ม็อบสนามหลวงฮือปิด”กลาโหม”ขวาง”ปู-อ๊อด”เข้ากระทรวง
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 11 ก.ค. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาชนไทย พร้อมด้วยพล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาแผ่นดิน นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ แกนนำองค์การพิทักษ์สยาม พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน และกลุ่มผู้ชุมนุม ประมาณ 200 คนพร้อมรถขยายเสียง เดินทางมาชุมนุมบริเวณด้านหน้ากระทรวงกลาโหม เพื่อต่อต้านการเข้ามาคุมอำนาจกองทัพของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะรมว.กลาโหม และพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม หลังมีการเผยแพร่คลิปเสียงคล้ายเสียงสนทนากับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และขัดขวางไม่ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพล.อ.ยุทธศักดิ์ เข้ามาทำพิธีภายในกระทรวงกลาโหม โดยแกนนำได้มีการสลับกันขึ้นมาปราศรัยโจมตีอย่างต่อเนื่อง สำหรับการรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบกระทรวงกลาโหมเป็นไปอย่างเข้มงวด มีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนสนธิกำลังจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ถึงนครบาล 8 จำนวน 6 กองร้อย และสารวัตรทหาร 3 กองร้อย รวม 9 กองร้อย ทั้งหมด 1,350 นาย โดยได้นำแผงเหล็กมาปิดกั้นทางเข้าออก ห้ามผู้ชุมนุมเข้ามาภายในกระทรวงกลาโหมอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้เบื้องต้นทีมรักษาความปลอดภัยได้วางแผนนำน.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.อ.ยุทธศักดิ์ และผบ.เหล่าทัพเข้าทางด้านหลังกระทรวงกลาโหม
โดยนายไชยวัฒน์ กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญในการชุมนุมวันนี้คือต่อต้านบุคคล 3 คนที่เกี่ยวข้องกับคลิปเสียง คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยจะขัดขวางไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพล.อ.ยุทธศักดิ์ เข้าร่วมพิธีรับตำแหน่งในวันนี้ แต่ยืนยันว่าจะชุมนุมอย่างสงบสันติ ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่อย่าขัดขวาง แต่หากสถานการณ์ยกระดับก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินของ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม อดีตนายทหารกองทัพภาคที่ 3 ในฐานะโฆษกกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาแผ่นดินที่จะดูแลผู้ชุมนุม ส่วนการมาสมทบของกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มหน้ากากขาว เสื้อหลากสี นั้นยังไม่สามารถประเมินจำนวนผู้ชุมนุมได้
ขณะที่นพ.ตุลย์ กล่าวว่า การแสดงออกวันนี้เป็นการมารวมตัวของหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับคณะรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมาควบตำแหน่งรมว.กลาโหม ถือเป็นความพยายามที่จะแทรกแซงกองทัพ และยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารช่วงปลายปี ทั้งนี้ตนไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองครอบงำกองทัพอย่างเด็ดขาด สิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปเสียงคงทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีการสูญเสีย และบาดเจ็บในเหตุการณ์ 10 เม.ย. 2553 เกิดความไม่สบายใจ ดังนั้นผู้นำเหล่าทัพต้องแสดงจุดยืนว่ากองทัพไม่ได้ถูกการเมืองครอบงำ และให้เลือกว่าจะเป็นกองทัพของพระมหากษัตริย์ หรือกองทัพของนักการเมือง และต้องขัดขวางไม่ให้มีการแปลงเป็น พ.ร.ก.นิรโทษกรรมในสภากลาโหม อย่างเด็ดขาด ส่วนตนนั้นไม่ได้ต้องขัดขวางการเดินทางเข้ารับตำแหน่งของรมว.กลาโหมแต่อย่างใด
วันที่ 11/07/2556 เวลา 12:04 น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น