วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

สรุปข่าวที่น่าสนใจ เมื่อ 4 มี.ค.56




"วาดะห์"เชื่อดับไฟใต้มาถูกทางแล้ว


นายซูการ์โน มะทา กลุ่มวาดะห์ อดีตส.ส.ยะลา พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาภาคใต้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปเจรจากับผู้นำประเทศมาเลเซีย ภายใต้ความร่วมมือของสมช. ทำให้เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ที่อาจนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคตได้ ยิ่งเห็นการทำงานของศอบต. โดยเฉพาะพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ที่ไปเดินเกมทั้งการเยียวยาและเจรจา ทำให้สมาชิกในองค์กรให้การยอมรับมากขึ้น ส่วนแนวคิดการใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น เมื่อไปดูบางพื้นที่5-6อำเภอใน3จังหวัดภาคใต้ที่ไม่เคยมีคดีทางความมั่นคงเลยนั้น เราก็ควรถอนพ.ร.ก.ออกแล้วปรับมาเป็นพ.ร.บ.แทน โดยเฉพาะการใช้พ.ร.บ.มาตรา21นั้น เป็นช่องที่เข้าถึงยุทธศาสตร์ การแก้ปัญหาที่ผ่านมาเป็นการเดาสุ่มมาตลอด จนกระทั่งเกิดเหตุปะทะกับทหารนาวิกโยธิน จ.นราธิวาส เมื่อไปถามครอบครัวแกนนำก่อเหตุจึงได้รู้ว่าเกิดจากกลไกรัฐ ความเคียดแค้นเจ้าหน้าที่จากเหตุการณ์ตากใบ เพราะฉะนั้นการปรับหนทางมาสู่การเจรจาจึงถือเป็นแนวทางที่มาถูกต้องแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า แกนนำที่มาลงนามนั้นไม่ได้มีอำนาจจริง นายซูการ์โนกล่าวว่า เหมือนกับสมัยจีน เขาก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายยุทธการ ผู้ที่มาแม้ไม่อยู่ในฝ่ายปฏิบัติการแต่เวลาไปฟังก็ต้องมีการปรึกษากันบ้าง เมื่อผู้ใหญ่คุยแนวทางนี้เพื่อให้เกิดความสงบสุข เรื่องการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม หากมีการเจรจาเพื่อนำมาสู่การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ยิ่งเกิดเหตุรุนแรงคนที่เสียประโยชน์ที่สุดก็คือประชาชนในพื้นที่ การเจรจาจึงนำไปสู่หารหาทางออก อย่างไรก็ตาม หากลดอคติแล้วมองดู อดีตนายกรัฐมนตรีไทย กับนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพนั้น คนเจรจามีบารมี หากคนเจรจาไม่มีบารมีคงไม่สำเร็จ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ การเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคไทยรักไทยปี2548 ถูกกล่าวหาฆ่าพี่น้องมุสลิม ทำให้แพ้การเลือกตั้งจนมาถึงวันนี้ แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นพ.ต.ท.ทักษิณคงไปอยู่ประเทศมุสลิมซึ่งเขามีเครือข่ายพี่น้องโยงใยไปทั่วโลกไม่ได้ แต่ท่านก็ยังอยู่ดูไบได้ ถือว่าการแก้ปัญหาวันนี้มาถูกทาง เมื่อต้นเหตุเกิดจากการเมืองก็ต้องแก้ที่การเมือง ประกอบกับข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์9ข้อก่อนหน้านี้ไม่เคยพูดถึงเรื่องการเจรจาแก้ปัญหาโดยสันติวิธีเลย และแต่ละข้อล้วนเป็นเรื่องที่เคยปฏิบัติมาแล้วทั้งสิ้น หนทางเจรจาถือว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว
เกิดเหตุระเบิดพลีชีพในนครการาจีของปากีสถานตาย 45 คน
เกิดเหตุระเบิดพลีชีพในนครการาจีของปากีสถาน ที่พุ่งเป้าโจมตีไปที่ชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ขณะที่พวกเขาเสร็จสิ้นการละหมาดและเดินออกจากมัสยิด ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 45 คน และบาดเจ็บ 149 คน / นับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา มีชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ ถูกสังหารแล้วเกือบ 300 คน

ตำรวจ เปิดเผยว่า คนร้ายได้นำรถบรรทุกระเบิดขนาด 150 กิโลกรัม ไปจอดใกล้กับตลาดและอาคารอพาทเม้นท์ราว 30-40 แห่ง ในย่านอับบาสทาวน์ ที่มีประชาชนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้อาคารเหล่านี้ ได้รับความเสีย และเกรงว่าจะมีประชาชนจำนวนมากติดอยู่ใต้ซากอาคารตอนแรกมีรายงานการระเบิด 2 ครั้ง แต่ต่อมาพบว่า การระเบิดครั้งที่ 2 เกิดจากท่อก๊าซระเบิด อันเป็นผลมาจากแรงระเบิดครั้งแรก / ประชาชนต้องใช้มือเปล่า ช่วยกันค้นหาผู้รอดชีวิต 

พื้นที่เกิดเหตุได้ชื่อว่า เป็นย่านที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิมชีอะห์เป็นส่วนใหญ่ และมีการเฝ้าระวังก่อนหน้านี้ หลังจากเกิดระเบิดโจมตีชุมชนชาวมุสลิมชีอะห์ ในเมืองบาลูจิสถาน เมื่อเดือนที่แล้วทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 คน 

ขณะนี้ ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น แต่ทางการเชื่อว่า เป็นฝีมือของกลุ่มมุสลิมนิกายสุหนี่ ที่เกี่ยวข้องกับตาลีบันและอัล ไกดา ที่อยู่เบื้องหลังการใช้ระเบิดโจมตีชาวมุสลิมชีอะห์ในเมืองเกตต้า เมื่อเดือนมกราคม / พยานในที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เห็นคนถูกไฟคลอกเสียชีวิต และคนที่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เด็กหลายคนนอนจมกองเลือด และผู้หญิงวิ่งร้องตะโกนเรียกลูก ๆ และคนในครอบครัว / แรงระเบิดทำให้อพาทเม้นท์ 2 แห่ง และร้านค้าใกล้เคียงถูกไฟไหม้ ระเบียงอาคารหลายแห่งพังถล่ม

ทหารนาวิกโยธินร่วมครูนักเรียนฟื้นฟูโรงเรียนหลังน้ำลด

ที่โรงเรียนบ้านลำภู ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส เรือเอกสุวัชชัย อู่ตะเภา ผบ.ร้อยปืนเล็กที่ 3 ฉก.นราธิวาส 33 ซึ่งประจำฐานปฏิบัติการอยู่ภายในวัดลำภู ได้จัดกำลังพลรวม 15 นาย ซึ่งสนธิกำลังร่วมกับ ด.ต.เลิศชาย เข็มพิลำ ผบ.หมู่ กองกำกับการ ตชด.ที่ 23 หมวดกองร้อย ตชด.ที่ 2301 ซึ่งประจำฐานปฏิบัติการอยู่บริเวณวัดเขากง ต.ลำภู โดยได้เข้าร่วมกับนายวินัย ดีลั่ว รอง ผอ.โรงเรียนบ้านลำภู ครู จำนวน 14 คน และนักเรียนรวม 130 คน พร้อมอุปกรณ์ในการทำความสะอาด เข้าทำการฟื้นฟูโรงอาหารของโรงเรียนบ้านลำภู ซึ่งถูกน้ำท่วมขัง จากผลกระทบของพายุซานซานในห้วงปลายเดือน กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยระดับน้ำได้ท่วมขังสูงประมาณ 60 ซม.เป็นเวลา 4 วันบริเวณหน้าอาคารเรียนทั้ง 3 หลังและโรงอาหารด้านหลังของโรงเรียน ทำให้ทางโรงเรียนต้องประกาศปิดทำการเรียนการสอนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเปิดเรียนกันตามปกติในวันนี้ 

ซึ่งบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ปรากฏว่าเด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ทยอยเดินทางมาโรงเรียนอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา โดย ด.ช.มะยู แมนา นักเรียนชั้น ป.6 กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาเรียนหนังสือวันนี้ น้ำท่วมหลายวันรู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่บ้าน ไม่ได้มาเรียน เห็นน้ำท่วมโรงเรียนแล้วต้องทำความสะอาด เดี๋ยวช่วงกลางวันจะกินข้าวเที่ยงลำบากกันทั้งหมด

ขณะที่เรือเอกสุวัชชัย ผบ.ร้อยปืนเล็กที่ 3 กล่าวว่า ภารกิจหลักตามนโยบายของ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร.คือดูแลความปลอดภัยของประชาชนทุกคนในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ โดยให้ปฏิบัติอย่างครอบคลุม เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีความปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยครูนักเรียนก็เป็นหนึ่งของเป้าหมายที่ต้องดูแลอย่างเข้มงวดเช่นกัน

สุกำพลชี้ลงนาม "บีอาร์เอ็น" แค่กุญแจดอกแรกดับไฟใต้

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลงนามกับกลุ่มบีอาร์เอ็น เพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ตนบอกแล้วว่าสถานการณ์ภาคใต้จะดีขึ้น ส่วนการหารือเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น ถือเป็นช่องทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหา ทุกสมรภูมิและทุกการรบต้องมีการคุยกัน เพราะคู่ขัดแย้งต้องมีการพูดคุยกัน ทั้งนี้การพูดคุยครั้งนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้ทราบต่อไปว่าการแก้ไขจะต้องดำเนินการอย่างไร ดีกว่ามาเดากันเอง โดยหน่วยงานด้านความมั่นคงรับผิดชอบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะต้องทำต่อไปเพื่อให้เกิดความสงบสุข การลงนามครั้งนี้เป็นกุญแจดอกแรก และต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ส่วนขั้นตอนต่อไปจะต้องมีการพูดคุยเพื่อกำหนดว่าจะพูดคุยเรื่องอะไร และอย่างไร ที่ไหน แต่ต้องคุยหลายฝ่าย 

เมื่อถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเคยพูดคุยกับนายสะแปอิง บาซอ แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น ในการยื่นข้อเสนอความต้องการของกลุ่มบีอาร์เอ็น พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน และยังไม่เห็นข้อเสนอ เพียงแต่มีการพูดกันไปมาเท่านั้น ขณะนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เมื่อถามว่านายฮาซัน ตอยิบ เป็นคนเดียวกับที่พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตรมว.กลาโหมนำมาแถลงการณ์ประกาศยุติการสู้รบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยปราศจากเงื่อนไขต่อรองผ่านทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) เมื่อปี 2551 หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า คนที่พูดก็พูดกันไปเป็นพวกถ่วงและเป็นพวกเดิม เมื่อถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ เคยระบุว่าผู้ก่อเหตุในพื้นที่ภาคใต้เป็นโจรกระจอก แต่ทำไมวันนี้ถึงต้องไปลงนามกับกลุ่มดังกล่าว พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า อย่าไปถามแบบนั้น ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าอะไรคืออะไร

เลขา ศอ.บต.ขอทุกภาคส่วนร่วมพูดคุยเพื่อสันติภาพชายแดนใต้

จากกรณีที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นำคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไทย ประกอบด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย อเนกเวียง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ผู้ว่าราชการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อลงนามร่วมการพูดคุยเพื่อสันติภาพชายแดนภาคใต้กับนายฮาซัน ตอยิบ ประธานขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนท ฝ่ายอูลามา (ฝ่ายศาสนา) ในฐานะรองเลขาขบวนการบีอาร์เอ็น โค ออดิเนท ภายใต้การอำนวยความสะดวกของฝ่ายความมั่นคงมาเลเซียนั้น เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ได้เดินทางไปลงนามร่วมพูดคุยกับตัวแทนฝ่ายบีอาร์เอ็นโคออดิเนท ที่ประเทศมาเลเซีย ในส่วนบทบาทของ ศอ.บต.คือการพัฒนา ส่วนหนึ่งก็คือการจัดสภาพแวดล้อมให้กับผู้ที่มีความคิดความเชื่อที่แตกต่าง ทุกภาคประชาสังคม ได้มีพื้นที่การพูดคุย เพราะเชื่อมั่นว่าการพูดคุยจะนำไปสู่ความเข้าใจ ศอ.บต.หลังจากที่ได้รับนโยบายของ สมช. มาแล้ว ทั้ง ศอ.บต. กอ.รมน. ทุกภาคส่วนก็ควรจะส่งเสริมให้มีพื้นที่สำหรับการรับฟังความคิด มีเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนเพื่อลดความขัดแย้ง ซึ่งเชื่อมั่นว่าการลดความขัดแย้งจะนำไปซึ่งการลดความหวาดระแวงในที่สุด

"กระบวนการต่อจากนี้ถ้าเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ก็จะเป็นหน้าที่ของ สมช.กับกระทรวงต่างประเทศ ในพื้นที่เองก็จะดำเนินการเชิญภาคประชาสังคมต่างๆ มาพูดคุย ทุกศาสนิก ว่าควรจะมีแนวทางร่วมกันอย่างไร และในบทบาทหนึ่งต้องยอมรับว่านโยบายนี้ผ่านคณะรัฐมนตรี ผ่านสภาผู้แทนราษฎร ผ่านวุฒิสภา ซึ่งในทางปฎิบัติจะต้องทำให้เป็นรูปธรรม" เลขาศอ.บต. กล่าว 

พ.ต.อ.ทวี ยังกล่าวอีกว่า กรณียังมีเหตุการณ์ในพื้นที่อยู่นั้น ก็คงจะต้องมีการป้องกันกันต่อไป ลงทุนมากว่าสองแสนล้าน ซึ่งได้ทำงานกันมามากแล้ว และเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็เกิดกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ส่วนหนึ่งหน้าที่ของทุกหน่วยก็ต้องทำงาน ป้องกัน ทุกภาคส่วน แต่จะทำอย่างไรไม่ให้เหตุเกิด สิ่งหนึ่งก็คือผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะต้องออกมาพูดคุยกัน ในทางปฎิบัติจริงๆก็จะต้องให้ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วม จะต้องมีเวที มาดูหลักการ และเหตุผล ในเรื่องของรูปแบบการปกครองที่ไม่ขัดกับรัฐธรรมมนูญ ว่าควรจะมีรูปแบบอย่างไร ที่ทางนโยบายของ สมช.ระบุว่าต้องมีความต่อเนื่องในการพูดคุยกับทุกกลุ่ม ที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกับรัฐ และเลือกวิธีการใช้ความรุนแรงกับรัฐ ซึ่งในทางปฎิบัติจริงๆก็จะมีการพูดคุยกับทุกกลุ่ม โดยมีประเทศมาเลเซียจะเป็นผู้ประสานงาน ที่ไม่มีการแทรกแซงการทำงาน ให้

รวบแก๊งกองทัพมดขนยาบ้าพ่วงไอซ์ 700 เม็ด

ร.อ.พิพัฒน์ เพียวิเศษ ผบ.ร้อยทหารพราน 2106 อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาเวลา 09.30 น.เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 777 เม็ดและยาไอซ์ 0.6 กรัมโดยมีผู้ต้องหา 3 คนคือ นายวัชระ (ตี๋) อายุ28ปี นายสัตยา (ต๋อง) อายุ 21ปี นางรัตติยา (ป๊อป) อายุ 17 ปี 

โดยการจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ดักซุ่มริมตลิ่งโขงเขตบ้านท่าหนามแก้ว หมู่ 3 ต.หนองเทา ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงในการลักลอบขนยาเสพติดจากฝั่งลาวเข้าฝั่งไทยก่อนที่จะพบมีเรือหาปลาขับโดยนายนายวัชระ ตาสี (ตี๋) แล่นมาจากฝั่งลาวจอดเทียบท่าก่อนจะขึ้นฝั่งเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นก่อนที่จะพบยาบ้าและยาไอซ์ยัดในกางเกงในสักพักได้มี นายวัชระ ตาสี (ตี๋) และนางรัตติยา ศรีดาหลง (ป๊อป) ได้ขับรถเครื่องมาบริเวณดังกล่าวเพื่อมารับยาบ้ากับยาไอซ์เจ้าหน้าจึงสามารถจับกุมได้ยกแก๊ง

ผอ.ศูนย์ระวังไฟใต้แนะรัฐเปิดพื้นที่ภาคประชาสังคม

ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ เปิดเผยว่า หลังจาก สมช.ลงนามกับตัวแทนแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นเพื่อแสดงเจตจำนงค์ในการพูดคุยเพื่อสันติภาพเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจากนี้ไปสิ่งที่หน่วยงานและผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะรัฐต้องดำเนินการนั่นคือการให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดการรับรู้ข้อมูลที่ตรงกัน หรือเป็นไปในในทิศทางเดียวกัน เพื่อป้องกันความสับสน

ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าวต่อว่า ขณะนี้สิ่งสำคัญที่รัฐจะช่วยให้กระบวนการพูดคุยเพื่อสร้างสันติภาพขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นคือการเพิ่มบทบาทของภาคประชาสังคมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะผู้นำศาสนา เพราะมีบทบาทสำคัญที่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งในการพูดคุย เนื่องจากผู้นำศาสนาเป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณของคนในพื้นที่ โดยเฉพาะการพูดคุยเรื่องกระบวนการสร้างสันติภาพ ที่สำคัญรัฐควรมีการส่งเสริมให้เกิดเวทีสาธารณะ หรือเวทีกลางให้เกิดการพูดคุยกันในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้ฝ่ายขบวนการ ภาคประชาสังคม และภาครัฐ มาพูดคุยร่วมกัน ในกระบวนการสันติภาพในระดับพื้นที่ควบคู่กับกรอบของการดำเนินการของ สมช.หรือรัฐบาลที่เดินทางไปพูดคุยกับแกนนำกลุ่มต่างๆที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอก โดยมีประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกไม่ใช่ไปปิดกันหรือคุยกันเพียง 2 ฝ่าย 

"ต้องมีการเปิดพื้นที่ให้กว้างมีการจัดการร่วมกันให้คนในมีบทบาทด้วย การมีกระบวนการสันติภาพทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันและควรมีพื้นที่ที่ปลอดภัยพร้อมกันด้วย"ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าว

ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เวลานี้ซึ่งยังมีการก่อเหตุในพื้นที่อยู่ต่อเนื่องนั้นไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นผลต่อเนื่องอันเกิดมาจากการลงนามเพื่อพูดคุยหรือไม่ ที่สำคัญหลังการลงนามกับบีอาร์เอ็น ยังไม่มีการกำหนดรายละเอียด หรือมีข้อตกลงไม่ว่าจะเป็นหยุดยิง หยุดก่อเหตุ ดังนั้นจากนี้ไปต้องติดตามว่ารัฐบาลจะส่งสัญญาณ หรือมีขั้นตอนในกระบวนการอย่างไร โดยเฉพาะการพูดคุยกับกลุ่มอื่นๆนอกเหนือจากบีอาร์เอ็น เพราะยังมีขบวนการอื่นอีกที่พร้อมจะพูดคุยสันติภาพ เช่นกลุ่มพูโล ดังนั้นหากพูดคุยได้หลายกลุ่มหลังจากนี้ ก็ต้องมาดูหากมีการพูดจากันชัดในรายละเอียดแล้วยังมีการยิง หรือก่อเหตุต้องมาตรวจสอบว่าเป็นเพาะเหตุใด หรือยังมีกลุ่มไหนเคลื่อนไหวในพื้นที่ชายแดนใต้อีก

พรรคฝ่ายค้านพม่าเตรียมจัดประชุมใหญ่ครั้งแรกเลือกผู้นำคนใหม่

มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการปฏิรูปการเมืองและการปรองดองเกิดขึ้นในพม่า เมื่อพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ NLD / พรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุด ภายใต้การนำของนางอองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน จะจัดการประชุมใหญ่เป็นครั้งแรก ที่นครย่างกุ้ง ซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงในสัปดาห์นี้ 
นายออน คะเยง แกนนำระดับสูงของพรรค NLD , สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเป็นหนึ่งในผู้จัดการประชุมพรรคฯ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า นี่เป็นครั้งแรกของการจัดประชุมพรรค NLD นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 24 ปีก่อน สมาชิกพรรคประมาณ 900 คน จาก 260 เมืองจะเข้าร่วมการประชุมเป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่จะถึงนี้ ที่นครย่างกุ้ง เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ และวางแผนนโยบายและโครงการในอนาคต 
.
นางอองซาน ซูจี กล่าวก่อนหน้านี้ว่า คณะกรรมการบริหารพรรคฯ จะได้ต้องได้รับการคัดเลือกตามครรลองของประชาธิปไตย หลังจากไม่สามารถทำแบบนี้ได้ในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากสภาวะแวดล้อมทางการเมืองไม่เอื้ออำนวย .

อดีตกอส.ชี้คน3จว.เสียงแตกสมช.ลงนามบีอาร์เอ็น

นายฮัอหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง นักวิชาการด้านสันติวิธี และอดีตคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นำคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไทย ลงนามร่วมการพูดคุยเพื่อสันติภาพชายแดนภาคใต้กับนายฮาซัน ตอยิบ ประธานขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนท ฝ่ายอูลามา (ฝ่ายศาสนา) ในฐานะรองเลขาขบวนการบีอาร์เอ็น โค ออดิเนท ภายใต้การอำนวยความสะดวกของฝ่ายความมั่นคงมาเลเซียนั้น เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมานั้น 

ล่าสุดกระแสสังคมในพื้นที่ก็ยังคงวิพากษ์ วิจารณ์ในรูปแบบที่หลากหลาย โดยเฉพาะตามร้านน้ำชา หรือสภากาแฟยามเช้าและค่ำ ซึ่งมีทั้งเชื่อและไม่เชื่อว่าการเจรจาหรือลงนามครั้งนี้จะก่อเกิดประโยชน์ในแง่ของการทำให้สถานการณ์สงบลงได้หรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้เป็นเรื่องของความคาดหวังของแต่ละคนที่มีมุมมองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มองข้ามเนื้อหาสาระสำคัญของการลงนามที่เป็นเชิงนโยบายใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในรอบ 9 ปี
นักวิชาการสันติวิธี รายนี้ กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวอยากให้สังคมมองในประเด็นของแนวทางหรือกระบวนการที่นำไปสู่สันติมากกว่าการเชื่อหรือไม่เชื่อต่อตัวบุคคลที่เป็นตัวแทนในการลงนามครั้งนี้ เนื่องจากกระบวนการสันติภาพอย่างแท้จริงนั้นต้องอาศัยเวลาซึ่งไม่ได้หมายความว่าลงนามแสร็จปัญหาจะจบเลยทีเดียว
"อยากให้สังคมเข้าใจและให้ความสำคัญกับกระบวนการสู่สันติภาพที่ต้องมาพร้อมกับการพูดคุยเจรจา ซึ่งการลงนามครั้งนี้เป็นมิติใหม่ที่เป็นรูปธรรมซึ่งมีผลต่ออนาคตที่จะนำไปสู่การลงนามในอีกหลายเรื่อง เช่น การไร้สัญชาติ เป็นต้น ดังนั้นเมื่อกระบวนการสันติถูกเปิดออกจำเป็นที่รัฐและสังคมต้องเดินหน้าสานต่อภารกิจให้ลุล่วง และระหว่างนี้ความรุนแรงอาจยังเกิดขึ้นเป็นปกติของแนวทางต่อสู้ที่ยืดเยื้อ ดังนั้นทุกฝ่ายจึงต้องอดทนต่อแรงกดดันเพื่อเดินหน้าภารกิจต่อให้ได้เพื่อร่วมกันเรียนรู้ความสำเร็จที่ว่า "สันติภาพนั้นสวยงามนัก"เหมือนประเทศที่ทำสำเร็จมาแล้วซึ่งต้องใช้เวลาถึง 15 ปี" นักวิชาการ กล่าว

เลขาสมช.เผยอีก2สัปดาห์ไปมาเลฯวางกรอบคุยBRN

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยก่อนการประชุมถึงการนัดหมายกับผู้แทนของกลุ่มบีอาร์เอ็นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าว่า คงยังไม่มีการลงนามใดๆเพิ่มเติม แต่จะมีการเปิดหัวข้อในการตั้งกลุ่มพูดคุย กรอบระยะเวลา และกฎเกณฑ์ในการพูดคุยกันต่อไป ส่วนที่มองกันว่าเป็นเพียงการสร้างภาพนั้น ขอยืนยันว่าเป็นการทำตามแนวนโยบาย และทุกฝ่ายมีส่วนร่วมตกผลึกผลักดันให้เกิดเวทีพูดคุยครั้งนี้ ไม่ได้มาจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเท่านั้น
"เรามีความมั่นใจ เพราะจะใช้การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ประชาสังคม วิชาการ และหน่วยความมั่นคง โดยจะดำเนินการตามมติของประชาชนเป็นหลัก" เลขาฯสมช.ระบุ
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าแกนนำบีอาร์เอ็นที่ สมช.ไปลงนามด้วยนั้นเป็นกลุ่มอิทธิพลเก่าที่ไม่มีอำนาจสั่งการในปัจจุบัน พล.ท.ภราดร กล่าวว่า คงต้องเดินหน้าพูดคุยต่อไป เนื่องจากบีอาร์เอ็นเป็นองค์กรใหญ่ มีต้องกลุ่มผู้นำทางความคิด กองกำลัง และแนวร่วม โดยในช่วงแรกต้องทำการพูดคุยตั้งแต่ผู้นำทางความคิด ก่อนที่จะขยายผลต่อไปในส่วนต่างๆ ส่วนกลุ่มอื่นยังอยู่ในระหว่างการประสานงาน ซึ่งหากกระบวนการกับบีอาร์เอ็นเดินหน้าไปได้ ก็คงมีผู้ออกมาแสดงตัวมากขึ้น

สมช.มีมติต่ออายุพรก.ฉุกเฉิน3จ.ใต้อีก3เดือน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า ที่ประชุมมีมติให้มีการขยายการประกาศใช้พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไปอีก3เดือน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่19 มี.ค.นี้ ทั้งนี้ในการประชุมทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้มีการเสนอพื้นที่ที่เห็นว่า ควรจะมีการยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน5อำเภอประกอบด้วย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี อ.เบตง อ.กาบัง จ.ยะลา และอ.แว้ง อ.สุขิริน จ.นราธิวาส ซึ่งที่ประชุมได้เห็นพ้องต้องกัน แต่ต้องการให้มีการดำเนินการเป็นไปตามโรดแมปของ สมช.ที่ต้องนำเรื่องนี้ไปพูดคุยหารือกับทางกลุ่มบีอาร์เอ็น ซึ่งหากในพื้นที่ 5 อำเภอนี้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นก็สามารถยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินและนำพ.ร.บ.ความมั่นคงเข้ามาใช้ในพื้นที่อีกได้
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ส่วนเหตุผลในการที่จะให้พื้นที่ 5 อำเภอ ปรับใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น พิจารณาจากสถิติของสถานการณ์ซึ่งถือว่ามีน้อยมาก และดูจากความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะนำฝ่ายมหาดไทย และตำรวจมาชดเชยเจ้าหน้าที่ทหาร และรับฟังความคิดจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก ซึ่ง ศอ.บต.ได้รายงานมาว่าใน 5 อำเภอ ควรยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยยืนยันว่าใน 5 อำเภอ มีความมั่นใจที่จะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงได้ เพียงแต่ขอให้มีกระบวนการในการพูดคุย เพราะเมื่อมีการลงนามกับกลุ่มบีอาร์เอ็นแล้วทางไทยก็อยากดูความจริงใจกับฝ่ายที่จะพูดคุยว่าเราจะสามารถดำเนินการควบคู่ไปได้อย่างไร ซึ่งคาดว่าจะนำผลการประชุมวันนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า

ประทินชี้จูดี้กลับเป็นขรก.ยังฝักใฝ่การเมืองถือว่าขัดกม.

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2556 พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวว่า การกลับเข้ารับราชการของพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตรองผบ.ตร.ที่ลาออกสมัครผู้ว่าฯกทม. เพื่อเข้ามารับราชการในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. นั้นซึ่งตามกฎหมายทำได้อยู่แล้ว ทางกฎหมายไม่ได้ห้ามเพราะได้เปิดช่องไว้แล้วว่าข้าราชการที่ลาออกไปสมัครส.ส. หรือ สมัครผู้ว่าฯกทม. สามารถกลับเข้ามารับราชการได้อีกครั้ง ส่วนมีความเหมาะสมหรือขัดจริยธรรมหรือไม่นั้นอยู่ที่การทำหน้าที่่ เพราะทราบกันอยู่แล้วว่าทาง พล.ต.อ.พงศพัศ ได้ลาออกจากรองผบ.ตร.และเลขาธิการ ป.ป.ส. ไปสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.สังกัดพรรคการเมือง จิตใจอยู่กับพรรคการเมืองนั้นแล้ว เมื่อกลับเข้ารับราชการอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นรอง ผบ.ตร. หรืออาจขึ้นเป็น ผบ.ตร. แต่หากมีการฝักใฝ่การเมือง วางตัวไม่เป็นกลางก็ถือว่าขัดกับกฎหมาย เพราะกฎหมายระบุชัดเจนว่าข้าราชการต้องไม่ฝักใฝ่การเมือง ต้องวางตัวเป็นกลาง

เจริญเชิญปชป.,พท.กลุ่มสีถกร่างกม.นิรโทษกรรม11มีค.

นายเจริญ จรรย์โมล รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เปิดเผยว่า ตนได้ทำหนังสือนัดตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์, พรรคเพื่อไทย, กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, กลุ่มคนเเสื้อแดง หารือถึงหลักการและสาระของเนื้อหาของร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ในวันที่ 11 มี.ค. เวลา 10.00 น. เบื้องต้นในส่วนของพรรคเพื่อไทย ได้รับการประสานมาว่าจะส่งนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี ฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล, นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย, ขณะที่กลุ่มเสื้อแดง ได้ให้ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประสาน นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.มาร่วมประชุม ส่วนพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ ระบุว่าจะขอหารือกับแกนนำก่อน

ค้น3เป้าหมายรวบ ขรก.ระดับ6เสพยาเสพติด

พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 06.00 น.วันนี้ พ.ต.ท.วันชัย อ่อนลออ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.เจษฎา ปิ่นชูทอง สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้แบ่งกำลังกันออกเป็น 3 ชุด จากนั้นเดินทางไปพื้นที่หมู่ 1 ต.หนองหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี เข้าปิดล้อมตรวจค้น 3 เป้าหมายในพื้นที่ดังกล่าว การปฏิบัติการครั้งนี้เนื่องจากสายรายงานว่ามีสิ่งผิดกฎหมายประเภทกัญชา และเครื่องกระสุนปืน โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 8 รายประกอบด้วยเป้าหมายที่1 จับกุมนายกำพล (ตูน) อายุ 22 ปี ของกลางกัญชาแห้ง 71.95 กรัม กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 12 นัด นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาครอบครองกัญชาและ กระสุนปืน
เป้าหมายที่ 2 เจ้าหน้าที่ได้บุกตรวจค้นบ้านเลขที่ 132 หมู่ 1 ต.หนองหญ้า ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นเป้าหมายที่ได้รับแจ้งจากสายว่าเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดประเภทยาบ้า ผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้ที่เข้ามามั่วสุมได้ทั้งหมด 6 ราย และผลการตรวจฉี่พบเป็นสีม่วงทั้งหมด ประกอบด้วย นายสรายุทธ (เดี่ยว) คชวงศ์ อายุ 37 ปี นายสาทิศ (ตั้ง) พ่วงจู อายุ 33 ปี นายธีรดนย์ (เก่ง) พงษ์สวัสดิ์ อายุ 29 ปี นายกฤษดา (บอย) แสงสิน อายุ 35 ปี นายอาทิตย์ (เจี้ย) โพธิบุตร อายุ 28 ปี และ นายปวเรศ (กาล) ตาคำวงศ์ อายุ 24 ปีจากการตรวจฉี่พบเป็นสีม่วงทั้งหมด จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อเสพเช่นกัน
และที่สำคัญคือเป้าหมายที่ 3 จับกุมนายสาคร หรือจี๊ด วัฒถากุล อายุ 55 ปี อาชีพเป็นข้าราชการประจำกระทรวงเกษตร ตำแหน่ง เจ้าพนักงานการเกษตร 6 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองกาญจนบุรี ตรวจฉี่พบเป็นสีม่วง จึงถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) และขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ด้วยการนำหมายค้นของศาลจังหวัดกาญจนบุรีตรวจค้นบ้านนายสาคร นายสาคร ได้พูดจาหยาบคายด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งพูดจาตะโกนให้ของลับเจ้าหน้าที่ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนและตั้งขอหาเพิ่มอีก 1 กระทง คือดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งทำตามหน้าที่ สุดท้ายนายสาคร ข้าราชการกระทรวงเกษตร ก็ได้ยอมรับว่าได้เสพยาบ้าเข้าไปจริง

คุมตัวฆาตกรโหดทำแผนคดีฆ่าข่มขืนสาวรับจ้างตัดอ้อย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 มี.ค.56 พ.ต.ท.ยงยุทธ เกิดเรือง รอง ผกก.สส.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นาย ได้นำตัว นายเอ นามสมมุติ อายุ 17 ปี คนงานรับจ้างตัดอ้อยชาวจังหวัดมหาสารคาม มาชี้จุดก่อเหตุข่มขืนแล้วฆ่าก่อนจุดไฟเผาซ้ำ น.ส.วาสนา อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นคนงานรับจ้างตัดอ้อย ที่บริเวณป่ามะม่วง หมู่ 10 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 3 มี.ค.56 ที่ผ่านมา

โดยนายเอ ให้การรับสารภาพว่าก่อนเกิดเหตุได้นั่งดื่มเหล้าตั้งแต่ตอนกลางวัน จนเมามาย เนื่องจากไม่ได้ออกไปตัดอ้อยและเห็นผู้ตายเดินผ่านห้องพักซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกันก็สอบถามว่าจะไปไหน ผู้ตายบอกว่าจะออกไปหาไข่มดแดงมายำเป็นอาหารเย็นจึงได้ขอเดินตามไปด้วยและขณะที่เห็นผู้ตายกำลังแหย่รังมดแดงก็เกิดมีอารมณ์ทางเพศประกอบกับมีอาการเมา จึงได้ใช้ท่อนไม้ตีผู้ตายจนสลบ ก่อนจะลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่จากนั้นได้ใช้ท่อนไม้ทุบที่หัวซ้ำจนแน่ใจว่าตายแล้ว เนื่องจากเกรงว่าผู้ตายนั้นจะไปบอกญาติๆและจะมีความผิด ก่อนจะลากศพไปทิ้งในป่าซึ่งห่างจากจุดที่ข่มขืนประมาณ 100 เมตร และทำการจุดไฟเผาเพื่ออำพราง ก่อนจะกลับมานอนหลบอยู่ที่ห้องพักจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะเจ้าหน้าที่คุมตัวนายเอ ไปทำการชี้จุดที่เกิดเหตุได้มีชาวบ้านที่ทราบข่าวรวมทั้งเพื่อนคนงานตัดอ้อยด้วยกันต่างก็พากันมาดูและตะโกนด่าทอพร้อมกับจะเข้ามารุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบนำตัวนายเอ กลับสภ.เมืองราชบุรีทันที

จับ 29 ต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง

ร.ต.สมชาย ทองสะอาด หัวหน้าชุดจุดตรวจสกัดป้อมหนองแดน กรมทหารพรานที่ 35 สนับสนุน กอ.รมน.กำแพงเพชร พร้อมด้วย นายมาโนช โพธิ์เนียม ปลัดอำเภอโกสัมพีนคร และผู้ใหญ่บ้าน ได้ร่วมกันจับกุมตัวต่างด้าว อีกจำนวน 29 คน เป็นชาย 23 หญิง 6 คน ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ที่บริเวณ ถนนสายบ้านปางขนุน -บ้านหนองแดน หมู่ที่ 2 ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร จึงได้นำตัวต่างด้าวทั้งหมด บันทึกจับกุมที่จุดตรวจจุดสกัดกองอำนวยการความมั่นคงภายในจังหวัดกำแพงเพชร กรมทหารพรานที่ 35 

เบื้องต้น นางแอรา อายุ 19 ปี สัญชาติพม่าเปิดเผยว่า เสียค่านายหน้ารายละ 6,000 บาท พากันเดินทางเท้ามาจาก อ.พบพระ จ.ตาก ผ่านป่าเขา บ้านอุ้มเปี้ยม 2 วัน จนมาถึงอ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร เมื่อมาถึง จ.กำแพงเพชร ทางนายหน้าบอกว่าจะมีรถมารับไปทำงานที่กรุงเทพฯ 

ขณะที่ ต่างด้าวอีกรายบอกว่า จะเดินทางไปทำงานกับญาติที่อยู่เข้ามาทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ จะมีนายหน้ามารับ บริเวณถนนสายบ้านปางขนุน-บ้านหนองแดน หมู่ที่ 2 พวกตนจึงเดินทางออกจากป่ามารอริมถนน จนมาถูกเจ้าหน้าที่จับได้ดังกล่าว

อย่างไรก็ตามมีเครื่องโทรศัพท์มือจำนวนหลายเครื่อง ซึ่งเป็นของต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง คาดว่าต่างด้าวใช้ในการติดต่อสื่อสารกับนายหน้าและรถที่จะมารับเข้ากรุงเทพฯ หลังทำบันทึกจับกุมแล้ว เจ้าหน้าที่ทหารพรานได้นำแรงงานต่างด้าวทั้งหมดส่งมอบให้ฝ่ายปกครองอำเภอโกสัมพีนคร นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โกสัมพีนคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายผลักดันกลับสู่ประเทศต่อไป

















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น