"เรืองไกร" เข้าให้ถ้อยคำ พร้อมยื่นหลักฐานปม"สุขุมพันธุ์"
ตั้งที่ปรึกษาเกินกำหมายกำหนด
เมื่อ 18 มี.ค.56 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้เข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของกกต.กทม.
กรณีที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่าการที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
บริพัตร ผู้ได้รับเลือกตั้ง
และพรรคประชาธิปัตย์ออกนโยบายหาเสียงว่าหากได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.จะตั้งที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญรวม
31 คน เข้าข่ายผิดมาตรา 57(1)(5) ของพ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่
เพราะข้อเท็จจริงพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร 2528 กำหนดให้แต่งตั้งได้ไม่เกิน 9 คน
โดยตนได้ยื่นหลักฐานเพิ่มเติมเป็นวีดิโอคลิป หนังสือพิมพ์
และถ้อยคำถอดเทปคำต่อคำของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
ที่มีเนื้อหาเป็นภาพและเสียงในการปราศรัยเปิดตัวทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อเป็นที่ปรึกษา
รวมถึงถ้อยคำนายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ที่กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติมด้วย
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า
ตามคลิปวีดิโอที่นำมายื่นมีถ้อยคำปราศรัยของม.ร.ว.สขุมพันธุ์ ระบุจะตั้งบุคคลต่าง
ๆจำนวนมาก เป็นผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านต่างๆ
หากได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม. อาทิ พล.ท.อิสระ วัชรประทีป อดีตรองแม่ทัพภาค 1 อีกท่านหนึ่ง
คือ พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
จะมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย อาชญากรรมและความมั่นคง นายต่อตระกูล ยมนาค
อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จะมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐาน
นายสนิท อักษรแก้ว อดีตประธานสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย
มาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม-ภูมิสถาปัตย์
และยังมีคลิปคำปราศรัยของนายสุรพล
นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ระบุยอมรับว่า บุคคลทั้ง 30 คนรวมถึงตนเองได้รับการทาบทามให้มาช่วยงานม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
หากได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.
โดยขอให้คนกทม.มั่นใจว่างานของกรุงเทพมหานครจะถูกบริหารโดยผู้คนจำนวนมากกว่าผู้ว่า
1 คน รองผู้ว่า 4 คนที่มีอยู่
ซึ่งหากนำไปเทียบกับที่ศาลอุทธรณ์เคยมีพิพากษาในกรณีนายกอบต.ฟ้าห่วน อ.ค้อวัง จ.ยโสธร
ว่าการเสนอบุคคลเป็นทีมบริหารอบต.ฟ้าห่วนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเข้าข่ายเป็นการหลอกลวง
สั่งให้มีการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและสั่งให้เลือกตั้งใหม่แล้ว
กรณีนี้จากหลักฐานต่างๆ ก็น่าเชื่อได้ว่าม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ การกระทำฝ่าฝืนมาตรา 57
(5) ซึ่งกกต.กทม. ควรพิจารณาเสนอความเห็นให้กกต.กลางสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท
กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยว่า
กกต.คงพิจารณาเรื่องการประกาศรับรองผลเลือกตั้งผู้วาฯกทม. ไม่ทันในสัปดาห์นี้
เพราะต้องให้เวลาฝ่ายสืบสวนในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนก่อน ทั้งนี้หากเสร็จไม่ทัน
30 วัน คือวันที่ 2 เม.ย.
กกต.ก็จะต้องรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน (ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ)
"อุดมเดช"เผยนำข้อเสนอ"50 ส.ว."ให้แก้รธน.รายมาตรา
ต่อที่ประชุมวิปรัฐบาล
นายอุดมเดช
รัตนเสถียร ที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)ว่า
ตนได้แจ้งข้อหารือของส.ว.กลุ่มหนึ่งที่มีประมาณ 50 คน
นำโดยนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี
ซึ่งเคยศึกษาไว้เมื่อครั้งเป็นประธานคณะกรรมการสมานฉันท์
เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ที่เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ต่อที่ประชุมวิปรัฐบาลให้รับทราบ
โดยส.ว.กลุ่มดังกล่าวเสนอให้แก้ไข 3 มาตรา คือ 1.มาตรา 68 วรรค เรื่องที่มาของส.ว.โดยแก้ไขให้
ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งส.ว.ได้อีกสมัย
เพราะเห็นว่าถือเป็นผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชน
จึงควรได้รับโอกาสลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง
ที่ปรึกษาวิปรัฐบาล
กล่าวว่า 2.มาตรา 190 ที่เกี่ยวกับการทำข้อตกลงกับต่างประเทศ
เพื่อไม่ให้เป็นภาระของรัฐสภา และทำให้การทำงานของรัฐบาลมีความคล่องตัวมากขึ้น และ
3.มาตรา 237 เรื่องการยุบพรรคการเมืองและการตัดสิทธิ์ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
โดยให้เอาผิดเฉพาะผู้ที่กระทำผิดเท่านั้น
ไม่ควรไปเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด
นายอุดมเดช
กล่าวว่า สำหรับการจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของส.ว.กลุ่มดังกล่าว
จะเสนอแยกเป็นรายมาตรา ซึ่งคาดว่าจะเสนอภายในสมัยประชุมนี้
เพื่อให้มีการรับหลักการในวาระที่ 1 ได้ ทั้งนี้
ที่ผ่านมามีข้อกังวลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และถ้ามาตราใดไม่มีปัญหา
ก็สามารถดำเนินการแก้ไขได้ก่อน ส่วนมาตราใดที่มีผู้คัดค้าน
ก็แก้ไขเป็นรายประเด็นไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า
วิปรัฐบาลเห็นด้วยกับข้อเสนอของส.ว.กลุ่มนี้หรือไม่ ที่ปรึกษาวิปรัฐบาล กล่าวว่า
กรรมการวิปรัฐบาลส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่พรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคคงต้องดูรายละเอียดข้อมูลอีกครั้ง
เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯในเร็วๆนี้
ก่อนที่จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม
ในส่วนของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่ยังค้างการลงมติในวาระที่
3 ในสภาผู้แทนราษฎร ก็ให้คงอยู่เช่นนั้นไปก่อน
เพราะข้อกฎหมายไม่ได้มีข้อห้ามในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราอื่น(ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น