“เทือก”ลุยปิดเมืองไล่ส่ง”ปู”โวมีมวลชน3ล้าน
ดีเดย์ยึดถนน6สายหลักตั้ง5เวทีใหญ่-10เวทีย่อย
วางหรีด-ไม้จันบ้านนายก ศอ.รส.เตือนอย่าล้ำเส้น
“ม็อบเทือก” สุดคึกชุมนุมใหญ่ 22 ธ.ค. โววันประวัติศาสตร์มวลชน 3 ล้านร่วมปิดกรุง ประกาศยึด 6 ถนนสายหลักใจกลางเมืองหลวง ตั้ง 5 เวทีใหญ่ 10 เวทีย่อย ไล่ยิ่งลักษณ์ลาออกนายกฯ รักษาการ เล่นแรงส่งม็อบผู้หญิง-สาวประเภทสอง บุกบ้านปู วางพวงหรีด-ดอกไม้จันทน์ ขณะที่ “ปชป.” ขู่เช็คบิล “ธาริต” ใช้อำนาจเกินขอบเขต-ขัดรัฐธรรมนูญ อายัดบัญชีแกนนำ-นักวิชาการ กปปส. ซัดราดน้ำมันบนกองเพลิง ด้าน “ศอ.รส.” ป้องธาริตยันดีเอสไอ มีอำนาจเบ็ดเสร็จออกหมายเรียก-อายัดบัญชี หลังรับเป็นคดีพิเศษ วอนม็อบชุมนุมสงบอย่าล้ำเส้นกฎหมาย
“กปปส.” ปักหลักรอเคลื่อนพลใหญ่
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. บรรยากาศการชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ในช่วงเช้า บรรยากาศยังเป็นไปตามปกติ มวลชนที่ปักหลักค้างคืนยังคงพักผ่อน หลังจากได้เดินเท้ารณรงค์เชิญชวนประชาชนออกมาแสดงพลังขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการ ส่วนบนเวทีได้มีการสรุปข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ให้กับประชาชนได้รับฟัง ด้าน นายวิทยา แก้วภราดัย แกนนำ กปปส. กล่างแสดงความเชื่อมั่นว่าการเคลื่อนไหวใหญ่วันที่ 22 ธ.ค.นี้ เพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมีผู้ชุมนุมมากกว่าวันที่ 9 ธ.ค. ที่มามากแล้วแน่นอน เพราะจากการเดินรณรงค์ 2 วันที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากประชาชนจำนวนมาก และกล้าที่จะแสดงออก และกล้าสนับสนุนบริจาคเงิน แม้แกนนำผู้ชุมนุมจะถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ และขณะนี้มวลชนในต่างจังหวัดได้ทยอยเดินทางมาสมทบเป็นระยะแล้ว
ตั้ง 5 เวทีใหญ่ 10 เวทีย่อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในพื้นที่ชุมนุม กปปส. ได้จัดเตรียมบริการอาหารแจกจ่ายให้กับผู้ชุมนุมตามจุดต่างๆ สำหรับกิจกรรมบนเวทีในช่วงเช้า มีการสรุปข่าวรอบวันจากหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ รวมทั้งได้ทบทวนเส้นทางการเคลื่อนไหวใหญ่ ในวันที่ 22 ธ.ค. มวลชนสะดวกในจุดไหน ก็ให้เดินทางไปร่วมในพื้นที่นั้น โดยจะมีการจัด 5 เวทีใหญ่ 10 เวทีย่อย ดังนี้ 1.เวทีใหญ่ 5 จุด ประกอบด้วย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หอศิลป์ กทม. แยกปทุมวัน แยกราชประสงค์ สีลม แยกอโศก 2.เวทีย่อย 10 จุด ได้ครอบคลุม 6 ถนนสายหลัก คือ ถ.พญาไท ถ.เพชรบุรี ถ.พระราม 1 ถ.พระราม 4 และ ถ.สุขุมวิท ประกอบด้วย แยกอุรุพงษ์ แยกราชเทวี ประตูน้ำ แยกราชปรารภ แยกเจริญผล แยกหัวลำโพง แยกบางรัก แยกคลองเตย แยกเพลินจิต และแยกทองหล่อ ทั้งนี้ ในส่วน 10 เวทีย่อย จะมีจอ LED ที่ลิงค์สัญญาณถ่ายทอดการชุมนุมของเวทีที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมายังเวทีย่อยๆ แบบมีทั้งภาพและเสียง โดยบริเวณรอบพื้นที่ชุมนุม จะมีการกระจายเครื่องเสียงรอบพื้นที่เวทีย่อยทั้ง 10 จุดด้วย โดยทุกเวทีของ กปปส. จะเริ่มเวลา 13.00 น. และจะลิงค์สัญญาณภาพถ่ายทอดการชุมนุมมายังเวทีที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อให้เห็นบรรยากาศการชุมนุมใน 5 เวทีใหญ่ 10 เวทีย่อยสลับกันให้ผู้ชุมนุมที่ ถ.ราชดำเนิน ได้ชม ซึ่งจะแสดงแค่ภาพแต่ไม่มีเสียง โดยกิจกรรมของแต่ละเวทีจะมีการแสดงไม่เหมือนกัน และจากนั้น เวลา 18.00 น. ผู้ชุมนุมทุกจุดจะร่วมเคารพธงชาติพร้อมกัน จากนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.จะขึ้นปราศรัยครั้งสำคัญ
โว 22 ธ.ค. มวลชน 3 ล้านร่วมไล่ปู
ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. กล่าวว่า แนวทางการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 22 ธ.ค. จะเป็นการชุมนุมครั้งประวัติศาสตร์ ที่ได้ประเมินแล้วว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมจำนวน 2-3 ล้านคน และจะมีการเปิดเวทีใหญ่เพิ่มอีก 5 เวที จากเดิมมี 3 เวที คือ เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สยาม อโศก สวนลุมพินี และแยกราชประสงค์ รวมทั้งมีเวทีย่อยตามถนนเส้นหลักอีก 10 เวที คือที่ อุรุพงษ์ ราชเทวี ประตูน้ำ เจริญผล เพลินจิต หัวลำโพง สามย่าน บางรัก คลองเตย และทองหล่อ ซึ่งจะทำการติดตั้งเวทีตั้งแต่คืนนี้ และเปิดเวทีในช่วงเช้าเพื่อดำเนินกิจกรรมอย่างอื่น ก่อนที่จะเปิดเวทีทุกจุดอย่างเป็นทางการในเวลา 13.00 น. โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จะเดินทางไปร่วมทุกเวที แต่จะปักหลักขึ้นเวทีปราศรัยอยู่ที่เวทีราชดำเนิน โดยการชุมนุมตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 22 ธ.ค. ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 23 ธ.ค. และจะมีขบวนแรลลี่จากภาคต่างๆ ภาคอีสาน และขบวนรถอีแต๋นจะมาสมทบที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภาคตะวันตก และภาคใต้ มาสมทบเวทีราชดำเนิน ภาคตะวันออก มาสมทบที่อโศก ซึ่งอาจทำให้การจราจรในกรุงเทพมหานครต้องถูกปิดไปโดยปริยาย ซึ่งนอกจากจะมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ ยังมีขบวนของสตรี และสาวประเภทสองที่จะรวมตัวกันเคลื่อนขบวนในเวลา 09.00 น. จากเวทีราชดำเนิน เพื่อไปวางดอกไม้จันทน์ และพวงหรีดที่หน้าบ้านพักของนายกรัฐมนตรี ที่ซอยโยธินพัฒนา 3 เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของพลังหญิง และขอร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งด้วย
กปท.บุก ปชป.จี้ไม่ส่งเลือกตั้ง
ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก ทำเนียบรัฐบาล และกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ร่วมกับกองทัพธรรม ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก เป็นไปด้วยความเรียบร้อยโดยผู้ชุมนุมได้ตื่นปฏิบัติภารกิจส่วนตัวและพักผ่อนตามอัธยาศัย เนื่องจากเหนื่อยล้าจากการเดินขบวนรณรงค์ตลอดทั้งวันเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ส่วนกิจกรรมของ คปท.นั้น นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้จะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ กับ กปปส. แต่จะเคลื่อนใหญ่ในวันที่ 23 ธ.ค.แทน แต่จะเป็นรูปแบบอย่างไร และจะเคลื่อนที่ไปไหนนั้น ยังคงต้องประชุมกับแกนนำอีกครั้งหนึ่ง โดย คปท.ไม่เห็นด้วยกับ กกต.ที่ยังเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ทั้งที่มีประเด็นกฎหมายอีกมาก ทั้งสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 ที่พ้นการเว้นวรรคทางการเมืองแล้วจะมาลงสมัคร แต่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา รวมทั้งความพร้อมของ กกต.ที่เพิ่งรับการโปรดเกล้าฯ ขณะที่มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หลายคนยังมีคดีอยู่ใน ป.ป.ช. หาก ป.ป.ช.ชี้มูลก่อนวันที่ 22 ธ.ค. ก็น่าจะต้องเลื่อนวันเลือกตั้งแน่นอน จากนั้นเวลา 13.00 น. กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และกองทัพธรรม ได้เคลื่อนมวลชนไปยังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ในเวลา 13.00 น. เพื่อกดดันไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง
“กสม.” ออกแถลงการณ์ห่วงการชุมนุม
ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกประกาศแถลงความห่วงใยต่อสถานการณ์การชุมนุมวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ว่าตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้ประกาศนัดชุมนุมใหญ่เพื่อยกระดับการชุมนุมตามพื้นที่ต่างๆ ของกรุงเทพมหานครดังที่ปรากฏในสื่อมวลชนนั้น กสม.เกรงว่าสถานการณ์การชุมนุมดังกล่าวอาจหมิ่นเหม่ที่จะนำไปสู่ความไม่เข้าใจและนำไปสู่ความรุนแรงก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน จึงขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการดังนี้ 1.กลุ่มผู้ชุมนุมต้องชุมนุมด้วยความสงบและปราศจากอาวุธ ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง ปฏิบัติตนภายใต้หลักการสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 และในส่วนของรัฐบาลสมควรที่จะดูแลและอำนวยความสะดวก รักษาความปลอดภัย หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงทุกกรณี ทั้งนี้ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ชุมนุม และรัฐบาลต้องคำนึงและให้ความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของหลักนิติรัฐ นิติธรรม หลักประชาธิปไตย และหลักสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ 2.สื่อมวลชนต้องนำเสนอข่าวที่เป็นข้อเท็จจริงเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะและต้องเป็นการสร้างสรรค์ช่วยให้สังคมเกิดความสันติ 3.รัฐบาล กลุ่มผู้ชุมนุม และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่างต้องช่วยกันป้องปรามระมัดระวังและทำหน้าที่มิให้เกิดสถานการณ์อ่อนไหวเปราะบางที่หมิ่นเหม่ต่อความรุนแรงใดๆ และการปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ชุมนุมต้องเป็นไปตามหลักการสากล โดยมุ่งอำนวยความสะดวกให้การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ ทั้งนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกฝ่ายจะร่วมกันป้องกันปัญหามิให้เกิดขึ้นและร่วมกันแก้ไขสถานการณ์หรือปัญหาที่อาจมีด้วยเหตุและผล ขอให้ใช้สิทธิและเสรีภาพภายใต้กรอบของกฎหมายและไม่กระทำการใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ปชป.เตรียมเช็คบิล “ธาริต”
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีคำสั่งในการเรียกแกนนำ กปปส.ชุดแรกและชุดที่ 2 โดยเฉพาะมีการอายัดบัญชีทรัพย์สินนั้น ตนขอบอกว่าอำนาจในการอายัดบัญชีทรัพย์สิน หรือเงินในบัญชีนั้นไม่ได้อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ แต่เป็นอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ง. นายธาริตกำลังใช้อำนาจเกินขอบเขตและขัดรัฐธรรมนูญ ตนไม่เตือน เพราะตนและประชาชนจะคิดบัญชีกับนายธาริตภายหลัง แต่ขอเตือนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือ และเรื่องนี้ตนทราบมาว่า นายธาริตกระทำการโดยไม่ได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของหน่วยงาน เป็นการดำเนินการโดยพลการ ตรงนี้เปรียบได้ว่าเป็นการราดน้ำมันลงบนกองเพลิง ท่านอายัดบัญชีแกนนำและนักวิชาการที่ไปขึ้นเวทีตามปกติ ใช้อำนาจเกินขอบเขต รังแกประชาชนตรงนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกรงว่าการชุมนุมในวันที่ 22 ธ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเอาไม่อยู่
“องอาจ” ขู่ “ดีเอสไอ-ไทยพาณิชย์”
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า บัญชีธนาคารของตนมีอยู่บัญชีเดียวคือธนาคารไทยพาณิชย์ ทั้งนี้ตนขอเรียนว่า การดำเนินการของตนเป็นการดำเนินการตามสิทธิในฐานะประชาชนคนไทย ซึ่งมีสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ และตนก็ไม่ได้กระทำการใดๆ ที่มีส่วนให้เกิดการดำเนินการอะไรที่นอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ยืนยันว่า ส่วนตัวแม้จะเคยทำหน้าที่บนเวที แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย และตนก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่า การที่ตนไปขึ้นเวทีนั้นตนไปในฐานะประชาชนคนไทยที่มีสิทธิจะกระทำได้ดังนั้น ทั้งดีเอสไอและธนาคารไม่มีสิทธิ์จะมาอายัดหรือดำเนินการใดๆ กับบัญชีของตน ทั้งนี้ตนขอตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้งถ้ามีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายตนคงต้องดำเนินการตามกฎหมายกับทางธนาคาร และดีเอสไอต่อไป ดังนั้นตนจึงขอเรียนไปยังรัฐบาลในฐานะกำกับดูแล ให้ดำเนินการสั่งการดีเอสไอว่า ไม่ควรใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต ลุแก่อำนาจ ในการพยายามขัดขวางการใช้สิทธิของพี่น้องประชาชน ตนเชื่อว่าความเชื่อมั่นศรัทธาอายัดไม่ได้ และความเชื่อมั่นศรัทธาในการทำดีเพื่อบ้านเมืองไม่มีกฎหมายใดที่จะมาดำเนินการได้ การที่รัฐบาลอ้างว่าได้แสดงความรับผิดชอบโดยการยุบสภาแล้วนั้น ตนเห็นว่าไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลไม่ได้มีความรับผิดชอบแต่อย่างใด เพราะการยุบสภา เป็นการแก้ปัญหาของรัฐบาลเมื่อจนตรอกเท่านั้น
ศอ.รส.แจงยึดมั่น รธน.
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 23 ธ.ค.นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเปิดรับสมัคร ส.ส.และจับหมายเลขแต่ละพรรคการเมืองเพื่อใช้ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ.57 ภายหลังจากที่ได้ยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.56 โดยขอเน้นย้ำว่ารัฐบาลนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและข้าราชการทุกคนให้ปฏิบัติหน้าที่ ข้อกฎหมาย ระเบียบต่างๆ อย่างเคร่งครัด และรัฐบาลเองก็ได้ยึดมั่นในกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี 2550 ซึ่งประชาชนต้องยึดมั่นในตัวบทกฎหมาย เพราะหากไม่ยึดมั่น ก็หมายความว่าบ้านเมืองไม่มีขื่อ ไม่มีแปอีกต่อไป และนานาชาติก็จะขาดความเชื่อมั่น และไม่คบค้าสมาคมกับไทยอีกต่อไป ดังนั้นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ ได้ยึดโยงตัวบทกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี พ.ศ.2550 และทุกท่านได้ยึดมั่นในความอดทน แต่ก็ยังมีบุคคลที่พยายามตีความกฎหมายเข้าข้างกลุ่มของตนเอง และพยายามยั่วยุการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ได้รับการจงเกลียดจงชัง โดยกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน ผมและ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก และ นายชัยเกษม นิติสิริ จึงจำเป็นต้องชี้แจงแนวทางการทำงานของข้าราชการตำรวจและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
อำนาจ DSI หมายเรียก-อายัดบัญชี
นายชัยเกษม นิติสิริ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพวก รมว.ยุติธรรมในฐานะผู้ควบคุมและกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอเรียนชี้แจงว่า การดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเรื่องที่มีการร้องทุกข์ ซึ่งกรมฯ ได้รับเรื่องไว้ดำเนินการ และอธิบดีฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง เสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษประชุมเมื่อ 17 ธ.ค.56 พิจารณาให้รับเป็นคดีพิเศษ และให้ดำเนินการสอบสวนร่วมกัน 3 ฝ่าย ต่อมาอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษรายงานว่ามีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกันและมีมติให้เรียกแกนนำมารับทราบข้อกล่าวหา 17 ราย และแจ้งธนาคารทุกแห่งตรวจสอบบัญชีและอายัดบัญชีของนายสุเทพ และพวกรวม 18 ราย โดยเมื่อ 19 ธ.ค.56 อธิบดีฯ ได้ออกหมายเรียกและมีหนังสือแจ้งไปยังธนาคาร จากนั้นมีมติให้ออกหมายเรียกแกนนำอีก 20 คน ให้ตรวจสอบบัญชีธนาคาร และอายัดบัญชีเพิ่มเติม การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามกรอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ส่วนการอายัดบัญชีก็เป็นไปตามกรอบที่ให้อำนาจกรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถทำได้ จึงขอทำความเข้าใจร่วมกันว่าการชุมนุมหากเป็นไปโดยสงบก็เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่หากการชุมนุมที่มีการยุยงให้ละเมิดกฎหมายแผ่นดิน การนำพาบุคคลไปปิดล้อม บุกยึดสถานที่ราชการ และมีพฤติการณ์ทำผิดต่อเนื่อง เมื่อคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแล้วกรมสอบสวนคดีพิเศษก็มีหน้าที่ดำเนินคดีต่อไป ขอยืนยันว่าจะดำเนินการโดยความยุติธรรม รัดกุม รอบคอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น