเทศไทยเราจะไปไม่รอดเกิดอนาธิปไตยจนเกิดหลุมดำของประเทศอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้อาจจะลบล้างกันไม่หมดไม่สิ้น อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้หน่วยงานรัฐจะปล่อยเลยตามเลยไปตามยถากรรมไม่ได้ ดังนั้น คณะกรรมการสิทธิ์ฯจะได้ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติและฝ่ายปกครองๆเพื่อมาหารือมาตรการป้องกันความปลอดภัยและไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
 ส่วนที่จ.ลำปาง ที่เกิดการปะทะกันของคนเสื้อแดงและกลุ่มหน้ากากขาว พล.ต.ต.พรชัย พักตร์ผ่องศรี ผบก.ภ.จว.ลำปาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำการสอบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เบื้องต้น โดยทางชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ได้ให้ผู้ชายที่ก่อเหตุทั้งสองคนจากกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มหน้ากากขาว เดินทางมายัง สภ.เมืองลำปาง เพื่อสอบสวนเหตุการณที่เกิดขึ้น ซึ่งตามภาพ พบว่า กลุ่มคนหน้ากากขาว ได้เดินเข้าไปล็อคคอชายกลุ่มคนเสื้อแดง ในขณะที่กำลังเดินข้ามถนน จนเกิดการทะเลาะชกต่อยกันขึ้นกลางถนน จากนั้นทั้งสองกลุ่มก็กรูเข้าหากัน แต่เจ้าหน้าที่สามารถระงับเหตุได้        
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าผู้ชายกลุ่มหน้ากากขาวนั้น มีสติไม่ค่อยสมประกอบ โดยเดินเข้าไปล็อคคอผู้ชายกลุ่มคนเสื้อแดง กลางถนน ทำให้ชายกลุ่มเสื้อแดงที่ถูกล็อคคอ ดิ้นและสะบัดออก จากนั้นจึงเกิดการชกต่อยกันขึ้น ซึ่งทั้งสองคนก็ไม่ติดใจเอาเรื่อง ถึงขั้นกับแจ้งความ เพราะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ทางตำรวจจะได้ให้กลับบ้านไป และแจ้งให้นายณัฐชัย อินทราย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงลำปาง เดินทางมาพบ เพื่อทำความเข้าใจในการชุนนุม รวมทั้งดูแลกลุ่มสมาชิก อย่าให้เกิดความวุ่นวายใดขึ้นอีก เพราะจะส่งผลต่อสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของ จ.ลำปาง
 และจากทิศทางที่เป็นไปของกลุ่มหน้ากากขาวก็ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตื่นตัวกับการใช้ความรุนแรงของคนเสื้อแดงมากยิ่งขึ้น
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง กล่าวถึงกรณีที่นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ขู่จะทำร้ายร่างกาย กลุ่มหน้ากากขาว 40 ที่จะเดินทางมาประท้วงที่ จ.อุดรธานีว่า อำนาจที่นายขวัญชัยขู่จะไปทำร้ายกลุ่มหน้ากากขาวนั้น เป็นอำนาจในระบบประชาธิปไตยหรือไม่ ซึ่งเห็นว่าไม่ใช่เลย นายขวัญชัยไม่ควรใช้อำนาจซึ่งไม่ใช่อำนาจในระบอบประชาธิปไตย ไปขับไล่สิ่งที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะไม่อย่างนั้น นายขวัญชัยก็เป็นคนกลุ่มเดียวกัน เพียงใส่เสื้อสีต่างกันเท่านั้น
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. กล่าวถึง กรณีที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงปะทะกับกลุ่มหน้ากากขาวที่จ.ลำปาง เว่า กลุ่มหน้ากากขาวมีสิทธิชุมนุมได้ตามกฎหมาย ซึ่งหากมีอะไรที่ผิดกฎหมาย ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการ กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรืออยู่ใกล้ เพราะจะทำให้เกิดการปะทะกันได้ อย่างไรก็ตามแกนนำนปช.จะต้องเตือนแกนนำในพื้นที่ต่างๆว่าไม่ควรทำอย่างนี้นายจักรภพ เพ็ญแข โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาว โดยระบุไว้ว่า ประชาธิปไตย เป็นระบอบของการเสียสละ เมื่อเสียงข้างน้อย ต้องยอมรับในเสียงข้างมาก นั่นก็ถือได้ว่าเสียงข้างน้อย ได้ทำการเสียสละแล้ว     

ในการต่อสู้ ไม่ว่าจะเชิงการเมือง หรือเชิงความคิด มันก็มีปลายทางอยู่แค่ว่า เราจะสู้เพื่อเอาตัวเองเป็นใหญ่หรือสู่เพื่อเส้นทางที่เราจะสามารถยอมรับกันและกัน ได้ตลอดไป อยากฝากคำถามนี้ ไปถึงกลุ่มหน้ากากขาวว่าคุณจะสู้ไปเพื่อ"จุดหมาย"ใด ถ้ามันไม่ได้ขับเคลื่อน บนเส้นทาง ที่เราจะสามารถยอมรับกันได้ตลอดไปนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาวยังไม่เห็นว่าขัดต่อกฎหมายหรือมีการชุมนุมที่ละเมิดสิทธิบุคคลอื่น ไม่กีดขวางการจราจร ปิดแยกราชประสงค์ หรือแม้แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดก็ไม่มีการปิดหรือเผาศาลากลาง แต่ชุมนุมตามสิทธิประชาธิปไตยรัฐบาลต้องให้การคุ้มครองและดูแล แต่รัฐบาลกลับจงใจและใช้สมุนคนเสื้อแดงให้ออกมาปะทะ คุกคามและข่มขู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี อุดรธานี เรียกร้องให้รัฐบาลลงไปป้องกันกลุ่มคนเหล่านี้ที่รัฐบาลให้ท้ายและสนับสนุนพฤติกรรมดังกล่าว
ขณะนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯถึงทางแยกที่จะต้องตัดสินใจว่าจะนำรัฐบาลเดินต่อโดยดูแลประชาชนแบบ 2 มาตรฐาน ผมเชื่อว่าไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ ผมขอเตือนให้น.ส.ยิ่งลักษณ์อย่าลอยตัวอยู่เหนือปัญหา เหมือนที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯเคยเตือน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น