วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เดือด!แดงปะทะม็อบต้านนิรโทษ ไม่แคร์ตำรวจปาของ-สาดน้ำใส่ เมื่อ 2 พ.ย.56



เดือด!แดงปะทะม็อบต้านนิรโทษ ไม่แคร์ตำรวจปาของ-สาดน้ำใส่
 
ภาพจากแนวหน้า
ภาพจากแนวหน้า

2 พ.ย. 56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย อ.เมือง จ.เชียงราย กลุ่มพลังมวลชนชาวเชียงราย 56 จำนวนประมาณ 50 คน ซึ่งนำโดย นายเจริญ กาวิล ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์จังหวัดเชียงราย ได้นำรถยนต์พร้อมเครื่องขยายเสียงมาเปิดปราศรัยคัดค้านการขอ พรบ.นิรโทษกรรม  โดยกลุ่มมวลชนเดินทางมาจากกลุ่มต่างๆ ทั้งกลุ่มที่เป็นเครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มเครือข่ายปกป้องสถานบัน กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เดิม   และแกนนำของกลุ่มต่างๆ ดังกล่าวได้ผลัดกันขึ้นปราศรัยบนรถ 
 
ทั้งนี้ พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.เชียงราย พ.ต.อ.ชูวิทย์ กองแก้ว ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนนับ 100 นาย ไปอยู่บริเวณกลางลานอนุสาวรีย์ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงได้เคลื่อนขบวนไปทางถนนสิงหไคลทางด้านทิศเหนือของอนุสาวรีย์และใช้รถติดเครื่องขยายเสียงปราศรัยโจมตีการชุมนุมของกลุ่มพลังมวลชนชาวเชียงราย 56 อย่างหนัก จนเกิดการกระทบกระทั่งด้วยการปราศรัยตอบโต้กันไปมา โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้พยายามรุกเข้าไปเพื่อฝ่าแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลาจนช่วงแรกเกิดการกระทบกระทั่งกับมวลชนต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งมีปากเสียง ตะโกนด่า ขว้างปาสิ่งของ สาดน้ำ และบางคนจะชกต่อยกัน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งได้วางกำลังเอาไว้อย่างดีได้เข้าระงับเหตุห้ามปรามได้ทัน 
 
อย่างไรก็ตาม ยังมีการกระทบกระทั่งกันตลอดการปราศรัยของทั้งสองฝ่ายแม้จะมีการกั้นไม่ให้เข้าถึงกัน โดยแกนนำคนเสื้อแดงพยายามรุกเข้าไปตามจุดต่างๆ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปเจรจาและขอให้แต่ละฝ่ายอยู่ในจุดของตนอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงได้ใช้รถยนต์ปราศรัยคันหนึ่งขับอ้อมถนนขึ้นไปบนทางเดินเท้าฝั่งทิศใต้ใกล้กับรถปราศรัยของกลุ่มต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม และเกิดการกระทบกระทบสาดน้ำเข้าใส่กันเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปห้ามปรามและเข้าไปชิงเอารถขับกลับไปอยู่ที่จุดเดิม ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนระอุ เพราะกลุ่มต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมไม่ได้ถอยหนี  ทำให้ทาง พ.ต.อ.ชูวิทย์ เห็นสถานการณ์ไม่ปกติจึงได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจากับแกนนำทั้งสองฝ่ายให้ยุติการชุมนุมเพื่อลดการกระทบกระทั่งที่อาจหนักขึ้น รวมทั้งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปปิดกั้นระหว่างทั้งสองกลุ่มเพิ่มเติม และปิดถนนฝั่งทิศใต้เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงนำรถบุกเข้าไปอีก
 
โดย นายเจริญ กล่าวว่า ก่อนการจัดการชุมนุมครั้งนี้ได้ศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญแล้วเป็้นอย่างดีทั้งรัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 พบว่ามีเนื้อหาให้สิทธิประชาชนในการแสดงความเห็นได้อย่างสันติโปรดปราศรัยอาวุธ ซึ่งกรณีของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้เราก็เห็นอยู่แล้วว่าไม่ถูกต้องเพราะเป็นการไปยกโทษให้คนที่กระทำความผิดซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองโดยสันติและปราศรัยอาวุธเลย ทั้งยังไปยกโทษให้คนทุจริตคอรัปชั่นโกงกินบ้านเมือง ให้เขากลับมามีอำนาจโกงกินซ้ำซากอีกเราเหมือนคนถูกหลอกกันทั้งประเทศ ในครั้งนี้จึงเป็นการแสดงพลังอย่างสันติแต่สงสัยว่าเหตุใดกลุ่มคนเสื้อแดงที่อ้างประชาธิปไตยจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้อีก 
 
ด้าน น.ส.จีรนันท์ จันทรวงศ์ แกนนำกลุ่มลูกคนเมืองรักชาติ และแกนนำเสื้อแดงอีกหลายคนผลัดกันปราศรัย ตะโกนไปยังเวทีของฝ่ายตรงกันข้ามอยู่ตลอดเวลา โดยแกนนำคนเสื้อแดงระบุว่า พวกเราต้องการให้มีการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งเพราะถ้าไม่เหมาเข่งคนที่อยู่ในคุกจะเป็นอย่างไร สำหรับพวกที่มาชุมนุมต่อต้านเป็นพวกที่ไม่รักชาติบ้านเมือง รับจ้างเขามา และมาไม่ถูกสถานที่เพราะคนเชียงรายไม่ต้องการให้มีการชุมนุมในลักษณะนี้
 
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าในช่วงท้ายปรากฎเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อนายถวัลย์หรือวีระ ชมภูวิเศษ หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มต่างๆ ในนามเสื้อแดงอิสระมาโดยตลอด ได้ขึ้นปราศรัยบนรถปราศรัยของฝ่ายต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม โดยบอกว่าตัวเขาเองก็ไม่ต้องการพระราชบัญญตินิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งนี้ เพราะต้องการให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนที่ติดคุกติดตารางไม่ใช่นำคนเสื้อแดงไปแลกกับผลประโยชน์ของบางคนด้วย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมคึกคักอย่างเต็มที่ ส่วนฝ่ายเสื้อแดงตะโกนด่าว่าเป็นคนทรยศ
 
จนท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเกลี่ยกล่อมให้ทุกฝ่ายสลายตัว ทำให้ฝ่ายต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมได้ให้นายสุพร สุทธิธรรม ประธานกลุ่มพลังมวลชนชาวเชียงราย อ่านแถลงการณ์มีเนื้อหาให้ประชาชนเห็นถึงพิษภัยของพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยเน้นให้คนทุกสีเสื้อได้เห็นว่าเป็นการทำลายสถาบันหลักของประเทศ ก่อนที่จะสลายตัวไปท่ามกลางการดูแลไม่ให้อีกฝ่ายเข้าไปกระทบกระทั่งซึ่งถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดอีกครั้งหนึ่งนับตั้งแต่มีการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่มา ขณะที่ฝ่ายเสื้อแดงเมื่อเห็นฝ่ายอีกฝ่ายสลายตัวก็พากันสลายตัวตามไปในที่สุดท่ามกลางความโล่งอกของทุกฝ่าย.
ภาพจากแนวหน้า
ภาพจากแนวหน้า
ภาพจากแนวหน้า
ภาพจากแนวหน้า
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น