วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

ประชาธิปัตย์ชนะหรือแพ้กันแน่ แต่ที่แน่นอนคือ “สงครามเพิ่งจะเริ่มต้น” พล.ท.นันทเดช ,เมื่อ 4 มี.ค.56 15:48:00 น.




พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์
รู้ลึก รู้จริง ยิ่งกว่าข่าวกรอง
Permalink : http://www.oknation.net/blog/nunrimfar
วันจันทร์ ที่ 4 มีนาคม 2556
Posted by พล.ท.นันทเดช , ผู้อ่าน : 1545 , 15:48:00 น.  
หมวด : การเมือง 

 พิมพ์หน้านี้ 
  โหวต 4 คน 


      ผมเขียนสนับสนุนคุณชายสุขุมพันธ์ฯ ลงใน “คม ชัด ลึก” และบล็อกโอเค เนชั่น มาแล้ว ๓ ครั้งไม่รวมถึงพูดตามโทรทัศน์ต่างๆ อีก ๑๐ กว่าครั้ง สรุปว่า (๑) เพื่อให้ความจริงเป็นกำลังใจว่า พรรค ปชป.มีคะแนนนำอยู่หลายหมื่น เพราะผลสำรวจของนักเล่นการพนันพบว่า มีคะแนนนำอยู่ ๖-๗ หมื่นจริงๆ และ (๒) ย้ำว่าชนะแค่นี้ไม่พอ ต้องชนะให้มากกว่านี้อีกถึงจะทำให้ชนะอำนาจรัฐได้ (ก็เกือบไปครับ) ดังนั้นคนที่ไม่ชอบคุณชายหมูต้องลดอคติส่วนตัวมาเลือกเบอร์๑๖ แบบยุทธศาสตร์โดยพร้อมเพรียงกัน ไม่เช่นนั้นอาจจะแพ้ได้ เขียนซ้ำซากจนเริ่มเบื่อตัวเองครับ บอกให้ไปหาเสียงรอบนอก ก็วนอยู่ในเขตชั้นใน ทั้งๆ ที่รู้ว่าชนะเขาอยู่แล้ว
      ก่อนวันเลือกตั้ง ๒ วันผมไปที่ ม.รังสิต พบคุณถาวร เสนเนียม เพื่อนรักโดยบังเอิญ เห็นแกวิตกเรื่องเลือกตั้ง ผมก็เล่าเรื่องการทำโพลของนักการพนันกลุ่มหนึ่งที่ลงทุนทำ เพราะคนเล่นคุณพงศพัศฯ ต่อถึง ๒:๑ โดยฝ่ายนักการพนันออกเงิน ผมออกแรงไปหานักศึกษากว่า ๒๐๐ คนมาทำ ผลออกมาว่า ปชป.นำไปถึงระดับ ๖-๗ หมื่น (คำนวณจากเปอร์เซ็นต์และสถิติการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา) คุณถาวรฯ ก็กลับไปพร้อมกับความสบายใจระดับหนึ่ง ผลการเลือกตั้งที่ออกมานั้น พรรค ปชป.อย่าดีใจว่าได้คะแนนล้านกว่า จนทำลายสถิติของคุณสมัครฯ ถึงขั้นจะออกมาแห่แหนขอบใจประชาชนทั่วกรุงเทพฯพราะพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ ได้คะแนนล้านกว่าทำลายสถิติคุณสมัครฯ เช่นกันคิดไปคิดมาแล้ว พรรค ปชป.ไม่ได้ชนะพรรคเพื่อไทยเลยครับ ดังนั้นสิ่งที่พรรค ปชป.ควรทำก่อนในอันดับแรกคือ
      ๑. ต้องปรับปรุงกระบวนการทำงานทำงานของพรรคใหม่ทั้งหมด ต้องมียุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานของพรรคอย่างเป็นระบบ เหมือนบริษัทใหญ่ๆ ทุกๆ แห่งเขาทำกัน
      ๒. ต้องรับสมาชิกที่รู้เท่าทันโลกและเคยจนมาก่อนมาทำงานมวลชน อย่าให้นักการเมืองมาเป็นคนทำอย่างเด็ดขาด หรือไม่ก็จ้างคนมาทำจะดีกว่า
      ๓. นำบทเรียนครั้งนี้ไปวิเคราะห์หาข้อเท็จจริงและหาทางแก้ไขให้เป็นเรื่องเป็นราว เพื่อเป็นบทเรียนในการเลือกตั้งทั่วไปอีก ซึ่งน่าจะมีขึ้นก่อนกำหนด จากเรื่องเหล่านี้

         - พรรค ปชป.แพ้ในพื้นที่ทหารทุกเขต เป็นไปได้อย่างไร ถ้าไม่มีการซื้อยกแฟลตและมีทหาระดับคุมพื้นที่คอยช่วยเหลือ ทั้งๆ ที่ความเจ็บช้ำน้ำใจจากเหตุการณ์เดือน เม.ย.-พ.ค. ๕๓ ยังไม่ได้จางหายไป (แต่เรื่องนี้ก็ถือว่าพรรคเพื่อไทยไม่ผิดอะไรมากนัก เพราะเป็นกลยุทธ์ทางด้านการเลือกตั้งแบบหนึ่ง) ก็ขอบอกไปยังกลุ่มเสื้อแดงที่ด่าทหารอยู่ทุกวันและบอกว่าพรรค ปชป.สนิทกับทหารนั้นให้กลับไปคิดใหม่ครับ
         - การระดมตำรวจและเครือญาติ รวมถึงองค์กรทางด้านป้องกันอาชญกรรมต่างๆ เข้ามาเลือกตั้งอย่างเป็นระบบและค่อนข้างเปิดเผยนั้น ตามปกติก็ทำได้เช่นกัน แต่ทั้ง ๒ ข้อที่ผ่านมานั้นจะผิดกฎเกณฑ์เรื่อง “ความเป็นกลางในการเลือกตั้ง” หรือเปล่า มารยาทน่ะผิดอยู่แล้วแน่นอนครับ
         - การให้ตำรวจเข้ามาควบคุมการเลือกตั้ง ถึงขนาดนั่งกดจำนวนผู้ที่มาลงคะแนนและไปนั่งคู่กับ จนท.ที่ตรวจเอกสารนั้น เป็นเรื่องที่ตำรวจมีอำนาจทำหรือเปล่า ขนาดตั้งที่ลงคะแนนผิดยังทำไม่ได้เลย ต้องพูดคุยกับ กกต.ให้ชัดเจนเพราะจะทำให้ผีที่มาเวียนเทียนลงชื่อกล้าทำผิด ในขณะเดียวกันก็เป็นการสนับสนุนการซื้อเสียงด้วย เพราะผู้ที่ขายเสียงก็ไม่กล้าไปลงเบอร์อื่นเมื่อมีตำรวจมานั่งควบคุมคู่อยู่กับ จนท.ตรวจหลักฐาน
         - รายชื่อคนตายที่กลับมามีชีวิตใหม่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งนับหมื่นคน, รายชื่อคนจังหวัดอื่นที่เข้ามามีชื่อซ้ำอยู่ในบัญชีเลือกตั้งของ กทม. เป็นเรื่องที่ต้องหาความจริงออกมาให้ได้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรและต้องบอกประชาชนครับ
         - การย้ายคนจังหวัดอื่นเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะตามชานเมือง เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งคนพวกนี้ก็จะเข้ามาทำหน้าที่ครั้งหนึ่ง จะต้องตรวจสอบดูว่าบ้านไหนมีคนอยู่ขนาด ๒๐ คนขึ้นไป แล้วขึ้นทะเบียนเฝ้าตรวจไว้ ก็จะทำให้การเพิ่มยอดคนในการเลือกตั้งจริงลดน้อยลง ไม่เช่นนั้นประชากรกรุงเทพฯ ในย่านชานเมืองจะเพิ่มขึ้นจนถึง ๔-๕ ล้านแน่นอน
         - วินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง, รถสองแถว, รถตู้ ฯลฯ ทั่วกรุงเทพฯ ที่ถูกสั่งถูกซื้อนั้นจะทำไม่ได้ ถ้า “ตำรวจ” ไม่ให้ความร่วมมือด้วย เรื่องนี้ก็เป็นเทคนิคการหาเสียงอีก แต่ก็ไม่ควรทำอย่างเปิดเผยเหมือนคราวนี้ อย่าทำให้การเลือกตั้งที่กรุงเทพฯ เหมือนกับที่เขมรเลยครับ


      เสียงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยจากวิธีนี้รวมแล้วประมาณไม่ต่ำกว่า “แสน” ครับ แต่ที่ได้เสียงเพิ่มมาจาก “อำนาจรัฐ” แต่เมื่อตัดเสียงส่วนนี้ทิ้งไปก็ยังมีเสียงประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยในกรุงเทพฯ อยู่อีกประมาณ “๙แสนคน” ไม่น้อยนะครับ สำหรับเมืองหลวงที่อวดกันว่าคนรู้ทันต่อข่าวสารการเมือง นอกจากนั้นถ้าไม่มีเรื่องเผาบ้านเผาเมือง, ไม่มีเรื่องเสื้อแดงที่ออกมาเคลื่อนไหว, ไม่มีเรื่องโกงกินสารพัดเรื่อง, ไม่มีเรื่องช่วยคุณทักษิณฯ แล้ว พรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนเพิ่มขึ้นมาอีกมากทีเดียว ตรงนี้มันตอบอะไรได้ไหมครับ มันบอกว่าคนกรุงเทพฯ เบื่อ “บทบาทเดิมๆ ของพรรคประชาธิปัตย์” แต่ก็หาทางออกไม่ได้ครับ
      เขียนมาถึงตรงนี้แล้วมองไม่เห็นอนาคตครับ ถ้าพรรค ปชป.ไม่ปรับปรุงยกเครื่องตัวเองใหม่ทั้งหมดแล้ว จนท.รัฐ, นักธุรกิจ, พ่อค้าเล็กพ่อค้าน้อยก็จะไปพึ่งบารมีพรรคเพื่อไทยหมด เพราะทางศาสนาและทางโลกก็บอกไว้ว่า “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” มีอีกเรื่องหนึ่งที่พรรค ปชป.ก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่ต้อง “คิด” ให้มากๆ คือกรณีที่ประชาชนส่วนหนึ่งที่มากกว่า ๕ แสนคนเลือก “คุณชายหมู” นั้น นอกจากไม่มีทางไปจนตรอกเพราะความกลัวคุณจตุพรฯ แล้ว ยังคิดถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ปชป.อยู่ เช่น คุณชวนฯ , คุณบัญญัติฯ, คุณอภิสิทธิ์ฯ, คุณสุเทพฯ, คุณกรณ์ฯ ดังนั้นงานของ กทม.ในห้วงเวลาต่อไปจึงต้องเข้มแข็ง ลงลึก ให้ประชาชนเห็นได้ชัดเจนใน ๑ ปี และประการสุดท้าย พรรค ปชป.จะต้องทำให้คนกรุงเทพฯเข้าใจว่า พรรค ปชป.พร้อมที่จะทำงานของ กทม.เพื่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าคุณจะใส่เสื้อสีอะไรก็ตาม ทำเป็นไหมครับ ถ้าทำเป็น โอกาสที่พรรค ปชป.จะแย่งคะแนนเสียงพื้นที่รอบนอกคืนมาก็ไม่ยากครับ
      จิ๋นซีฮ่องเต้ บอกไว้ว่า “มีบางครั้ง บางเวลาที่ต้องทรยศต่อตนเองเพื่อความถูกต้อง ก็ต้องทำ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น