วันที่ "พื้นที่เหลือน้อย" ของนาง
ประเทศไทย ๕๑๓,๑๑๕ ตารางกิโลเมตร "กำนันสุเทพ" เดินขยายพื้นที่ กปปส.เพิ่มมากขึ้นทุกวัน และนับวันขยายกว้างออกไป...กว้างออกไป ตรงข้ามกับ "ยิ่งลักษณ์" พื้นที่อำนาจนายกฯ ของเธอกลับลดน้อยลง และหดแคบเข้า...แคบเข้า
จนพูดได้ว่า ถึง ณ วันนี้ เหลือไม่กี่ตารางเมตรแล้ว แค่เป็นที่ให้เธอวางเท้าและซุกหัว!
เมื่อวาน และ ๒๐ ธ.ค. วันนี้ แค่ซ้อมๆ เดินของกระบวนทัพ กปปส.ยังเลื่อนลั่นสะท้านกรุง นกหวีดกรีดเสียงปักษาวายุภักษ์รับกันเป็นทอดๆ ในแต่ละท้องถนน ดังมนต์จากแดนหิมพานต์ขนาดนี้
แล้วคิดดูเถอะ...ยิ่งลักษณ์?
ถึงวันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธ.ค. เมื่อตีนมวลมหาประชาชน บนการนัดหมายของกำนันสุเทพย่ำออกมาพร้อมกันทั้งประเทศ..."ไม่กี่ตารางเมตร" ที่เหลือนั้น
แค่ซัก ๑ ตารางเซนต์ ก็จะไม่มีเหลือสำหรับเธอ?
ตอนมีอำนาจ ก็ใช้อำนาจทุจริตคิดไม่ซื่อ หลอกลวงประชาชน เรียกว่าได้ฝากพี่ แต่ตอนจะหมดอำนาจ ถูกมหาประชาชนไล่ล่า ก็แบกหน้าไปซุกชาวบ้านที่ยังพอหลอกได้
ก็จะหลอกได้ซักกี่วันกัน เพราะส่วนใหญ่ชาวบ้านเขาจับได้ไล่ทันหมดแล้ว ที่ซุกเด็ก ซุกผู้เฒ่า-ผู้แก่ เป็นฉากบารมีให้สื่อเผยแพร่นั้น
ก็พวกข้าราชการ นักการเมือง ผู้ว่าฯ ทาสระบอบทักษิณเกณฑ์มา เรียกว่า "จัดฉากให้ตอแหล" อันเป็นงานถนัดของพวกจังหวัดเขาล่ะ
แต่ถ้าออกนอกฉากไปตามท้องถนนตอนไหน เป็นเจอนกหวีดจากชาวบ้านเป่าใส่ตอนนั้น!
เมื่อวาน เห็นเข้าฉากบายศรีสู่ขวัญที่ร้อยเอ็ด ท่าทางยังหลงโลกลวงกับชาวบ้านที่เกณฑ์กันมาระริกร่าได้อยู่ ทั้งที่ถูกกำนันสุเทพรุกกินพื้นที่อำนาจของเธอจนเหลือน้อยลงไปทุกขณะ
วันก่อนหน้า ผมดูรูปที่หน้า ๑ ไทยโพสต์ แม่นางสนุกสนานกับการได้แต่งชุดล่อควายอยู่กลางทุ่งที่ยโสธร
ที่ขำกว่านั้น นายชัชชาติ สุทธิพันธุ์ ไอ้หนุ่มฝันเปียก ๒ ล้านล้าน ทำเป็นหนุ่มลูกทุ่ง ผ้าขะม้าคาดพุง ยืนแอ็คให้ถ่ายรูป (แก้เซ็ง)
สงสัยตามตูดยิ่งลักษณ์ไปสำรวจเพื่อทำ "ลู่วิ่งควายความเร็วสูง" บูรณาการต่อยอดจากรถไฟความเร็วสูงขนผักสายเชียงใหม่-กรุงเทพฯ?
เนี่ย...ดูๆ แล้ว แต่ละงานที่นายกฯ รักษาการลงไป มันไม่เป็นงานอะไรเลย นอกจากไปผลาญ ไปหาเสียง ไปตะแล้ดแต๊ดแต๋ กรุงเทพฯ อยู่ไม่ได้ จำต้องหาที่ไปหนีซุกเป็นอย่างนั้นซะมากกว่า
ในเชิงยุทธศาสตร์ว่าด้วย "เขตแดนประสิทธิภาพ" แห่งอำนาจนายกฯ ต้องพูดว่า ขณะนี้ รัฐบาลเพื่อไทย โดยยิ่งลักษณ์ ทั้งถอยร่น ถอยฉะ ชนิดไม่เป็นขบวน
เริ่มจากเสียพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อมาเสียพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมดให้กำนันสุเทพ ต้องเตลิดกลับไปปักส้นอยู่เมืองเชียงใหม่ "บ้านเก่า"
ก็ปักไม่ติด ทั้งที่รายล้อมด้วยองครักษ์แดง!
เสียพื้นที่เมืองเชียงใหม่ให้กับกองทัพนกหวีดอีก จากนั้น เตลิดเปิดเปิงไปอีสาน
นึกว่าจะรอดปลอดภัยจากเสียงนกหวีด เพราะหลงเข้าใจว่า อีสานคือปราการแกร่งระบอบทักษิณ เพราะทั้งสิ้น "แดงทั้งแผ่นดิน" ทักษิณสถาปนามานาน ทั้งใต้ดิน บนดิน
แต่ที่ไหนได้ ทั้งบุรีรัมย์ สุรินทร์ ยโสธร พื้นที่แข็งของเพื่อไทย กลายเป็นพื้นที่นกหวีดกรีดเสียงไล่นายกฯ นางสาวลูกหนึ่ง
จนพวกผู้ว่าฯ ต้องพาไปจัดฉากสร้างภาพ "เขตแดนอำนาจ" ให้ตามทุ่ง ตามท่า ตามป่า ตามดง แต่งสวยอวดลิง ค่าง บ่าง ชะนี ไปตามเรื่อง
จะเห็นว่า เมื่อกำนันสุเทพสลัดบ่วงห่วงมัดแห่งตนทางลาภ, ยศ, สรรเสริญ, สุข ประกาศอุทิศชีวิตอิสรภาพ-บริสุทธิ์แห่งจิตภักดิ์ ให้กับประเทศไทยที่ต้องไม่ตกอยู่ใต้อาณัติทาสระบอบทักษิณ และทั้งสิ้น ตัวเองจะไม่รับผลพวงนั้น
๖๕ ล้านไทย.....!
ประชาชนทั่วทั้งประเทศ จากที่ตรงโน้น จากที่ตรงนี้ จากจังหวัดโน้น ลามไปจังหวัดนี้ จนขณะนี้ทั้ง ๗๗ จังหวัดบนความเป็นประเทศไทย ก่อเกิดเป็น "มวลมหาประชาชนปฏิวัติ"
บนทางนำกำนันสุเทพ!
นับล้านๆ ออกมาพร้อมกัน และอาทิตย์ปะรืนนี้ จะเป็น ๑๐ ล้านคน เดินตามกำปั้นชูของกำนัน ลอกคราบประเทศไทยสู่อนาคตใหม่ ล้างระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลเสนียดแผ่นดิน
เลือกตั้งมีได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้...ต้องมีการปฏิรูปก่อน!"
เท่าที่ฟัง การปฏิรูปบนภารกิจเฉพาะหน้า มี ๕ ข้อ หนึ่งนั้นคือ "สภาประชาชน"
แต่ผมอยากฝากภารกิจ "ปฏิรูปภาคสังคม" ที่ควรลงมือทำในทันทีควบคู่กันไปอีก ๑ อย่างคือ
ปลูกฝังให้คนไทยรู้จัก "การเข้าแถว"!
ฟังเหมือนตลก แต่ขอบอกว่า ผมยังไม่เคยเห็นประเทศไหนที่เคยผจญปัญหาอุปสรรคสาหัส แล้วกลับพบความสำเร็จยิ่งใหญ่ โดยไม่เริ่มต้นฟื้นชาติ เริ่มด้วยการฝึกให้คนในชาติรู้จักเข้าแถว
การเข้าแถว เป็นอาวุธสำคัญในการสร้างชาติสู่ความสำเร็จทั้งมวล ไม่ต้องดูจากประเทศตะวันตกที่การเข้าแถวเป็นวัฒนธรรมของเขาไปแล้ว
ดูจากประเทศที่เคยย่ำแย่ในศตวรรษนี้ แล้วกลับผงาดยิ่งใหญ่ในปัจจุบันอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน นั่นแหละ ชีวิต-จิตใจถูกฝึกจาก
"เข้าแถว"!
การเข้าแถวสร้างชาติได้อย่างไร คำตอบง่ายๆ คือ การเข้าแถวนั้น คือการเรียนรู้ประชาธิปไตย "ด้วยจิตวิญญาณ" โดยไม่ต้องเรียน-ไม่ต้องสอนในห้องเรียน
"การเข้าแถว" คือการเคารพสิทธิผู้อื่น ในขณะเดียวกันพิทักษ์สิทธิตัวเอง รู้จักอดทน อดกลั้น รอคอย
เกิดจิตสำนึก อะไรที่เราไม่ชอบให้คนอื่นทำกับเรา เราก็จะไม่ทำสิ่งนั้นกับคนอื่น เช่น ไม่ชอบให้ใครมาแซงคิวเรา ดังนั้น เราจะเกิดความรู้สึกว่า เราก็ไม่ควรไปแซงคิวคนอื่น
เข้าใจถึงคำว่า "อกเขา-อกเรา" ขึ้นโดยอัตโนมัติ ยิ่งกว่านั้น จะทำให้เรารู้จักคุณค่าสิ่งนั้นๆ อันได้มาจากการรอคอย คือจากการเข้าแถว
สิ่งตามมาจากการฝึกให้คนในชาติรู้จักเข้าแถวคือ ประเทศจะเป็นประเทศที่ "คนในชาติ" ยึดมั่นในระเบียบ-วินัย, เคารพในกฎ-กติกา
ออกไปสังคมต่างบ้าน-ต่างเมือง จะไม่ไปแซงคิวเขาจนถูกหยามด้วยรังเกียจว่า เป็นพวกป่าเถื่อน ไร้อารยะ ประเทศชาติไม่สอนให้รู้จักเข้าคิว
นี่แหละครับ เรื่องง่ายๆ แต่ยากมากสำหรับคนไทย เราจะปฏิรูปการเมือง-เศรษฐกิจ ให้พบความสำเร็จไม่ได้ ถ้าไม่เริ่มจับตรงหัวใจปัญหาก่อน คือ
"การเข้าแถว"!
ก็ฝากให้ใคร่ครวญกัน ที่การชุมนุมมหาประชาชนคนราชดำเนินได้รับการกล่าวขานด้วยยกย่อง สิ่งหนึ่งคือ คนราชดำเนินรู้จักเข้าแถว เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในสุข-ในทุกข์ซึ่งกันและกัน มีความจริงใจต่อกัน
นี่แหละสัญญาณว่าการปฏิรูปสำเร็จแน่ รัฐบาลอนารยะ นายกฯ ป่าเถื่อนอย่างยิ่งลักษณ์ มันต้องไปแน่
เหมือนเชื้อโรค อยู่กับ "ความสะอาด" ไม่ได้ ในเมื่อมหาประชาชนเป็น "สังคมสะอาด" แล้วโสโครกทางพฤติกรรมบริหารอย่างยิ่งลักษณ์ จะอยู่ได้อย่างไร!
วันนี้ ขอจบด้วยข้อความของ Dhanu Gendra ที่โพสต์ในไทยโพสต์ด้วยความในท่อนท้ายว่า....
"...วันที่ 7-10 มกราคม 2557 จะมีข่าวดีสำหรับมวลมหาประชาชน จากองค์กรและกระบวนการยุติธรรม อันจะทำให้การเมืองคลี่คลายลงไปในระดับหนึ่ง..."
มีเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เหตุการณ์ในช่วงวันที่ 7-10 มกราปีหน้า จะเป็น "จุดเปลี่ยน" ของสถานการณ์อย่างแน่นอน
อย่าเชื่อ จนกว่าจะถึงวันนั้น
ธนูเกณฑ์ (19/12/56)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น