วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

“ก่อแก้ว” ใช้กรรม นอนซังเตให้สำนึก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 เมษายน 2556 08:00 น.

“ก่อแก้ว” ใช้กรรม นอนซังเตให้สำนึก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์23 เมษายน 2556 08:00 น.


สะเก็ดไฟ
       
       พอปิดประชุมสภาฯ บรรดาพวกมีชนักปักหลัง พฤติกรรมไม่ปรับเปลี่ยนตามที่ได้สัญญิงสัญญากับศาลเอาไว้เมื่อครั้งประกันตัว ก็หมดเอกสิทธิ์จะคุ้มกะลาหัว ต้องกลับเข้าไปนอนซังเตกันตามสภาพ
       
       โดยเฉพาะคิวของ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ศาลวินิจฉัยว่ายังไม่เห็นพฤติกรรมอันเชื่อได้ว่าสำนึกผิด จากกรณีข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อครั้งกินข้าวแดงรอบที่แล้ว แม้เจ้าตัวจะอ้างว่า ผ่อนคลายความก้าวร้าว และเพิ่มความอ่อนโยนแล้วก็ตาม
       
       เรียกว่านอนซังเตกันพักใหญ่ๆ กันเลยรอบนี้
       
       จะมีสิทธิ์ได้ชะเง้อคอออกมาก็ในช่วงการประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ก่อนจะต้องรีเทิร์น นอนคุกเพื่อรอเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปกันในเดือนสิงหาคมหน้าฝนเท่านั้น
       
       ช่วงนี้ก็เลยจะได้เห็นการขยันขอประกันตัวกันทุกสัปดาห์ เข้าๆ ออกๆ เรือนจำเป็น “ไอ้ขี้คุก”
       
       ทั้งนี้ จับอารมณ์ถอนประกันตัวรอบสอง “ก่อแก้ว” หนนี้ผิดคาด บรรดาแกนนำคนเสื้อแดงและเดอะแก๊งกันพอสมควร เพราะที่ผ่านมาประเภทขอโอกาสศาลแล้วมักจะได้ หากออกมาแล้วสัมภาษณ์ไม่ดุไม่ดัน ไม่ปากดีสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย
       
       ดูอย่างในคิวก่อนๆ หน้า ทั้ง “เจ๋ง ดอกจิก” และ “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ สองแกนนำ นปช. เดี๋ยวนี้ประเภทฮาร์ดคอร์ดุๆ เหมือนแต่ก่อนไม่ค่อยจะได้เห็น จะมีบ้างก็แค่จิกๆ กัดๆ เห่าใบตองแห้งไม่สะเทือน
       
       ขณะที่ “ก่อแก้ว” เองแม้จะออกลูกจ๋อย ลดโทนลงเหมือนกับรายอื่นๆ แต่เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสิ่งที่วิพากษ์วิจารณ์ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครั้งนั้น แกนนำ นปช.รายนี้ ยังตะแบงว่า “ไม่ผิด” งานนี้ก็เลยดิ้นไม่หลุดตามเหตุผลที่ศาลท่านอ้างว่า “ไม่สำนึก”
       
       อย่างไรก็ตาม ว่ากันตามเนื้อผ้า จริงๆ “ก่อแก้ว” เองก็ไม่ใช่บรรดาแกนนำประเภทฮาร์ดคอร์หรืออุดมการณ์จ๋า เหมือนกับในรายอื่นๆ ในกลุ่มก้อนเดียวกัน มิหนำซ้ำ ยังถูกจัดให้เป็น “สายพิราบ” มากกว่า อันเนื่องจากหากพลิกปูมประวัติแล้วเจ้าตัวคือนักการเมืองประเภทสายธุรกิจด้วยซ้ำไป
       
       เพราะก่อนหน้าที่เจ้าตัวจะลงเล่นการเมือง เคยประกอบธุรกิจประเภทวิศวกรรมโยธาในกรุงเทพมหานคร ช่วงปี 2536 ก่อนจะถูกพิษเศรษฐกิจเล่นงานในช่วงปี 2541 ตลอดจนสาเหตุที่ “ก่อแก้ว” เลือกจะสวมเสื้อพรรคไทยรักไทยก็เพราะหมดความศรัทธาในฝีมือบริหารประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจของประชาธิปัตย์ แต่ชื่นชมในความสามารถด้านธุรกิจของ “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
       
       ขณะที่กลุ่มก๊กที่เจ้าตัวเลือกอยู่ด้วยก็มีเอี่ยวกับ “กลุ่มวังบัวบาน” ของ “เจ๊ ด.” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำกลุ่มมัฌชิมา ที่ทั้งหมดทั้งปวงก็บริหารการเมืองแบบใช้แนวคิดหัวธุรกิจล้วนๆ
       
       ลักษณะแกนนำคนเสื้อแดงรายนี้จึงฉีกๆ จากคนอื่น โดยเฉพาะกรณี “กลุ่มมัฌชิมา” จะซบพรรคเพื่อไทยทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายค้านอยู่ แต่ “ก่อแก้ว” ก็เป็นคนเดียวใน “แกนแดง” ที่แอ็กชั่นแรงออกตัวอ้าแขนรับแบบออกนอกหน้านอกตา ต่างจากคนอื่นที่บางคนถึงขั้นกับปิดประตูใส่หน้า
       
       แกนนำคนเสื้อแดงที่บรรดามวลชนคลั่งไคล้หนักหนา ชื่นชมในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว บางทีขอดเกล็ดกันดูบางครั้งก็เหมือนๆ กันหมด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น