ธาริตเหิมหนักอายัดรอบ2
มวลชนหลายหมื่นแห่เป่านกหวีดรับ "สุเทพ" เดินรณรงค์แน่นสีลม-สี่พระยา-เยาวราช พร้อมใจควักแบงก์ห้าร้อยแบงก์พันสนับสนุน กปปส.ตลอดทาง "ศ.ดร.พิเชษฐ์" มอบเงินสด 1 ล้าน สมทบครัวราชดำเนิน ฉุน "ไอ้ริต" อายัดบัญชีแกนนำ "กำนัน" ลั่น 22 ธ.ค.สร้างประวัติศาสตร์ไล่ยิ่งลักษณ์ "ธาริต" ไม่หยุดเรียกแขก สั่งกาหัวรุ่นสองแกนนำ-นักวิชาการ 20 คน "ปู" แวบเข้ากรุงประชุมสภากลาโหมก่อนรีบบึ่งไปนอนอีสาน "เด็จพี่" ปูดฮาร์ดคอร์ใต้ 3 พันคนโผล่ร่วมม็อบ "ส.ว." ยื่นผู้ตรวจฯ สอบจริยธรรมนายกฯ
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 09.30 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) พร้อมด้วยแกนนำ เดินเท้านำมวลชนออกจากถนนราชดำเนิน รณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันออกมาชุมนุมขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และรัฐบาล ให้ลาออกจากตำแหน่ง เป็นวันที่สอง
สำหรับเส้นทางการเดินรณรงค์วันนี้ มีเป้าหมายไปยังย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯ ได้แก่ สีลม, สาทร และเยาวราช ซึ่งเริ่มจากตั้งแถวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เดินผ่านไปยังผ่านฟ้า หลานหลวง สะพานขาว หัวลำโพง พระรามสี่ เลี้ยวขวาเข้าสีลม ก่อนจะแวะพักทานอาหารกลางวันที่สีลม ตรงใกล้ถนนนราธิวาสฯ จากนั้นมุ่งหน้าเข้าสี่พระยา เลี้ยวซ้ายเข้าหัวลำโพง เยาวราช สะพานเหล็ก วัดสุทัศน์ฯ ถนนดินสอ และกลับมาที่ตั้ง นั่งฟังปราศรัยที่ถนนราชดำเนินเช่นเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินรณรงค์ของนายสุเทพวันนี้ เป็นไปอย่างเชื่องช้า เนื่องจากผ่านสถานที่สำคัญ ทั้งสถานที่ราชการ เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย มีข้าราชการและพนักงานออกมาโบกมือทักทายตามอาคารสำนักงาน เช่นเดียวกับที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ และโรงเรียนสายปัญญา มีเด็กนักเรียนจำนวนมากโบกมือทักทายให้การต้อนรับกลุ่มผู้ชุมนุม และทางนายสุเทพก็แวะทักทายประชาชน พร้อมให้ถ่ายภาพอย่างเป็นกันเอง
โดยเฉพาะเมื่อขบวนมาถึงถนนสีลม ซึ่งเป็นจุดแวะรับประทานอาหาร ระหว่างที่เดินขบวน มีประชาชนตลอดสองข้างทางมาร่วมเป่านกหวีด โบกธงชาติ ทักทายโบกไม้โบกมือเพื่อให้กำลังใจแกนนำ กปปส. พร้อมด้วยมอบเงินสนับสนุนการชุมนุมให้กับนายสุเทพตลอดสองข้างทาง โดยเฉพาะที่บริเวณถนนสีลม ตั้งแต่แยกศาลาแดงไปจนถึงแยกสีลม-นราธิวาสฯ มีประชาชน พนักงาน บริษัท ห้างร้าน ออกมารอต้อนรับขบวน กปปส.จำนวนมาก อีกทั้งยังมี แตงโม - ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวชื่อดัง และนายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรและผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ร่วมเดินในขบวนอีกด้วย โดยประชาชนตลอดเส้นทางที่ขบวนผ่านได้ตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า “กำนันสู้ๆ” ขณะเดียวกัน ผู้ชุมนุมที่ร่วมเดินอยู่ในขบวนก็ได้ตะโกนร้องเป็นเสียงเดียวกันด้วยว่า “ยิ่งลักษณ์ ออกไป"
หลายหมื่นเดินเต็มถนน
ขณะที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. ได้ประกาศผ่านโทรโข่ง เชิญชวนให้ประชาชนออกมาร่วมเดินขบวนครั้งใหญ่ในวันที่ 22 ธ.ค. ตลอดเส้นทางที่เดินผ่าน ซึ่งประชาชนที่อยู่สองข้างทางถนนสายต่างๆบางส่วนก็เข้าร่วมเดินกับขบวนผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้ร่วมเดินครั้งนี้หลายหมื่นคน
ที่น่าสนใจคือ ทุกเส้นทางที่นายสุเทพเดินผ่าน มีประชาชนนำเงินมาร่วมสนับสนุนกันตลอดทาง ทั้งธนบัตรใบละ 100, 500 และ 1,000 มาบริจาค จนทีมงาน กปปส.ต้องนำถุงขนาดใหญ่มาใส่ธนบัตรหลายถุง เนื่องจากประชาชนจำนวนมากรู้ข่าวที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งอายัดบัญชีเงินของแกนนำ กปปส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินรณงค์ของนายสุเทพ เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น. และได้กลับมาถึงเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เวลา 19.00 น. ซึ่งถือเป็นการใช้เวลาเดินรณรงค์นานกว่า 10 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ช่วงค่ำ มีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากกว่าหลายวันที่ผ่านมา โดยตอนหนึ่งพิธีกรบนเวทีได้ประกาศยอดเงินบริจาคจากชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย นำมาสนับสนุนการชุมนุม กปปส. แยกเป็นจากสีลม 594,160 บาท และเยาวราช 121,868 บาท
ต่อมาเมื่อ ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการอิสระ ขึ้นมาปราศัยบนเวที ได้เชิญ ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานกรรมการ บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) ขึ้นเวทีเพื่อมอบเงินบริจาค 1 ล้านบาท
ต่อมาเมื่อ ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการอิสระ ขึ้นมาปราศัยบนเวที ได้เชิญ ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานกรรมการ บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) ขึ้นเวทีเพื่อมอบเงินบริจาค 1 ล้านบาท
นายพิเชษฐ์ปราศรัยว่า เคยบริจาคเงินสนับสนุนจำนวน 1 ล้านบาท เข้าบัญชีครัวราชดำเนิน แต่ไม่สามารถบริจาคได้ เนื่องจากบัญชีถูกอายัด ดังนั้นวันนี้จึงนำเงินสดจำนวน 1 ล้านมาบริจาคให้ เพื่อเป็นทุนสนับสนุนการชุมนุม และพร้อมจะถูกนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีแจ้งข้อหากบฏจากการดำเนินการครั้งนี้
จากนั้น ดร.เสรีได้เชิญนายสุเทพขึ้นมาเพื่อรับเงินบริจาคดังกล่าว พร้อมทั้งยังมีกลุ่มศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล ธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมบริจาคเงินสดสนับสนุนอีก 335,000 บาทด้วย
น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก พิธีกรเวทีปราศรัยอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประกาศบนเวทีว่า เวลา 09.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. จะมีการนำรถบัส 100 คัน มารับผู้ชุมนุมเพื่อนำไปยังบ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ภายในซอยโยธินพัฒนา ย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา โดยมี ดร.เสรี เป็นแกนนำ พร้อมกับนักแสดงทิพฟานีโชว์จำนวนหนึ่ง เพื่อไปอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกฯ ลาออกและวางดอกไม้จันทน์หน้าบ้านด้วย เมื่อเสร็จกิจกรรมดังกล่าว ก็จะเดินทางกลับมายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เวลา 22.00 น.นายสุเทพขึ้นเวทีปราศัยกล่าวว่า วันนี้เดิน 10 ชั่วโมงไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่ปวดขาแต่ปวดไหล่ เพราะรับเงินบริจาค และได้เห็นหัวจิตหัวใจประชาชนทุกระดับชั้น โดยเฉพาะพี่น้องวินมอเตอร์ไซค์ที่ไม่เคยคาดมาก่อน ก็พร้อมยืนหยัดจะสู้ด้วยกัน
"คนที่เอาเงินมาให้เราวันนี้ กลัวว่าเราจะอดข้าว เป็นข้อดีของธาริตที่อายัดเงินเรา ซึ่งตอนนี้ยังนับกันไม่หมด แต่คร่าวๆ น่าจะประมาณ 7 ล้านหรือ 8 ล้าน" นายสุเทพกล่าว
'สุเทพ'ลั่น 22 ธ.ค.ร่วมใจไล่ปู
เลขาฯ กปปส.กล่าวว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ออกมาบอกว่าเลื่อนเลือกตั้งไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมาย ก็ไม่ต้องเลื่อน เชิญเลือกตั้งต่อไปแล้วจะเห็นฤทธิ์ประชาชน ขนาด กกต.บอกแล้วเลื่อนเลือกตั้งดีสุด แต่ถ้ายิ่งลักษณ์อยากจะเดินลงนรกก็จะให้ได้พบฤทธิ์เดชประชาชนขนาดไหน ขอให้พี่น้องประชาชนรับคำท้า จะได้รู้ฤทธิ์ประชาชนเสียที ไม่อย่างนั้นจะอวดดีไม่มีที่สิ้นสุด และทำคราวนี้ทำให้เต็มที่จะได้ไม่ต้องมีทรราชรายไหนมาทำให้ประชาชนช้ำใจอีกแล้วใครคิดวิธีไหนทำได้เต็มที่ แต่ต้องสันติ อหิงสา ไม่ใช้อาวุธ และต้องชนะอย่างขาดสะอาด
นายสุเทพกล่าวว่า อยากให้พี่น้องทราบว่าเดี๋ยวเขาจะเสนอเราให้เราตั้งสภาปฏิรูป ขอประกาศให้รู้เลยว่าไม่ต้องมาตั้งให้เรา เราจะตั้งเอง เพราะเขาต้องการให้เราตั้ง แต่เขาจะยังเป็นนายกฯ และเป็นรัฐบาลรักษาการ เราไม่เอา ไม่ต้องมาต่อรองเราจะจัดการกันเอง
"ขอกราบเรียนไปถึงชาวต่างจังหวัด อย่ารอนานรีบโทรศัพท์บอกพ่อแม่ ญาติ ว่ากระบวนการต่อสู้ของ มวลมหาประชาชน ทำเพื่อทุกคน ไม่แยกสี ไม่แยกฝ่าย และวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) พักเหนื่อย แต่เวทีจะมีเข้มข้น ส่วนวันที่ 22 นั้น เชื่อว่าจะเป็นวันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่คนไทยจะได้จารึกว่ามีมวลมหาประชาชนจำนวนมหาศาล ซึ่งเชื่อว่าจะมากกว่าวันที่ 9 ธ.ค.ด้วยซ้ำไป ทุกคนทั่วประเทศจะได้มีส่วนร่วมกันไล่ยิ่งลักษณ์ออกจากนายกรัฐมนตรี" นายสุเทพกล่าว
ส่วนเวทีกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ช่วงค่ำเช่นเดียวกัน นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษากลุ่ม คปท. กล่าวว่า ในการร่วมกับกลุ่ม กปปส. และกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) จัดชุมนุมใหญ่แสดงพลังขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ คปท.จะไม่เคลื่อนขบวนไปไหน แต่จะปักหลักรองรับประชาชนจำนวนมากที่จะร่วมชุมนุมในวันที่ 22 ธ.ค. นอกเหนือจากเวทีของ กปปส. และ กปท. โดยกิจกรรมหลักๆ คปท. จะเน้นการให้ความรู้และทำความเข้าใจกับมวลชนถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปประเทศภายใน 18 เดือน ก่อนจะมีการจัดการเลือกตั้งใหม่
นายสมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการและสื่อสารมวลชนอาวุโส ทวีตข้อความผ่านทวีตเตอร์ส่วนตัวที่ชื่อว่า “Somkiat Onwimon ?@somkiatonwimon” แสดงความคิดเห็นหลังเห็นภาพมวลชนร่วมเดินรณรงค์กับนายสุเทพและให้การต้อนรับ 2 ข้างทางว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม น่าจะรู้ตัวดีว่าจบชีวิตในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแล้ว
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษ ทำหน้าที่ประธานในการประชุมด่วนคณะพนักงานสอบสวน กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพวก ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอันเกี่ยวเนื่องจากการชุมนุมประกอบด้วย ตำรวจจาก บช.น. อัยการฝ่ายคดีพิเศษ และดีเอสไอ เพื่อพิจารณาการออกหมายเรียกแกนนำผู้ชุมนุมกุล่ม กปปส.ชุดที่สอง พร้อมทำหนังสือประสานสถาบันการเงินทุกแห่งให้อายัดบัญชีของผู้ที่ออกหมายเรียก หลังจากเดิมมีกำหนดจะประชุมออกหมายเรียกชุดที่สองในวันที่ 23 ธ.ค.
DSI อายัดรอบสอง 20 คน
นายธาริตแถลงว่า ที่ประชุมได้มีมติให้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติม (แกนนำแถวที่สอง) ในข้อหาปราศรัยปลุกระดม และมั่วสุมเกินกว่า 10 คนขึ้นไป และแจ้งธนาคารให้ตรวจสอบบัญชีและอายัดบัญชีทั้งสิ้น จำนวน 20 คน ได้แก่ นางสาวจิตต์ภัสร์ ภิรมย์ภักดี, นายสาธิต ปิตุเตชะ, นายสกลธี ภัททิยกุล, นายทศพล เพ็งส้ม, ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์, นายแก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.เสรี วงษ์มณฑา, นายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี หรือนายอมร อมรรัตนานนท์, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, นายถนอม อ่อนเกตุพล, นายชาญวิทย์ วิภูศิริ, นายพิชิต ไชยมงคล, นายไพบูลย์ นิติตะวัน, พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายพิภพ ธงไชย, นายบุญยอด สุขถิ่นไทย, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และนายพิจารณ์ สุขภารังษี
"ทาง DSI ตั้งข้อกล่าวหาบุคคลดังกล่าวกระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ 215 โดยมาตรา 116 คือมั่วสุม 10 คนขึ้นไปกระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ส่วนมาตรา 215 คือการฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน โดยแกนนำ 1-10 รายแรก นัดให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 ม.ค.57 ส่วนรายที่ 11-20 นัดในวันที่ 3 ม.ค.57 หากไม่มาตามนัดก็จะขอหมายจับในขั้นต่อไป" นายธาริตกล่าว
"ทาง DSI ตั้งข้อกล่าวหาบุคคลดังกล่าวกระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ 215 โดยมาตรา 116 คือมั่วสุม 10 คนขึ้นไปกระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ส่วนมาตรา 215 คือการฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน โดยแกนนำ 1-10 รายแรก นัดให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 ม.ค.57 ส่วนรายที่ 11-20 นัดในวันที่ 3 ม.ค.57 หากไม่มาตามนัดก็จะขอหมายจับในขั้นต่อไป" นายธาริตกล่าว
ซักถึงกรณีมีการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กระบุศาลรัฐธรรมนูญออกหมายจับนายธาริตฐานละเมิดอำนาจศาล กรณีอายัดทรัพย์สินแกนนำม็อบโดยไม่มีอำนาจ ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้เป็นการชุมนุมตามสิทธิของรัฐธรรมนูญนั้น อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า ตนไม่ให้ความสำคัญกับข่าวลือดังกล่าว และไม่จำเป็นที่ดีเอสไอต้องเข้าไปตรวจสอบที่มาของการปล่อยข่าวลวงที่ไม่มีมูลความจริงผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพราะเป็นที่ทราบข้อเท็จจริงดีว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ทำคดีอาญา จึงไม่มีอำนาจออกหมายจับ
ถามถึงกรณีคณะอนุกรรมาธิการป้องกันการทุจริตและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา จะเรียกเข้าชี้แจง นายธาริตกล่าวว่า ยังไม่เห็นหนังสือจาก ส.ว.ว่าจะให้ชี้แจงประเด็นใดบ้าง แต่พร้อมชี้แจงทุกประเด็น
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางด้วยเครื่องบินกองทัพบกจากจังหวัดร้อยเอ็ด มาที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ตั้งแต่เวลา 08.30 น. และเข้าร่วมประชุมสภากลาโหม ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. นำกำลังตำรวจกว่า 3 กองร้อย มาดูแลรักษาความปลอดภัยรอบสโมสรทหารบก หลังมีข่าวกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) จะมาชุมนุมปิดล้อมเพื่อคัดค้านการทำหน้าที่ประธานสภากลาโหมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ปรากฏว่ากลุ่ม คปท.ไม่ได้มาชุมนุมตามที่ประกาศไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมสภากลาโหมเสร็จสิ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ขึ้นเครื่องเดินทางมาที่จังหวัดมหาสารคาม และเข้าพักที่โรงแรมตักสิลา อ.เมือง จ.มหาสารคาม เวลา 18.30 น. ซึ่งมีกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมารอต้อนรับและให้กำลังใจอยู่บริเวณถนนริมคลองฝั่งตรงข้ามด้านหน้าโรงแรม เมื่อนายกฯ เดินทางมาถึงโรงแรม ได้แวะทักทายกับกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดง
ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลได้เดินทางมาแสดงสัญลักษณ์ด้วยการเป่านกหวีดและโบกธงชาติ พร้อมตะโกนขับไล่นายกฯ และคนในตระกูล ซึ่งจุดที่ชุมนุมอยู่ห่างกันประมาณ 200 เมตร และพยายามต่อรองเจ้าหน้าที่ตำรวจขอขยับเข้าไปชุมนุมใกล้กับพื้นที่โรงแรม แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยวางกำลังตำรวจปราบจลาจล 1 กองร้อย กระจายกำลังรอบโรงแรม พร้อมเตรียมรถดับเพลิงและรถสำรองไฟฟ้า
ส่วนที่ จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เรียกกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน จำนวน 2 กองร้อย มอบนโยบายเตรียมพร้อมดูแล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะที่จะเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่ จ.อุดรธานี หนองคาย และบึงกาฬ
นายขวัญชัย สาราคำ ประธานชมรมคนรักอุดร และชมรมคนรักภาคอีสาน 20 จังหวัด ได้เดินทางมาดูการเตรียมพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย และเปิดเผยว่าได้เตรียมทีมตบปากม็อบนกหวีดไว้แล้วจำนวน 10 ทีม แต่ไม่ขอระบุจำนวน ถ้ากลุ่ม “ม็อบนกหวีด” ออกมาก่อกวนเป่านกหวีดไล่ รักษาการนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ให้ทีมตบปากจัดการได้ทันที
ส.ว.ยื่นสอบจริยธรรมนายกฯ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมว่า ตำรวจยืนยันความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม กปปส. ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ รวมถึงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยช่วงการเลือกตั้ง ตั้งแต่วันรับสมัคร ช่วงหาเสียง และวันเลือกตั้ง
พล.ต.ต.อนุชากล่าวว่า หากมีการเคลื่อนไหวต่อต้านการเลือกตั้งจะต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ซึ่งตำรวจจะเน้นป้องกันไม่ให้มีการกระทบกระทั่งระหว่างกลุ่มที่มีความเห็นต่าง พร้อมเฝ้าระวังกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง เนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมอาวุธ ประทัดยักษ์ และวัตถุระเบิด ได้ที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตำรวจจะสืบสวนต่อไปว่ามีความเชื่อมโยงกับการชุมนุมหรือไม่
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้รับข้อมูลการชุมนุมวันที่ 22 ธ.ค. จะมีกลุ่มฮาร์ดคอร์จากภาคใต้ 2,000-3,000 คน มาร่วมชุมนุมด้วย เกรงว่าจะมีคนมาสร้างสถานการณ์การชุมนุม ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ขนระเบิดปิงปอง 900 ลูก ได้ที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่คาดว่าจะนำมาใช้ในการชุมนุมวันที่ 22 ธ.ค.หรือไม่
วันเดียวกัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จงใจลงมติให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นที่มา ส.ว. ในวาระ 3 ทั้งที่ทราบดีว่ามีปัญหา เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 แล้ว แต่ยังดึงดันลงมติ โดยไม่รอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาก่อน และยังเร่งรีบนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
นายไพบูลย์กล่าวว่า นอกจากนี้เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา ก็จงใจไม่ยอมขอพระราชทานกลับคืน นิ่งเฉยไว้ในลักษณะร่วมกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในการปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวเห็นได้ว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หลักนิติรัฐ นิติธรรม ต่อหน้าที่ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ตนเองและพวกพ้องมีโอกาสได้มาซึ่งอำนาจการปกครอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และเป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง
"จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบ และส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณา โดยให้ถือเป็นเหตุที่จะถูกถอดถอนจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 โดยขอให้นำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ถือว่ามีผลผูกพันทุกองค์กร มาเป็นหลักตรวจสอบตามคำร้องนี้ ซึ่งจะทำให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว" ส.ว.สรรหากลุ่ม 40 ส.ว.ผู้นี้ระบุ.
ส.ว.ยื่นสอบจริยธรรมนายกฯ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมว่า ตำรวจยืนยันความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม กปปส. ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ รวมถึงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยช่วงการเลือกตั้ง ตั้งแต่วันรับสมัคร ช่วงหาเสียง และวันเลือกตั้ง
พล.ต.ต.อนุชากล่าวว่า หากมีการเคลื่อนไหวต่อต้านการเลือกตั้งจะต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ซึ่งตำรวจจะเน้นป้องกันไม่ให้มีการกระทบกระทั่งระหว่างกลุ่มที่มีความเห็นต่าง พร้อมเฝ้าระวังกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง เนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมอาวุธ ประทัดยักษ์ และวัตถุระเบิด ได้ที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตำรวจจะสืบสวนต่อไปว่ามีความเชื่อมโยงกับการชุมนุมหรือไม่
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้รับข้อมูลการชุมนุมวันที่ 22 ธ.ค. จะมีกลุ่มฮาร์ดคอร์จากภาคใต้ 2,000-3,000 คน มาร่วมชุมนุมด้วย เกรงว่าจะมีคนมาสร้างสถานการณ์การชุมนุม ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ขนระเบิดปิงปอง 900 ลูก ได้ที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่คาดว่าจะนำมาใช้ในการชุมนุมวันที่ 22 ธ.ค.หรือไม่
วันเดียวกัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จงใจลงมติให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นที่มา ส.ว. ในวาระ 3 ทั้งที่ทราบดีว่ามีปัญหา เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 แล้ว แต่ยังดึงดันลงมติ โดยไม่รอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาก่อน และยังเร่งรีบนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
นายไพบูลย์กล่าวว่า นอกจากนี้เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา ก็จงใจไม่ยอมขอพระราชทานกลับคืน นิ่งเฉยไว้ในลักษณะร่วมกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในการปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวเห็นได้ว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หลักนิติรัฐ นิติธรรม ต่อหน้าที่ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ตนเองและพวกพ้องมีโอกาสได้มาซึ่งอำนาจการปกครอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และเป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง
"จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบ และส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณา โดยให้ถือเป็นเหตุที่จะถูกถอดถอนจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 โดยขอให้นำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ถือว่ามีผลผูกพันทุกองค์กร มาเป็นหลักตรวจสอบตามคำร้องนี้ ซึ่งจะทำให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว" ส.ว.สรรหากลุ่ม 40 ส.ว.ผู้นี้ระบุ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น