วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ประยุทธ์ชงตั้ง สภาปชช.ทุกสี ‘กันต์’เตือนสติ เมื่อ 21 ธ.ค.56


ประยุทธ์ชงตั้ง สภาปชช.ทุกสี ‘กันต์’เตือนสติ

 "ประยุทธ์" เสนอตั้ง "สภาประชาชนข้างล่าง" ร้องหาเจ้าภาพสลายสีเสื้อประชาชน เผยทุกจังหวัดมีการปลุกระดมจนจะฆ่ากันอยู่แล้ว ลั่นเลิกพูดถึงปฏิวัติไปนานแล้ว ขณะที่กลุ่มอดีต ผบ.เหล่าทัพจี้รัฐบาลออกแล้วปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง "กันต์" ฝากถึงบิ๊กทหารอย่าทำตัวเฉยแล้วอ้างวางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าใจมีอะไรอุดปาก ให้จับตา 28 ธ.ค. ป.ป.ช.ชี้มูลคลี่คลายสถานการณ์
    ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุมสภากลาโหม ประจำเดือนธันวาคม 2556 โดยมี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก, พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายทหารระดับสูง เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมสภากลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ได้พบกับ พล.อ.นิพัทธ์ ซึ่ง พล.อ.นิพัทธ์ ได้เดินเข้าไปสวัสดีพร้อมยกมือไหว้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ก่อนจะพูดคุยทักทายอย่างเป็นกันเองตามปกติ ท่ามกลางการจับตาของสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจ ภายหลังที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ธนะศักดิ์และ พล.อ.นิพัทธ์มีความขัดแย้งเรื่องการออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยเฉพาะจุดยืนของกองทัพต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน 
    พล.อ.ธนะศักดิ์ได้กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ได้มีปัญหา หรือความขัดแย้งจนถึงขั้นที่จะต้องเคลียร์ใจกัน โดยเรื่องในอดีตก็อยากให้เป็นเพียงอดีต ไม่อยากให้นำมาเป็นประเด็นความขัดแย้งอีก ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ส่งยิ้ม ทักทายผู้สื่อข่าวตามปกติ แต่ไม่ได้มีการพูดคุยถึงประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองแต่อย่างใด
    ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า บรรยากาศภายในสโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น โดยมีการสนธิกำลังจากกองร้อยรักษาความสงบ จากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ รวมถึงกองพันทหารสารวัตรที่ 11 จำนวน 2 กองร้อย และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 3 กองร้อย รวมประมาณ 750 นาย ซึ่งได้วางกำลังบริเวณประตูทางเข้าและประตูทางออก จำนวนประตูละ 20 นาย
    ทั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อม พล.ต.ต.ฉันท์วิชย์ รามาสูตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้มาตรวจความเรียบร้อยร้อย หลังกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. รวมถึงม็อบพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประกาศว่าจะเดินทางมาชุมนุมเพื่อคัดค้านไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าร่วมประชุมสภากลาโหม
สภาประชาชนข้างล่าง
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ว่า ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ก็เป็นห่วงกับสถานการณ์ ตนก็บอกว่าทหารก็ทำตามหน้าที่ของทหารอยู่แล้วในทุกเหล่าทัพ ตนพูดในนามของเหล่าทัพอื่นๆ เราเป็นทหาร ก็จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบหลักโดยตรงอยู่แล้ว แต่หน้าที่อื่นๆ ก็ให้การสนับสนุน การช่วยเหลือ การแนะนำ แต่การปฏิบัติจะทำหรือไม่ทำ ใช่หรือไม่ใช่ เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารและกระบวนการ
    "ผมพูดได้เต็มที่ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ในวันนี้ประชาชนทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด มีการปลุกระดมจนจะฆ่ากันอยู่แล้ว และถ้าฆ่ากันขึ้นมาจะทำอย่างไร ไม่ว่าจะสีแดง สีเหลือง หรือสีอะไร ต้องไปตั้งโต๊ะคุยกันทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ถ้ายังปล่อยให้ทุกคนพูดกันอยู่อย่างนี้ไม่มีทางแก้ไขปัญหาอะไรได้ แล้วจะมากดกันข้างบนจนถึงผู้บริหารขึ้นมาเรื่อยๆ สรุปว่าวันนี้ต้องแก้ปัญหาจากระดับล่างขึ้นมา แต่ใครจะทำผมไม่รู้"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ประชาชนไม่เข้าใจ อยู่ข้างไหนก็ข้างนั้น แล้วอย่างนี้ใครจะแก้ได้ ก็แก้ไม่ได้ ต้องแก้ข้างล่างให้ได้ก่อนว่าทำอย่างไรประชาชนจึงไม่มีสี แล้วเขาจะได้พูดว่าสิ่งที่เขาไม่ชอบธรรม ไม่เป็นธรรม คืออะไรบ้าง ลิสต์ขึ้นเป็นข้อๆ มา เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ถ้าตั้งสภาข้างบนก็จะต้องมีสภาประชาชนข้างล่างให้ได้ ซึ่งต้องเป็นประชาชนจริงๆ อย่าเอาแกนนำไปอยู่ข้างล่าง มิเช่นนั้นทะเลาะกันตาย
    ซักว่า สภาประชาชนที่ระบุหมายถึงประชาชนจริงๆไม่ใช่สภาประชาชนของนายสุเทพ ผบ.ทบ.ตอบว่า ไม่ใช่ อย่าไปพูดว่าเป็นนายสุเทพ สภาที่ว่า ใครจะจัดไม่รู้ แต่สภาที่ว่าต้องมีตัวแทนประชาชนทุกคนอยู่สภา แต่ใครจะเป็นคนจัด ไม่ใช่ กปปส.จัดแล้วคุณรับหรือไม่ คุณต้องหาคนมาจัดให้ได้ หากรัฐบาลจัด หรือ กปปส.รับหรือไม่ ก็ไม่รับ แล้วอย่างนี้ใครจะจัด ต้องไปหามา ซึ่งตนไม่รู้ 
    ถามว่า ปฏิวัติจะช่วยแก้ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่าปฏิวัติอย่างไร ผู้สื่อข่าวตอบว่า ปฏิวัติด้วยการร่างใหม่ จัดระเบียบใหม่ จะทำให้ทุกฝ่ายยอมหรือไม่  เขาตอบว่า "ก็คุณเรียกร้องมา คุณรับผิดชอบหรือเปล่า อย่ามาพูดคำนี้กับผม เพราะผมเลิกพูดไปนานแล้ว"
    เมื่อถามว่า แนวคิดที่มีการถกเถียงอยู่ว่าจะเลือกตั้งก่อนหรือปฏิรูปก่อน กองทัพมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อะไรแก้ได้ก่อนเร็วก็แก้ บางอย่างแก้ได้เร็ว บางอย่างแก้ได้ช้า แต่อันไหนแก้ได้เร็วก็แก้ก่อน อะไรแก้ไม่ได้ก็ไปหาทางแก้ทีหลัง แต่ตนจะไม่ใช่คำว่าจะต้องเลือกตั้งก่อนหรือปฏิรูปก่อน มันเป็นคนละเรื่อง อย่าเอามาพันกัน การปฏิรูปมีอะไรบ้าง อะไรทำได้วันนี้ทำไปเลย ใครทำได้ทำไป พรรคการเมืองทำก่อนได้หรือไม่ก็ทำไป ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน อะไรแก้ได้แก้ไปก่อน ทุกคนมีกฎหมาย กติกาของตัวเอง ถ้าไปรอกฎหมายใหญ่ทำทีเดียวก็แก้ไขไม่ได้อยู่ดี ถึงเวลาก็แก้ไม่ได้ เพราะมันเยอะกันเกินไป  
มองหาเจ้าภาพ
    "ถ้าวันนี้ทุกคนแสดงความจริงใจ เอาปัญหาของตัวเองขึ้นมาแล้วแก้ไขกัน ถ้าทุกอย่างมาฝากแบกไว้กับรัฐบาล มันไม่ได้แก้สักอย่าง เพราะมันช้าเกินไป ดังนั้นจะต้องปฏิรูปตัวเอง ปฏิรูปหน่วยงานของท่านก่อน ถ้าทั้งหมดไปว่ากันด้วยกฎหมายก็ตีกันอยู่ดี เพราะมันไม่เคารพกฎหมาย ส่วนใครจะเป็นเจ้าภาพนั้น ตนคิดว่าเดี๋ยวคงมีเอง โดยประชาชนไปเลือกกันมา ซึ่งไม่ใช่เป็นประชามติจากประชาชน เพราะประชามติทำไม่ได้ตอนนี้ เนื่องจากไม่มีสภา ตนคิดว่าวันนี้จะต้องมีคนเสนอเรื่องพวกนี้มา และนำสู่การแก้ไขปัญหาโดยที่มีความไว้วางใจจากทุกส่วน ส่วนจะเป็นใครผมยังคิดไม่ได้"
    เมื่อถามว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จะเข้ามาเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คุณก็รู้คำตอบอยู่แล้ว ให้ท่านพักผ่อน แต่ท่านก็เป็นห่วงเป็นใย ท่านไม่อยากเข้ามายุ่ง เพราะขัดแย้งกันเกินไป 
    “วันนี้อย่ามามองกันเฉพาะในกรุงเทพฯ อย่ามองกันแค่เฉพาะทีวี จะต้องไปมองที่ต่างจังหวัดด้วย เพราะมีการเคลื่อนไหวจากทุกพวกทุกฝ่าย ผมต้องขอร้องกับทุกฝ่ายด้วย ว่าการที่ทำให้ประชาชนขัดแย้งกันเป็นสองพวก หรือสามพวก สี่พวก ไม่เป็นสิ่งที่ดีเลย วันหน้าหากคอนโทรลไม่ได้ หรือควบคุมไม่ได้ แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร ในเมื่ออยู่ร่วมกันไม่ได้ พวกหนึ่งเห็นอีกพวกหนึ่งไม่ชอบธรรม อีกพวกหนึ่งเห็นว่าพวกนี้ไม่ถูกต้อง ถ้ายังยุกันแบบนี้ ผมว่ามันสู้กันแน่ประชาชน เมื่อนั้นผมก็บอกว่าทหารก็หยุดไม่อยู่ ผมไม่สามารถที่จะไปทำร้ายประชาชนได้ เมื่อมีการใช้กำลังต่อกัน มันก็จะต้องไปหยุดด้วยกำลัง ผมว่าหากใช้กำลังกับประชาชนคนไทยด้วยกัน ก็จะเกิดความเสียหาย ผมไม่ได้พูดถึงการย้อนกลับไปในอดีต แต่อดีตจะต้องดูว่าเราใช้อาวุธกับอะไร  เราจำเป็นจะต้องมีอาวุธเพราะอะไร วันนี้ลืมหมดไปหรือเปล่า ปี 2553 ไม่เห็นพูดแบบนี้เลย อย่าเอามาปนกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม  แถลงถึงผลการประชุมสภากลาโหมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ 
 ได้เน้นย้ำในที่ประชุมว่า อยากให้กำลังพลทุกนายตระหนักถึงความสำคัญในการการทำหน้าที่ พร้อมวางตัวเป็นกลาง ไม่สนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคหนึ่งพรรคใดเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันข้อครหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกองทัพมีความพร้อมในการสนับสนุนคณะกรรมการการเลือกตั้งหากได้รับการร้องขอ
อดีต ผบ.จี้ปฏิรูป
    ที่สนามม้านางเลิ้ง กลุ่มนายทหาร-ตำรวจนอกประจำการที่จงรักภักดีต่อสถาบันฯ และเชื่อมั่นใน
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (นภป.) ประกอบด้วย พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีต ผบ.ทบ., พล.อ.อ.กันต์ พิมานทิพย์ อดีต ผบ.ทอ., และ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ, น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ อดีต ป.ป.ช.ร่วมกันแถลงข่าวแสดงจุดยืน โดยมี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย เป็นเจ้าภาพ ซึ่งได้มีการเชิญนางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 เข้าร่วมงานด้วย
    พล.อ.อ.กันต์กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง และเห็นพลังมวลชนที่สนับสนุนและไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล แต่สิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจคนไทยคือ การปล่อยให้มีการปราศรัยจาบจ้วงหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปราศรัยที่สนามราชมังคลากีฬาสถานที่ผ่านมา ซึ่งพวกตนทนไม่ได้ รัฐบาลและหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบตามกฎหมายไม่ได้ดำเนินการกับผู้จาบจ้วง ทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์มีการถ่ายทอดผ่านทีวีอย่างชัดเจน การที่มวลชนออกมาขับไล่รัฐบาลจนมีการยุบสภาให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 นั้น รัฐบาลยังไม่ได้แก้ปัญหาอย่างถูกจุด เพราะประชาชนต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนมีการเลือกตั้ง พวกตนพิจารณาแล้วมีมติว่าการชุมนุมของมวลมหาประชาชนมีเหตุผล สันติ ปราศจากอาวุธ แต่เกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลายจนนำไปสู่ความรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิตของประชาชนอีก พวกตนจึงทำหนังสือเปิดผนึกถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพให้เจรจากับรัฐบาล เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
    อดีต ผบ.ทอ.ระบุว่า อาจจะมีการชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช.ภายในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองได้ และไม่กลัวหากจะมีการปลุกระดมมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลออกมาต่อต้าน เพราะตนก็สามารถปลุกระดมมวลชนอีกฝ่ายได้เหมือนกัน แต่ไม่อยากทำ เนื่องจากไม่อยากให้มีการเผชิญหน้าระหว่างประชาชน
    "อยากให้ ผบ.เหล่าทัพปัจจุบันได้แสดงจุดยืนเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่อ้างว่าต้องวางตัวเป็นกลาง เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ทหารต้องยืนอยู่ข้างความถูกต้อง ผมยังตั้งความหวังกับนายทหารรุ่นน้องว่า จะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง มติสภากลาโหมที่ระบุว่า ทหารต้องวางตัวเป็นกลางนั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าอะไรอุดปาก ผบ.เหล่าทัพอยู่" พล.อ.อ.กันต์กล่าว
    ขณะที่ พ.ท.กมลกล่าวว่า ป.ป.ช.ชี้มูลได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญชี้แล้วว่ามีความผิดในกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 แต่ศาลไม่มีบทลงโทษ จึงเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.ที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของ นปภ.จะร่วมเดินขบวนกับกลุ่ม กปปส. ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ เพื่อกดดันให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ลาออกจากการรักษาการนายกรัฐมนตรีด้วย.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น