วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

พิงทหาร‘ปู’เชิดไม่หนี เมื่อ 1 ธ.ค.56

พิงทหาร‘ปู’เชิดไม่หนี


 “ยิ่งลักษณ์” อ้างเสียงส่วนใหญ่เกาะเก้าอี้นายกฯ ต่อ เชิดใส่กล้องแม้เป็นผู้หญิงก็พร้อมจะเผชิญหน้า ไม่หนีไปไหน ขณะที่ ศอ.รส.ขอกำลังทหาร 17 กองร้อย ลั่นห้ามยึดทำเนียบฯ เด็ดขาด ขณะที่ “กปปส.” ยึดเบ็ดเสร็จศูนย์ราชการฯ ส่วนบริเวณแยกนางเลิ้งฮือรื้อลวดหนาม-แท่งแบริเออร์ ขยับใกล้ศูนย์กลางอำนาจรัฐแล้ว
    เมื่อวันเสาร์ เวลา 15.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรณีผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณประกาศจะยึดทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 1 ธันวาคมว่า ต้องเรียนว่าทำเนียบรัฐบาลคือจุดหัวใจหลักที่เรารักษา วันนี้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมพร้อมในการรักษา เนื่องจากเป็นสมบัติของราชการ ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากผู้ชุมนุมว่า กรุณาอย่าบุกสถานที่ราชการเลย เพราะการบุกสถานที่ราชการและเขตหวงห้าม ที่ฝ่ายความมั่นคงได้ประกาศไว้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนผิดกฎหมาย เราไม่อยากให้มีความวุ่นวายหรือการดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแนวคิดจะใช้กฎหมายพิเศษหรือไม่ เนื่องจากการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงยังมีการฝ่าฝืนอยู่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องเรียนว่าการที่เราต้องออก พ.ร.บ.ความมั่นคง ในการขยายพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจัดสรรบุคลากรไปดูแลและป้องกันสถานที่ราชการต่างๆ เราไม่อยากบังคับใช้กฎหมายที่เกิดการกระทำรุนแรงต่อประชาชน เราอยากบังคับใช้กฎหมายตามข้อกฎหมาย และการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่จะทำด้วยความละมุนละม่อม เป็นไปตามขั้นตอนของหลักกฎหมายและหลักสากล
       เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าขณะนี้มีการเผชิญหน้ากันของกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่าย นายกฯ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเราก็พยายามที่จะขอร้องกลุ่มผู้ชุมนุมว่าอย่าเผชิญหน้ากันเลย เพราะการที่เรามาชุมนุมเรียกร้อง แม้ว่าความคิดเห็นเราจะแตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการเรียกร้องนี้จะนำไปสู่ความรุนแรง ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน เราไม่อยากเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกับหลายๆ ประเทศที่มีการชุมนุม และนำไปซึ่งความวุ่นวายและความเดือดร้อนต่างๆ ที่ผ่านมา การดูแลของเจ้าหน้าที่ของ ศอ.รส.ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ จะเห็นว่ากว่า 2 อาทิตย์ที่ดูแลผู้ชุมนุมเหตุการณ์ต่างๆ ก็ยังไม่เกิดจนถึงความรุนแรง จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนมา ณ ที่นี้ด้วย
    ถามว่า จะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า ก็คงจะเพิ่มแต่กำลังเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องใช้ในการปกป้องทรัพย์สินและความปลอดภัยไม่ให้มีการเผชิญหน้า ขอความกรุณาประชาชน ถ้าไม่จำเป็นอย่าใช้เส้นทางบริเวณนั้น ความร่วมมือในการหลีกเลี่ยงเส้นทางต่างๆ และเกรงในเรื่องบุคคลที่สาม ที่ไม่อยากให้เหตุกระทบ ซึ่งวันนี้เราได้วางมาตรการต่างๆ ในเรื่องดูแลความปลอดภัยแล้ว
      ส่วนกรณีที่มีกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลจัดเวทีปราศรัย และมีคนในรัฐบาลซึ่งเป็นรัฐมนตรีขึ้นเวทีปราศรัยด้วยนั้น มีความเหมาะสมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่สนับสนุนหรือที่ไม่สนับสนุน จะเห็นว่ามีนักการเมืองเข้าไปร่วมทั้งสองเวที แต่ตนเชื่อว่าผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็คงต้องรู้ลิมิตของตนเองว่าจะอยู่ที่ส่วนไหน และการพูดให้ประชาชนไปในลักษณะไหนเรื่องนี้คงต้องเป็นมุมของคนที่จะขึ้นเวทีเป็นผู้พิจารณาเอง
    ต่อข้อถามว่า สำนักข่าวอัลจาซีเราะห์มีการวิเคราะห์ว่ารัฐบาลไม่เข้มงวดกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่บุกรุกสถานที่ราชการ นายกฯ กล่าวว่า เราเลือกเป็นผู้ที่ถูกบอกว่ารัฐบาลอ่อนแอไม่ใช้กำลังกับผู้ชุมนุมดีกว่าที่เราจะบอกเรากำหนดเดดไลน์เพื่อขอคืนพื้นที่ และสุดท้ายผลที่ออกมาคือประชาชนเจ็บปวด ทั้งนี้เชื่อว่าภาพฝันร้ายของความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในอดีตคงเป็นเหตุการณ์ที่หลอนประชาชนคนไทยไปอีกนาน เราไม่อยากเห็นเหตุการณ์นั้น เราจึงตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลโดยปราศจากอาวุธ และดำเนินการขั้นตอนต่างๆ โดยกฎหมาย
         ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บ้างหรือไม่ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการชุมนุมขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์บอกว่า การชุมนุมครั้งนี้ได้เลยจุดนั้นมาแล้ว จุดประสงค์ผู้ชุมนุมนั้นต้องการรูปแบบสภาประชาชน ซึ่งการที่เราจะทำให้รูปแบบสภาประชาชนเกิดขึ้นได้จริงตามที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องนั้น จะเกิดขึ้นด้วยวิธีไหน เพราะหากจะให้อยู่ภายในรัฐธรรมนูญ ก็คงต้องมีการตรากฎหมาย ปรับปรุงต่างๆ ซึ่งก็คงต้องใช้เวลา รัฐบาลยินดีรับฟัง อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชานเราก็ยินดีอยู่แล้ว
ปูอ้างเสียงส่วนใหญ่
เมื่อถามว่า ให้สถานการณ์ถึงขนาดไหน นายกฯ ถึงจะยุบสภาหรือลาออก น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า สำหรับดิฉันไม่มีทิฐิใดๆ เรารักประเทศไทยไม่แพ้ทุกคน และเชื่อว่าคนไทยทุกคนก็รักประเทศ ดังนั้นอะไรที่เป็นทางออกของประเทศ เป็นประโยชน์กับประเทศเรายินดี
“แต่อยากขอความเป็นธรรมว่า ทุกอย่างต้องคำนึงถึงเสียงหรือความต้องการของคนหมู่มากของประเทศด้วย และวันนี้ดิฉันก็เชื่อว่าถ้าอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศ ดิฉันยินดี และไม่ว่าดิฉันจะอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไรก็คิดว่ายังมีประโยชน์ที่จะทำเพื่อบ้านเมือง” นายกฯ ระบุ
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า ถ้าเราปล่อยให้สิ่งที่อยู่เหนือกฎหมายเดินได้ มันก็ไม่ใช่หนทางที่เป็นความสุข วันนี้ปัญหาทั้งหมดได้เกินเลยจุดแล้ว วันนี้เราได้เสนอทางออกของประเทศไทย ที่คนไทยทุกคน ทุกภาคส่วนมาเปิดเวทีพูดคุยกัน ว่าข้างหน้าเราจะก้าวไปอย่างไร ดีกว่าจะมาบอกว่าวันนี้เราจะมาสร้างความโกรธแค้นซึ่งกันและกัน และเดือนหน้าก็จะเป็นเดือนมหามงคล ก็หวังว่าคนไทยทุกคนจะพร้อมใจกันที่จะทำให้วันที่ 5 ธันวาคม ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เห็นความสามัคคีของคนไทยทุกคนกลับคืนมา
เมื่อถามว่า เวลานี้นายกฯ พร้อมที่จะพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ยินดีค่ะ ดิฉันยินดี แต่ยังไม่มีการประสานตอบรับมา ไม่ได้บอกว่ารัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพ อะไรก็ได้ที่จะเริ่มให้เกิดเวทีการพูดคุยกัน แล้วเราก็ยินดีที่จะรับฟังโดยที่ไม่มีส่วนของรัฐบาลอยู่ด้วย ก็ต้องบอกว่าเวทีปฏิรูปการเมืองที่รัฐบาลได้เริ่ม ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะต้องชี้นำ และดิฉันก็ได้บอกเจตนาตั้งแต่เริ่มต้นว่า เราเริ่มเปิดเวทีนี้ ไว้ให้เพื่อให้ทุกกลุ่มมาพูดคุยกัน แต่ที่สำคัญเวทีนี้จะมาจากทุกภาคส่วนอย่างแท้จริงและสุดท้ายก็ต้องกลับไปถามประชาชนว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่เป็นทางออกและเป็นคำตอบ"
ถามว่า มีกระแสข่าวว่านายกฯ เดินทางไปประเทศรัสเซียเพื่อหนีสถานการณ์วุ่นวายทางการเมือง นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และวันนี้ดิฉันก็มีโอกาสมาให้กำลังใจตำรวจที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยในการดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน
 “ดิฉันเองไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ แม้ดิฉันจะเป็นผู้หญิง แต่ดิฉันก็กล้าเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ ค่ะ” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวแล้วลุกขึ้นสะพัดหน้าเชิดใส่ผู้สื่อข่าว
ลั่นห้ามยึดทำเนียบฯ
ต่อมาเวลา 18.10 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เปิดหลังประชุมหน่วยงานความมั่นคง ว่าได้ทำหนังสือขอกำลังทหารทั้งสามเหล่าทัพ เพื่อมาป้องกันสถานที่ราชการบางพื้นที่ โดยไม่มีอาวุธซึ่งเป็นการช่วยเหลือภายใต้ ศอ.รส. ส่วนการควบคุมดูแลทั้งหมดอย่างเป็นทางการยังเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. กล่าวเช่นกันว่า มีความจำเป็นในการขอกำลังทหารเข้าช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยตามสถานที่สำคัญต่างๆ เพื่อรับมือในการชุมนุมใหญ่วันที่ 1 ธ.ค.โดยได้มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่กองพล 1 รอ. และกองพลทหารราบที่ 11 เข้าสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมดูแลทำเนียบรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ และพระราชวังดุสิต ส่วนสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพเรือ ขณะที่สนามบินดอนเมือง ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารอากาศ เข้ารักษาความเรียบร้อย ซึ่งทุกหน่วยงานตอบรับส่งกำลังสนับสนุนตาม ผบ.ตร.ร้องขอ
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การปฏิบัติหน้าที่ของทหารจะอยู่ข้างหลังดูแลป้องกันอาคารสถานที่ราชการ ไม่มีการตั้งด่าน ออกมาอยูบนถนน เบื้องต้นใช้กำลังทหารสารวัตร 3 เหล่าทัพ และกองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อยพัน ร.มทบ.11 รวม 4 กองร้อย เข้าไปดูแลทำเนียบรัฐบาล สนามบิน และ สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ โดยการขออนุมัติใช้กำลังทหารครั้งนี้ ทาง ศอ.รส.ได้ขอผ่านทาง กระทรวงกลาโหมและกองบัญชาการกองทัพไทยตามกฎหมาย
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เผยว่า ในที่ประชุมนายกฯ ได้กำชับให้ชี้แจงทำความเข้าใจประชาชนให้รู้เท่าทันสถานการณ์ เพื่อให้เห็นว่าการร่วมชุมนุมในขณะนี้ โดยเฉพาะการบุกรุกสถานที่ราชการ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เวลานี้สุ่มเสี่ยงเข้าหลักเกณฑ์ข้อหาเป็นกบฏ แต่ผู้ไปร่วมยังบรรเทาได้ จึงอยากให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ
“ในส่วนของทำเนียบรัฐบาลตามที่ผู้ชุมนุมประกาศจะบุกยึดในวันที่ 1 ธันวาคมนั้น ได้มีการเตรียมความพร้อมในการป้องกันร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว จะไม่ยอมให้ยึดทำเนียบฯ โดยเด็ดขาด ส่วนสถานที่ราชการอื่นได้มีการแจ้งเตือนให้เตรียมป้องกันเรียบร้อยแล้ว” พล.ท.ภราดร กล่าว
ใช้ทหาร 17 กองร้อย
    พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส. พร้อมด้วยรองโฆษก ศอ.รส. แถลงผลการประชุม ศอ.รส.ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงว่า จากการประเมินสถานการณ์พบว่า วันอาทิตย์นี้จะมีการดาวกระจายไปหลายจุด และมีแนวโน้มว่ามวลชนจะควบคุมกันไม่ได้ ศอ.รส.จึงมีมติและได้ทำหนังสือขอกำลังไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อขอกำลังทหารทั้ง 3 เหล่าทัพจากกองทัพบก, กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ มาเป็นสายตรวจร่วมดูแลความสงบเรียบร้อย รักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญ จำนวน 17 กองร้อย และสารวัตรทหารอีก 180 นาย  รวม 2,730 นาย แบ่งเป็น กองทัพบกจำนวน 14 กองร้อย, กองทัพเรือ 1 กองร้อย, กองทัพอากาศ 2 กองร้อย โดยกำลังทั้งหมดจะปฏิบัติดูแลครอบคลุมพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ตามที่มีประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงตั้งแต่คืนวันเสาร์เป็นต้นมา
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ขอฝากไปยังประชาชนอย่าตื่นตระหนกตกใจ เนื่องจากในวันอาทิตย์นี้จะมีการเคลื่อนย้ายกำลังทหารส่วนหนึ่งไปร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวด้วยว่า เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) จำนวน 2,000 คน ได้พยายามกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ โดยมีภาพปรากฏชัดเจนว่า มีการใช้ถุงทรายจำนวนมากวางซ้อนทับกัน เพื่อใช้ปีนข้ามไปพื้นที่หวงห้าม ซึ่งตำรวจได้ดำเนินการเจรจาแจ้งว่าเป็นพื้นที่ห้ามเข้าและขอให้ถอยแล้ว ทั้งนี้ นอกจากจุดดังกล่าวแล้วยังพบว่ามีความพยายามนำถุงทรายไปวางไว้ 9 จุดรอบทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาด้วย" โฆษก ศอ.รส.กล่าว
    พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงกลุ่ม กปปส.ที่ประกาศจะนำมวลชนเข้ายึดสถานที่ราชการ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ว่า ตำรวจจะปฏิบัติตามกฎหมาย หากจะเข้ามาก็ต้องยันเอาไว้ แต่ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงกับมวลชนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากยื้อไม่หยุดแล้วมวลชนจะเข้ามาก็ต้องปล่อยให้เข้า
      "ถ้าเขาอยากเข้ามาก็ต้องปล่อยให้เข้า อยากจะทำอะไรก็ทำได้เลย จะเผา บช.น.ก็ได้ หากคิดว่าไม่เสียดายทรัพย์สินของประชาชนของชาติ” ผบช.น.กล่าวและว่า แต่ที่ยอมให้ยึดไม่ได้อย่างเด็ดขาดคือ ทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา เพราะถือเป็นสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาล
    สำหรับบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล มีการวางมาตรการในการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 33 กองร้อย สลับสับเปลี่ยนเวรตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยทุกทางเข้า-ออกในบริเวณพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ และสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งอยู่ติดกับเวทีกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ  (กปท.) และเวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ประกาศจะนำมวลชนบุกยึดพื้นที่ในวันที่ 1  ธันวาคมนี้
คปท.ขยับให้ทำเนียบฯ
    วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเย็น บริเวณแยกนางเลิ้ง บรรยากาศการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เป็นไปอย่างคึกคัก โดยแกนนำได้ประกาศรวมมวลชนตั้งแถวเพื่อเดินขบวนไปยังบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ จากนั้นได้นำกระสอบทรายวางทับบนแนวรั้วลวดหนามและแท่นแบริเออร์  โดยระบุว่าเพื่อให้สามารถเดินข้ามเข้าไปทำเนียบรัฐบาลได้ ทั้งนี้ ได้มีการประกาศผ่านรถขยายเสียงยืนยันว่า ในวันนี้ (วันเสาร์)  ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่เข้าพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตอบโต้กลับมาผ่านเครื่องขยายเสียงเช่นกันว่า ขอให้ประชาชนอย่าฟังคำยุยงจากแกนนำ เพราะกำลังทำผิดกฎหมาย และขอให้กลับที่ตั้งจุดชุมนุม
    จากนั้นใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถวางกระสอบทรายจนเต็มแนวรั้วลวดหนามได้สำเร็จ กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนต่อไปยังแยกวัดเบญจมฯ เพื่อช่วยกันยกกำแพงแบริเออร์ที่ขวางทางบนถนนพระรามที่ 5 ทำให้ขณะนี้รถยนต์สามารถผ่านได้ปกติ หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายแบริเออร์ที่วางบนสะพานศรีอยุธยาออกส่วนหนึ่ง ก่อนจะให้ผู้ชุมนุมสุภาพสตรีตั้งแถวและโบกไม้โบกมืออำลาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเดินทางกลับที่ตั้งแยกนางเลิ้ง
    อย่างไรก็ตาม ขณะที่มีการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด มีการตอบโต้กันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมตลอดเวลา แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น
    เวลา 10.49 น. นายชุมพล จุลใส หนึ่งในแกนนำ กปปส.ได้นำขบวนผู้ชุมนุมเคลื่อนจากหน้าอาคารรัฐประศาสนภักดี  (อาคารบี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อยึดอาคารดีเอสไอ พร้อมกับเป่านกหวีดประกาศชัยชนะ ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งใช้อุปกรณ์ตัดรั้วลวดหนามสำเร็จ ก่อนจะเคลื่อนขบวนต่อไปยังศูนย์บริการลูกค้า กสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยแกนนำได้ขออาสาสมัครนำป้ายต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมไปปิด และนำโซ่คล้องไว้ที่ประตูของอาคารทำการศูนย์บริการลูกค้า จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้ายึดบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยสงบปราศจากการปะทะใดๆ เนื่องจากสำนักงานไม่ได้ปิดประตูทางเข้า-ออกแต่อย่างใด
    ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศระหว่างการเดินขบวนได้มีการปิด 2 ช่องการจราจร และประชาชนที่สัญจรไปมาบริเวณดังกล่าวลดกระจกรถยนต์เป่านกหวีดและสะบัดมือตบ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ชุมนุมด้วย
    ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. ประกาศถึงแนวทางการเคลื่อนขบวนประชาชนไปยัง สตช.ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ว่า ขอให้ไปรวมตัวกันที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ในเวลา 09.00 น. ก่อนเคลื่อนขบวนไป สตช. เวลาประมาณ 10.00 น.  เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้ที่ตั้ง สตช.มากกว่าถนนราชดำเนิน เบื้องต้นจะมีแพทย์และพยาบาลเข้าร่วมกับประชาชนที่แสดงเจตจำนงว่าจะไปกับขบวนดังกล่าวประมาณ 20,000 คน ส่วนขบวนอื่นๆ ที่จะไปกระทรวงศึกษาธิการ, ทำเนียบรัฐบาล จะเริ่มขบวนที่เวที
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
    ในช่วงเวลา 19.30 น. ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.  ขึ้นเวทีปราศรัยยืนยันว่า วันอาทิตย์นี้ กปปส.จะเข้าควบคุมพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล เดิมทีไม่ได้ติดใจ แต่รำคาญนายกฯ ไปเจื้อยแจ้วแถลงข่าว ดังนั้นต้องจัดการไม่ให้เข้าอีกแล้ว ไม่อยากได้ยินอีกต่อไปแล้ว และนอกจากนี้ กปปส.จะเข้าควบคุมกระทรวงการต่างประเทศ, แรงงาน, ศึกษาธิการ, พาณิชย์,  มหาดไทย พี่น้องประชาชนที่อยู่ที่บ้านใกล้กระทรวงใดไปร่วมงานได้ นัดหมาย 10.45 น. แต่หากรู้สึกไม่เร้าใจขอให้ไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นัดกันตรงสี่แยกปทุมวัน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น