วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ตัดไม้ข่มนาม เมื่อ 1 ธ.ค.56

ตัดไม้ข่มนาม


เรียน คุณอัตถ์ฯ ที่นับถือ
    ประวัติศาสตร์เล่าไว้ว่า เมื่อสมเด็จพระนเรศวรทรงเลือกชัยภูมิตั้งทัพรับทัพพม่าของสมเด็จพระมหาอุปราชาเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเข้าประจัญบานในวันรุ่งขึ้น พระองค์ท่านก็ทรงทำพิธีกรรมตัดไม้ข่มนามเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยบำรุงขวัญทหาร เป็นพิธีใหญ่น่าเกรงขาม
    รุ่งขึ้นเดินทัพ ธรรมชาติก็สำแดงฤทธิ์ ส่งให้ช้างทรงพระที่นั่งตะลุยเข้าไปท่ามกลางกองทัพพม่าจนได้กระทำยุทธหัตถีมีชัยเผด็จศึก
    ขอเรียนถามคุณอัตถ์ว่า คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ  ประกาศเผด็จศึกภายในสิ้นเดือนนี้นั้น ได้กระทำพิธีตัดไม้ข่มนามสู่ขวัญกำลังใจผู้ร่วมเดินขบวนแล้วหรือยังคะ....?!?
    ถ้าข้อเขียนนี้ทำให้คุณอัตถ์รำคาญและสมเพชเพราะหลงยุคสมัย ก็ขออภัยด้วยค่ะ...
                        ด้วยความเคารพและนับถือ
                                   เนียน (เจ้าเก่า)
    "กำนันเทพ" ลาออกจาก ส.ส. ประกาศไม่รับคำสั่งจากพรรคการเมือง นอกจากประชาชนเท่านั้น และเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน และ ๑ ธันวาที่ผ่านมา ประชาชนออกมาเรือนล้าน นั่นคือการทำพิธีโค่นไม้ข่มนามไปเรียบร้อยแล้วครับ  เพราะเล่นเอาบรรดาผู้มีอำนาจถอยกรูด ตั้งหลักแทบไม่ทัน.
                    ตัวตนสมศักดิ์
        ฮุบประเทศ คือ เป้าหมายพรรคเพื่อไทย
    คอลัมน์ เปลว สีเงิน ในไทยโพสต์ ฉบับวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ในชื่อเรื่อง "ตัวตนสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์" ได้กล่าวนำว่า
    "ตอนนี้คลิปเสียงที่ฮือฮาในท้องตลาดเห็นจะไม่มีใครเกินคลิปเสียงประธานรัฐสภา 'สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์' ที่พูดเปิดใจกับแกนนำขอนแก่น สำคัญอยู่มากผมจึงแกะมาให้ศึกษากันคร่าวๆ"...และคลิปเสียงสรุปตอนท้ายว่า...."หัวใจสำคัญของพรรคเพื่อไทยนาทีนี้ ผมพูดกับผู้บริหารพรรคกับกรรมการยุทธศาสตร์ พูดกับคนทางไกลนับครั้งไม่ถ้วน ผมบอกว่าท่องไว้เป็นคาถาเลยหัวใจสำคัญของพรรคเพื่อไทยคือ การบริหารชัยชนะให้เป็นชัยชนะที่ยั่งยืน รักษาอำนาจรัฐเอาไว้ครับ เราค่อยๆ ดึ๊บ ดึ๊บ ดึ๊บ เดี๋ยวเกลี้ยงเองครับ ทางเลือกสุดท้าย ถ้าจำเป็นต้องเป็น ให้ฝ่ายเขาเป็นคนประกาศสงครามสิ  เราอย่าไปประกาศสงคราม เรารักษาอำนาจรัฐ บริหารรัฐ อำนาจอยู่ในมือ ค่อยๆ ดึ๊บ ดึ๊บ ดึ๊บ สุดท้ายเกลี้ยงครับ
    ธาตุแท้ของพรรคเพื่อไทย ที่ปรากฏตามหลักฐานดังกล่าวข้างต้น ทำให้นึกถึงคำพูดของ ท่านพุทธทาสภิกขุ ดังนี้
    "ประชาธิปไตยโกงนั่นมันร้ายกาจอย่างไร
คือประชาชนทั้งหลายไม่มีศีลธรรม แต่ถือระบอบประชาธิปไตย
    มันก็มีโอกาสจะใช้กิเลสของตนอย่างเสรี
แต่ละคนๆ มีเสรีภาพที่จะใช้กิเลสของตนอย่างเต็มที่ เมื่อประชาชนทุกคนมันไม่มีศีลธรรม มันโกง มันก็เลือกผู้แทนโกง
    เมื่อประชาชนเลือกผู้แทนโกง ก็ได้ผู้แทนโกง
    ผู้แทนโกงทั้งหลายไปประกอบกับเป็นรัฐสภาก็เป็นรัฐสภาโกง
    รัฐสภาโกงไปตั้งคณะรัฐบาลก็เป็นคณะรัฐบาลโกง
    เจ้าหน้าที่ทุกคนก็เป็นคนโกง โกงกันทั้งบ้านทั้งเมือง"
    คลิปเสียงนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติมีเจตนาร่วมกันที่จะฮุบอำนาจการปกครองประเทศอย่างถาวร  ถ้านโยบายชั่วนี้สำเร็จบ้านเมืองคงจะต้องฉิบหายเป็นแน่ โชคดีที่วิบากกรรมที่สืบเนื่องจากเจตนาทุจริตได้ส่งผลเสียก่อน ประชาชนทั้งบ้านทั้งเมืองจับได้ไล่ทัน จึงลุกขึ้นต่อต้านเปิดโปงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในกำกับของ ตระกูลชินวัตร ได้ทันเวลา.
                        พ.อ.วัชระ  วีระวงศ์
    นั่นคือโครงสร้างของระบอบทักษิณครับ  นายสมศักดิ์คนนี้เป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งในโครงสร้างแห่งความชั่วร้ายนี้
    โครงสร้างระบอบทักษิณประกอบด้วย รัฐบาลยิ่งลักษณ์,  รัฐสภาขี้ข้า, รัฐตำรวจ, ข้าราชการชั่วทั้งหลาย และมวลชนเสื้อแดง
    ฉะนั้น หากจะล้างระบอบทักษิณต้องล้างโครงสร้างพวกนี้ให้หมด ไม่ใช่จับไปฆ่านะครับ แต่จะต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง นั้นคือ ประชาชนต้องไม่เปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ซึ่งจะแก้ปัญหารัฐบาลนอมินี กับรัฐสภาขี้ข้าไปได้
    ส่วนรัฐตำรวจต้องรื้อโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียใหม่ ตัดทอนอำนาจผู้บัญชาการแห่งชาติ ให้ตำรวจไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือผู้ว่าราชการจังหวัดแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นเพียงหัวหน้าส่วนบริหารงานบุคคล มิใช่ผู้คุมอำนาจตำรวจทั้งหมดไว้ในมือ  นี่จะเป็นการสลายรัฐตำรวจได้อย่างถาวร.
                     “นิติเรด”
เรียน คุณอัตถ์ อัตนัย ที่นับถือ                   
    ขอสอดเข้ามาหน่อยนะครับ สำหรับคำถามเองตอบเองของนายปิยบุตร แสงกนกกุล แห่ง "นิติเรด" กรณีโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คดีที่มาของ ส.ว.ว่า "ส่วนการเสียบบัตรแทนกันนั้น ตามคำร้องมีการเสียบบัตร 8 ใบ ซึ่งต่อให้เป็นจริง ถามว่ามติเห็นชอบนั้นกระทบกระเทือนหรือไม่ ข้อเท็จจริงคือ มันไม่ได้ส่งผลกระทบกระเทือนต่อการลงมติตอนจบ ศาลจะเอาเรื่องนี้มาล้มมติไม่ได้" (ไทยโพสต์ 24 พ.ย.56)    คำถามนี้มีประเด็นเดียว คือ การเสียบบัตรแทนกันมีผลกระทบกระเทือนต่อการลงมติหรือไม่ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ มาตรา 126 วรรค 3 ได้กำหนดหลักการสำคัญประการหนึ่งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการตรากฎหมายว่า สมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งย่อมมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนน เว้นแต่ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด ย่อมเข้าใจได้ว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภานั้น การแสดงตนในการออกเสียงลงคะแนนถือเป็นเรื่องเฉพาะตัวของสมาชิกรัฐสภาแต่ละคนที่จะต้องมาแสดงตนในการประชุมเพื่อพิจารณาญัติต่างๆ แต่ละครั้งด้วยตนเอง และในการนี้ย่อมมีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนในแต่ละเรื่องได้เพียงครั้งละ 1 เสียงเท่านั้น การกระทำใดที่มีผลให้การลงคะแนนผิดไปจากความเป็นจริง ย่อมไม่ชอบด้วยบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ            ศาลเห็นว่าการลงคะแนนเสียงที่ทุจริตขัดต่อข้อบังคับการประชุมรัฐสภา และขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 122, 123 และ 126 วรรค 3 ฝ่าฝืนมาตรา 68 วรรค 1        มาตรา 154 วรรค 5 บัญญัติว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัตินั้นมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ และข้อความดังกล่าวมีสาระสำคัญให้ร่างพระราชบัญญัตินั้นเป็นอันตกไป                       
    ครับ...ก็หมายความว่า ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขที่มาของ ส.ว.ฉบับขี้ข้าทักษิณไม่มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย ตามมาตรา 154 วรรค 5 ส่วนผลกระทบกระเทือนต่อการลงมติหรือไม่นั้น ไม่มีประเด็นแห่งคดีที่ศาลจะต้องวินิจฉัย.                                    ด้วยความนับถือ                                             เฒ่า 72           
    ประเด็นข้อกฎหมายเป็นไปตามที่ เฒ่า ๗๒ จัดมาครับ   แต่ที่น่ากลัวกว่าคือ คนพวกนี้ตะแบงไม่เข้าใจกฎหมาย หลับหูหลับตาเรื่องเสียบบัตรแทนกันซึ่งถือเป็นการคอร์รัปชัน ถ้านักกฎหมายไม่สนใจประเด็นพื้นฐานคือการโกง มันก็จบครับ   เพราะคนพวกนี้เป็นได้แค่นักกฎหมายโจร.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น