วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ราชดำเนินผนึกกำลังระดมล้านคน ถอนรากทรราช เมื่อ 24 พ.ย.56

ราชดำเนินผนึกกำลังระดมล้านคน ถอนรากทรราช


ราชดำเนินลั่นกลองรบ มวลมหาประชาชนผนึกกำลังโค่นระบอบทักษิณ ก่อนเคลื่อนทัพใหญ่ 25 พ.ย.
แกนนำต้านรัฐบาลทุกสายคล้องแขนรวมเป็นหนึ่งเดียว ลั่นเป็นเสียงเดียวกันต้องถอนรากถอนโคนทรราชให้สิ้นซากพ้นไปจากแผ่นดินไทย   "เทือก" เตือนหากประชาชนบาดเจ็บ-ล้มตาย ตระกูลชินวัตรไร้แผ่นดินอยู่ ขณะที่รัฐบาลขาสั่นสู้ ขู่เอาผิดข้อหากบฏ อ้างระวังมือที่ 3 โยนระเบิดใส่ ผวาหนักเตรียมใช้กระทรวงการต่างประเทศเป็นที่สำรองประชุม ครม.แทน
    วันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.2556 คือวันกำหนดนัดหมายครั้งใหญ่ของการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและถนนราชดำเนิน ที่ถูกจับตามองจากทุกฝ่ายว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นอย่างไร หลังก่อนหน้านี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำการชุมนุมถนนราชดำเนิน ประกาศการชุมนุมจะเสร็จสิ้นไม่เกินเดือน พ.ย. ภายใต้การชูประเด็นเคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ ซึ่งนายสุเทพและแกนนำเวทีราชดำเนินประกาศไว้ล่วงหน้าว่า การชุมนุมในคืนวันที่ 24 พ.ย. จะดำเนินไปจนถึงรุ่งเช้า จากนั้นในวันจันทร์ที่ 25 พ.ย. กลุ่มผู้ชุมนุมจะแยกกลุ่มกันเคลื่อนไหวเดินไป 12 เส้นทางตามสถานที่ต่างๆ
    โดยการชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน เมื่อวันเสาร์ที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าในช่วงเวลา 18.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ขึ้นเวทีเปิดตัวแกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวการเมืองทั้งหมดที่เข้ามาร่วมเคลื่อนไหวกับเวทีราชดำเนิน ประกอบด้วย เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) อาทิ นายนิติธร ล้ำเหลือ, นายอุทัย ยอดมณี, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสุริยะใส กตะศิลา แล้วก็ยังมี ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ จากกองทัพธรรม, พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ, พล.อ.ชัย สุวรรณภาพ, นายพิเชฏฐ พัฒนโชติ จากกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ตัวแทนสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์แห่งประเทศไทย(สรส.) 
    นอกจากนี้ ยังมีนักวิชาการและนักเคลื่อนไหวอิสระ เช่น นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายคมสัน โพธิ์คง, ตัวแทนชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย เช่น นายสมเกียรติ หอมละออ และตัวแทนนักธุรกิจสีลม เป็นต้น
    โดยนายสุเทพได้ขึ้นประกาศรายชื่อทั้งหมดว่าวันนี้ทุกคนที่มาบนเวทีนี้ ได้ร่วมเวทีเดียวกันแล้ว เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประเทศของประชาชน และวันที่ 24 พ.ย. รัฐวิสาหกิจทุกแห่งจะมาร่วมเคลื่อนไหวกับประชาชนและในวันที่ 24 พ.ย.ก็จะมีคนมาร่วมอีก
    นายนิติธร ล้ำเหลือ ปราศรัยว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการปกครองระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการทรราช ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการเมือง แต่ต่อสู้เพื่อให้ได้คุณธรรมกลับคืนมา วันนี้ประชาชนออกมาแสดงคุณภาพการเมืองไทย แต่คุณภาพยังเอาชนะไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลงคุณภาพเป็นพลัง จึงต้องมีมติร่วมกันเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
    นายสุริยะใส กตะศิลา ปราศรัยว่า พันธกิจครั้งนี้ที่จะเริ่มขึ้นจากนี้ การเคลื่อนไหวจะยึดมั่นในสันติวิธีและไม่ใช้ความรุนแรงที่จะทำให้ได้ชัยชนะเด็ดขาดและมีสัญญาใจว่าจะเปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
    นายอุทัย ยอดมณี ปราศรัยว่า วันที่ 24 พ.ย. จะเป็นวันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ต้องออกมาขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โค่นล้มระบอบทักษิณ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
    ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ปราศรัยว่า ประเทศไทยไม่สามารถชนะอะไรได้เลยถ้าไม่มีหัวใจแบบประชาชนที่มากันวันนี้ ที่จะทำให้ไม่มีวันแพ้ ระบอบทักษิณทำความบอบช้ำให้กับประเทศไทยมานาน แต่นับจากวันพรุ่งนี้ ไปแน่ ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น แต่ไปด้วยความสงบ
    นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า เครือข่ายสมัชชาประชาชนทั่วประเทศมีมติร่วมกันว่า ขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร, นายนิคม ไวยรัชพานิช
    นายสมเกียรติ หอมละออ ตัวแทนนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ระบอบทักษิณเป็นต้นตอการทุจริต เป็นยิ่งกว่าปลวก ดังนั้นต้องเร่งกำจัดปลวก นอกจากนี้ ระบอบดังกล่าวยังดื้อยา เพราะยังไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญอีกด้วย
    จากนั้นทั้งหมดได้ร่วมกันคล้องแขนบนเวที โดยนายสุเทพบอกว่า นับจากนี้ทั้งหมดที่ร่วมกันคล้องแขนวันนี้ จะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่คล้องแขนเดินกันไปแบบนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจในตัวแทนที่ขึ้นมาวันนี้ วันที่ 24 พ.ย. เราจะสร้างประวัติศาสตร์ด้วยกัน
     ทั้งนี้ การเปิดตัวกันครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรก หลังก่อนหน้านี้กลุ่มต่างๆ ได้แยกกันเคลื่อนไหวในพื้นที่ต่างๆ เช่น สวนลุมพินี แยกอุรุพงษ์ สะพานมัฆวานฯ แยกนางเลิ้ง เป็นต้น
เวทีลั่นกลองรบ ดีเดย์แตกหัก
    โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในช่วงค่ำของการชุมนุมที่ถนนราชดำเนินเป็นไปอย่างคึกคัก หลังบนเวทีมีการประกาศเชิญชวนให้ประชาชนออกมารวมตัวกันให้มากที่สุดในวันที่ 24 พ.ย.นี้ โดยช่วง 20.00 น. บนเวทีได้มีการลั่นกลองรบ เป็นสัญญาณการเคลื่อนไหวใหญ่ด้วย
    จากนั้น นายสุเทพได้ขึ้นปราศรัยอีกครั้งเพื่อบอกทิศทางการเคลื่อนไหววันที่ 24 พ.ย. ว่าขณะนี้มวลมหาประชาชนลั่นกลองรบแล้ว เสียงกลองกึกก้องเร้าใจเรียกร้องประชาชนให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยกัน เป็นหนเดียวในชีวิตที่จะต่อสู้ด้วยกัน ลุกขึ้นมาเถิดพี่น้องทั้งหลาย เพื่อจะได้ไปเล่าขานให้ลูกหลานฟังว่า กูได้สู้เพื่อพวกมึงแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้จะสู้แบบสันติ อหิงสา และสู้จนชนะ เราจะทำบุญตักบาตรกันตอนเช้า แล้วฟังเทศน์ให้เป็นมงคลต่อชีวิต เพื่อสร้างพลังให้กับพวกเรา
    "จากนั้นจะได้สู้เพื่อขจัดระบอบทักษิณไปให้พ้นจากแผ่นดินไทยให้ได้ และสู้จนชนะ ไม่ชนะไม่กลับบ้าน พวกทักษิณ สมุนบริวาร ดูถูกประชาชนเหลือเกินว่าประชาชนไม่มีน้ำยา หมิ่นว่าการชุมนุมของเราจะไม่มีวันมีเอกภาพ ไม่มีวันทำอะไรมันได้ แต่ค่ำคืนนี้ บนเวทีนี้แห่งนี้ ผู้นำทุกเครือข่ายรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีใครถือเขาถือเรา วันนี้จึงเป็นวันเริ่มต้นทำให้ประวัติศาสตร์ชาติไทยจารึกไว้ว่าทุกดวงใจจากทุกองค์กรเขารวมกันจริงๆ เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย รัฐวิสาหกิจ 45 แห่ง รวมกับพี่น้องด้วยแล้ว ผมก็ไปขึ้นเวที คปท. กองทัพธรรมคนก็เยอะ ผมก็ไปมาแล้ว
    สายข่าวผมบอกมาว่าทักษิณ ชินวัตร เห็นภาพผู้นำเครือข่ายองค์กรต่างๆ ขึ้นเวทีแล้วเดือดจัด สั่งให้กระทำการอะไรบางอย่าง ทักษิณ ผมรู้คุณกำลังดูผมอยู่ ทักษิณ พอได้แล้ว จบได้แล้ว คนไทยเขาไม่เอาคุณแล้ว จริงๆ คุณโกงประเทศไทยไปไม่รู้กี่แสนล้าน พี่น้องคุณโกงอีกไม่รู้เท่าไหร่ คุณยุยงให้คนมาฆ่ากัน เพื่อประโยชน์คุณทั้งสิ้น พอได้แล้ว ทักษิณ หากคุณยอมหยุดวันนี้ น้องสาวคุณเก็บกระเป๋าไป วันข้างหน้าพวกคุณ ญาติคุณยังมีชีวิตอยู่ได้ ได้กลับมาประเทศนี้  แต่ถ้าคิดว่าชีวิตนี้คนตระกูลชินวัตรต้องไปอยู่เมืองนอกทุกคน ก็สั่งทำร้ายประชาชนแล้วมึงจะเห็นกัน ถ้างานนี้ชีวิตประชาชนเสียแม้แต่ชีวิตเดียว ตระกูลชินวัตรจะไม่ปลอดภัยทั้งตระกูล รอดูว่าสองล้านมือสองล้านตีนจะมากขนาดไหน วันนี้คุณหยุดประชาชนไม่ได้แล้ว ถ้าผู้ว่าฯ คนไหนยังเกณฑ์คนมารับใช้ระบอบทักษิณ เตรียมเก็บกระเป๋าตามนายมึงได้แล้ว เราจะคิดบัญชีกับคุณ ส่วนแกนนำแดงทั้งหลายมึงจะทำอะไรก็ทำไปเถิด เพราะชีวิตมึงเหลืออีกไม่กี่วันแล้ว ผมไม่มีวันลืมที่คนของระบอบทักษิณมันฆ่าทหารบนถนนสายนี้ และหลายคนพิการมาจนถึงทุกวันนี้" นายสุเทพกล่าว
    นายสุเทพปราศรัยต่อไปว่า    "พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ผมพูดกับคุณทางโทรศัพท์แล้ว อย่าทำอะไรเป็นเรื่องเสียหายกับประชาชน แล้วคุณจะได้เกษียณอายุราชการในตำแหน่ง วันนี้อริสมันต์ไปเตรียมกำลังตำรวจปลอมไว้เพื่อสู้กับประชาชน มึงจะสู้กับใคร พวกกูมือเปล่าทั้งนั้น ประชา ประสพดี อยู่สมุทรปราการ ซ่องสุมคน ถ้าเอาคนมาทำร้ายประชาชน คราวนี้มึงตายแน่นอน ประชาเอ๋ย พรุ่งนี้วัดใจกัน เดินมาขนาดนี้แล้ว ไม่มีทางอย่างอื่นต้องเดินถึงเส้นชัย เราไม่ถอยอีกแล้ว"
    จากนั้นเวลา 21.09 น. นายสุเทพได้ตีกลองขนาดใหญ่บนเวที และมีการประกาศบนเวทีว่า นี้คือการลั่นกลองรบ 
    ก่อนหน้านั้น นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกเวทีราชดำเนิน แถลงว่า ขณะนี้ประชาชนจำนวนมากกำลังเดินทางมาชุมนุมกับเราที่นี่ คาดว่าไม่เกิน 18.00 น. วันพรุ่งนี้ จะมีมวลชนเกินล้าน แม้จะโดนสกัดโดยจะมีการชุมนุมข้ามคืน และบางส่วนจะมาสมทบในวันที่ 25 พ.ย. เพื่อร่วมเคลื่อนขบวนเดินอารยะ 12 เส้นทางที่ยังไม่ขอเปิดเผย แต่จะเป็นการเดินขบวนเรียกร้องให้ข้าราชการออกมาร่วมกำจัดระบอบทักษิณ โดยจะปฏิบัติทุกอย่างตามกฎหมายและสงบปราศจากอาวุธ
     เมื่อถามว่า ขณะนี้หลายกลุ่มเริ่มชุมนุมรอบทำเนียบรัฐบาลแล้ว ยืนยันว่าจะไม่ไปปิดล้อมทำเนียบฯ หรือไม่ นายเอกณัฏกล่าวสั้นๆ ว่า "ไม่ยืนยัน"
แดงรับใบสั่งนัดชุมนุมด่วนวันเดียวกัน
    ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง วันเดียวกัน ปรากฏว่า นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. พร้อมด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ประกาศระดมมวลชนร่วมชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.2556 เวลา 18.00 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ภายใต้ชื่องาน "รัฐถูกประหารโดยศาลรัฐธรรมนูญ" โดยแกนนำ นปช.กล่าวว่า ที่นัดชุมนุมก็เพื่อร่วมต่อสู้โดยชอบธรรม ตามสิทธิรัฐธรรมนูญ เนื่องจากปัจจุบันประเทศกำลังถอยหลังลงคลอง จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ใช้อำนาจอำมาตย์ ให้องค์อิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญ ปล้นรัฐธรรมนูญแบบลับๆ จากประชาชน จึงขอให้ประชาชนคนเสื้อแดงจากกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง เตรียมตัวเดินทางเข้าร่วมชุมนุม เบื้องต้นจะปักหลักชุมนุมโดยไม่มีกำหนด เพื่อรอดูท่าทีจากกลุ่มผู้ชุมนุมราชดำเนิน ซึ่งยืนยันจะเป็นการชุมนุมในที่ตั้ง สงบ สันติ และไม่มีการนำมวลชนไปชนกับม็อบราชดำเนินอย่างแน่นอน
    ขณะที่การเตรียมพร้อมของฝ่ายรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงข่าวถึงการชุมนุมกลุ่มต่างๆ ว่า รายงานการข่าวของสันติบาล และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตรงกันว่า มวลชนที่จะเข้ามาในการชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.นี้ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประเมินว่าจะมีผู้ชุมนุมสูงสุดประมาณ 70,000 คน โดยตำรวจกังวลว่าจะมีความพยายามในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ในบางจุดที่มีการเผชิญหน้ากันของกลุ่มผู้ชุมนุมและแนวกำลังตำรวจที่รักษาพื้นที่ตามประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง และจากการข่าวยังพบว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีแนวโน้มในการเคลื่อนไหวในลักษณะดาวกระจายไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ หลายแห่งในวันที่ 25 พ.ย. ดังนั้น ศอ.รส.จึงสั่งการให้มีการจัดชุดเคลื่อนที่เร็วจำนวน 40 นายต่อ 1 ชุด ในทุกพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมประจำจุดที่คาดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะไปเคลื่อนไหวปิดกั้นสถานที่
    นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศปิดล้อมสถานที่ราชการสำคัญในวันที่ 25 พ.ย. และหลังรัฐบาลเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาในวันเดียวกัน เพื่อเปิดทางการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งจัดหาที่ประชุมครม.สำรองไว้กรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบฯ ได้จัดหาที่ประชุม ครม.สำรองไว้เรียบร้อยแล้ว
     รายงานข่าวแจ้งว่า รัฐบาลได้เตรียมสถานที่ประชุม ครม.สำรองไว้ที่กระทรวงการต่างประเทศ
"เหลิม" ขู่เอาผิดข้อหากบฏ
    ที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งมีข่าวว่าเป็นวอร์รูมของรัฐบาลในการติดตามสถานการณ์การชุมนุม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน แถลงว่า การที่มาช่วยดูแลสถานการณ์การชุมนุม ไม่ได้มีอำนาจสั่งการใดๆ แค่อาสาเข้ามาช่วยทำงาน ได้เรียก พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ชลบุรี มาคุย เพราะมีข่าวว่าจะมีการจ้างแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานใน จ.ชลบุรี มาร่วมชุมนุม จึงต้องตรวจสอบ ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รู้สึกไม่ปลอดภัยที่มีตำรวจ 4 นายตามประกบนั้น ขอยืนยันว่าไม่ได้ข่มขู่ แต่หวังดี ผิดด้วยหรือที่ขอร้องให้นายตำรวจ 4 นายไปดูแลเวลาที่นายสุเทพเคลื่อนไหว หากไม่ต้องการตำรวจก็จะไม่ดูแล
    “หลังจากนี้ผมจะไปขอใบมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อฟ้องนายสุเทพในข้อหาหมิ่นประมาท ที่ปราศรัยใส่ร้ายถึงขั้นจะเนรเทศนายกรัฐมนตรีและตระกูลชินวัตรออกนอกประเทศ ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่ากัน ไล่ไม่ได้ เพราะเป็นคนไทยมาตั้งแต่เกิด และไม่มีใครกลัวใคร ขอยืนยันว่านายกรัฐมนตรีไม่ยุบสภา ไม่ลาออก หากใครทำ ผมและ ส.ส.เพื่อไทย จะประท้วง และจะไม่ยอม การที่พรรคประชาธิปัตย์ให้นายสุเทพเป็นแกนนำ แสดงว่าไม่มีเบี้ยที่จะเล่น และต้องถูกเช็กบิลแน่” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
    ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า การเคลื่อนไหวการชุมนุม การกล่าวบนเวทีปราศรัยของนายสุเทพนั้น ตอนนี้ถือว่าทำความผิดฐานเป็นกบฏ เนื่องจากผิดตามข้อกฎหมาย ม.113 ที่ว่าด้วยผู้ใดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อ (1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ (2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ    (3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
    "การชุมนุมใหญ่ในวันที่ 24 พ.ย. ที่กลัวมากที่สุดคือมือที่สาม ที่พูดไม่ได้ขู่ แต่ถ้าเกิดมีใครโยนระเบิด 3 ลูกเข้าไป และมีคนตาย 300 คน จะทำยังไง ถ้าเกิดขึ้นจริง ยืนยันว่าไม่ใช่ฝีมือตำรวจ ทหารและรัฐบาลเด็ดขาด เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิง เพศแม่ ไม่มีใจอำมหิต ส่วนกรณีที่ม็อบจะเคลื่อนขบวนไปบนถนน 12 เส้นทาง จะไม่ยอมให้มีการยึดทำเนียบฯ หรือปิดสนามบิน ส่วนการประชุม ครม.ในวันจันทร์ที่ 25 พ.ย. นี้ ยังไม่มีการหาสถานที่ประชุมสำรอง และเชื่อว่าสถานการณ์ยังคงไม่ถึงขั้นนั้น และยืนยันว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุมในเวลากลางคืน จะไม่ใช้กระสุนจริงอย่างแน่นอน" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
    ขณะที่ช่วงเย็นวันที่ 23 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ได้นำผลไม้ พุทรานมสด ส้มจีน สาลี่ ช็อกโกแลต และลูกอม มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำตามจุดต่างๆ ทั้งที่ทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ โดยนายจารุพงศ์กล่าวว่า ตำรวจกว่า 4,000 นายที่มาปฏิบัติหน้าที่มาด้วยกันหลายจังหวัด จึงได้นำสิ่งของมาเยี่ยมเพื่อเป็นกำลังใจ เพื่อทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้ง เพราะทุกคนเสียสละ เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปได้
    "ได้สั่งทุกส่วนราชการระมัดระวังอย่างดีที่สุด ไม่เข้าไปปะทะ แต่หากเกิดการเผชิญหน้าก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย รวมถึงบันทึกภาพและวิดีโอไว้ อย่าลืมว่าคดีไม่ได้สิ้นสุดแค่วันเดียว อยากเตือนคนที่เข้ามาอย่าใช้กำลัง พูดกันด้วยเหตุด้วยผลสงครามกลางเมืองจะได้ไม่เกิด เท่าที่ทราบเวลานี้เริ่มมีการขนคนเข้ามาจากภาคใต้ขึ้นมา ทั้งเกณฑ์และจ่ายเงินจ้างเข้ามาโดยพรรคประชาธิปัตย์" รมว.มหาดไทยกล่าว
      นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย กล่าวกรณีที่นายสุเทพประกาศอาจตัดน้ำตัดไฟบ้านนายกฯและสถานที่ราชการว่า ทราบข้อมูลว่ามีการตระเตรียมสิ่งเทียมอาวุธ เช่น ของแหลม ด้ามธง รวมทั้งประทัดยักษ์ พร้อมทั้งมีกลุ่มผู้ต้องการสร้างความรุนแรงปะปนอยู่ สำหรับมาตรการตัดน้ำตัดไฟสถานที่ราชการ รัฐบาลจะไม่ยอมให้ทำเด็ดขาด
    พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวเช่นกันกรณีมีการชุมนุมปิดแยกนางเลิ้งและสะพานเทวกรรม ปิดทางเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นยกระดับการชุมนุมเพื่อให้เกิดความรุนแรง จากนั้นโยนความผิดให้รัฐบาล เพื่อเพิ่มมวลชนเข้ามา รัฐบาลจึงกำชับเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องไม่หลงกัน ห้ามใช้อาวุธระงับเหตุเด็ดขาด สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการคือหวังให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนรัฐบาลชุดที่แล้ว บีบให้รัฐบาลตั้งศูนย์เช่นเดียวกันศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีการออกคำสั่งสลายการชุมนุมจนนำไปสู่ความรุนแรง แต่รัฐบาลชุดนี้จะไม่ทำเช่นนั้นแน่ เพราะทางความมั่นคงไม่มีใครทำ
    นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต นักวิชาการกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ กล่าวว่า ทางออกในตอนนี้คือรัฐบาลต้องออกมายอมรับผิดและออกมาขอโทษประชาชนซะก่อน อาจจะทำให้อารมณ์ประชาชนคลายความเครียดลงได้บ้าง ซึ่งการรับผิดชอบในตอนนี้เกินเลยกว่าคำว่ายุบสภาไปแล้ว ประชาชนต้องการให้มีการปฏิรูปทางการเมืองอย่างแท้จริง ให้นักการเมืองชุดนี้เว้นวรรค หรือออกไปจากระบบการเมืองของประเทศไทย โดยส่วนตัวตนเชื่อว่าจากสถานการณ์และกระแสต่อต้าน รัฐบาลชุดนี้อยากยุบสภาอยู่ทุกลมหายใจ แต่ยังค้าง เรื่อง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านและมาตรา190 ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ๆ ที่ยังติดค้างอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่เช่นนั้นคงยุบสภาไปแล้ว เพราะเชื่อว่าถึงเลือกตั้งใหม่ก็สามารถกลับมาได้รับการเลือกตั้งอีก
    “ตอนนี้อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้เกิด อารมณ์คนตอนนี้อยากไล่ตะกูลชินวัตร ดามาพงศ์ ออกนอกประเทศไป รัฐบาลคงไม่กลัวเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา เพราะยังไงก็ใช้เสียงข้างมากชนะอยู่ แต่ติดที่ยังไม่ยุบเพราะ 2 ล้านล้าน” นายคมสันกล่าว
    นายอมร วาณิชวิวัฒน์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ กล่าวถึงกรณีผู้ชุมนุมประกาศแตกหักกับรัฐบาลและการยุบสภาว่า เงื่อนไขขึ้นอยู่กับว่าจะมีผู้ชุมนุมจำนวนมากและจะอยู่นานหรือไม่ การจะกดดันรัฐบาลได้จริงหรือไม่ ขึ้นอยู่จำนวนผู้ชุมนุม แต่คิดว่ารัฐบาลคงไม่รู้สึกกดดันอะไร อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นถ้าม็อบทั้งสองฝ่ายไม่มาเผชิญหน้ากันและปะทะกัน ต่างคนต่างชุมนุมในพื้นที่ของตัวเอง ไม่ยั่วยุหรือมีมือที่สามมาก่อเหตุ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น