วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

ทำไม BRN ถึงต้องยื่นเงื่อนไข ๕ ข้อ กับ “หน้าตา” ที่แตกยับเยินของประเทศไทยวันจันทร์ ที่ 29 เมษายน 2556



วันจันทร์ ที่ 29 เมษายน 2556


 
๑. การที่กลุ่มโจรหมดอายุที่อ้างชื่อBRNหากินมาชั่วชีวิตกล้าออกมาแถลงการณ์ “ด่าไทย” อย่างรุนแรง ไม่ไว้หน้า สมช. และรัฐบาลไทยเลยนั้น พอสรุปได้ว่า น่าจะเป็นความร่วมมือที่สอดคล้องกันในเรื่องผลประโยชน์ของรัฐบาลมาเลเซียกับกลุ่มโจรหมดอายุ และ “มีคนในรัฐบาลมาเลเซีย” อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ค่อนข้างแน่นอน ไม่เช่นนั้นทำไมกลุ่มโจรจึงกล้าหาญชาญชัยขึ้นมาแบบกะทันหัน กล้ายื่นเงื่อนไข ๕ ข้อ โดยอ้างประวัติศาสตร์, ด่าไทยว่าเป็นนักล่าอาณานิคม ให้ยกระดับ “มาเลเซียเป็นผู้ไกล่เกลี่ย” ไม่ใช่ตัวกลางหรือผู้อำนวยความสะดวก, ให้มีพยานจากประเทศอื่น และตัวแทนจากโอไอซีเพิ่ม, ให้ปล่อยผู้ต้องหาทุกคน, ยกเลิกหมายจับทั้งหมด และยอมรับว่าBRNเป็นขบวนการปลดปล่อยปัตตานี ไม่ใช่แบ่งแยกดินแดน ข้อเรียกร้องดังกล่าวนั้นน่าจะมีสาเหตุและแนวโน้มดังนี้
    ๑.๑ หลังจากรัฐบาลไทยเซ็นสัญญาไปแล้ว สถานการณ์ของกลุ่มโจรหมดอายุที่อ้าง BRN มาหากินก็ได้รับการยกระดับเป็นที่สนใจขององค์กรมุสลิมและเอ็นจีโอต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงสมาชิกBRNตัวจริงขึ้นมาทันที ดังนั้นการประกาศตัวตนที่แท้จริงจึงต้องมีขึ้นเพื่อประกาศให้สังคมโลกรับรู้ว่า BRN ยังมีอยู่จริง  ไม่ได้แบ่งแยกดินแดน แต่มาปลดปล่อยเช่นเดียวกับอาเจะห์ และยังเอาใจกลุ่มก่อเหตุร้ายในไทยอีกประการหนึ่ง เป็นการหาแนวร่วมไปในตัวด้วย
    ๑.๒ ฝ่ายการเมืองในประเทศมาเลเซียเองก็ต้องการเปลี่ยนท่าทีตนเอง ยกระดับจาก “ประเทศที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก” มาเป็นประเทศที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ซึ่งจะทำให้มีสถานภาพเป็น “ตัวตน” มีความสำคัญขึ้นมาทันที เพราะการเป็นประเทศผู้อำนวยความสะดวกนั้น ถูกประชาชนมาเลเซียบางกลุ่มและพรรคฝ่ายค้านด่าว่า “ไม่รักพวกพ้อง” นอกจากนั้นยังจำเป็นต้องช่วยยกสถานภาพของBRNให้สูงขึ้น กลับมาเป็นขบวนการปลดปล่อยไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดน เพื่อป้องกัน “ข้อกล่าวหาว่าแทรกแซงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้าน” และยังสามารถทวงคืนคะแนนนิยมจากประชาชนมาเลเซียในภาคเหนือกลับมาจากฝ่ายค้านอีกด้วย
    ๑.๓ เมื่อมีการยกระดับกลุ่มโจรท้องถิ่นแบบไม่เคยมีมาก่อนในโลกจากการเซ็นสัญญาของรัฐบาลไทยนั้น ได้เป็นผลทำให้กลุ่มโจรแบ่งแยกดินแดนในอดีตทุกกลุ่มตื่นเต้น ได้รับน้ำเลี้ยง เตรียมฟื้นตัวเองขึ้นมาใหม่กันทั่วทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น GMIP, พูโลเก่าใหม่, เบอร์ซาตู ฯลฯ รวมถึงBRNของแท้ก็ออกมผสมโรงด้วย เพราะผลประโยชน์เฉพาะหน้าจากการรับเงินสนับสนุนจากประเทศกลุ่มอิสลามมีมากมายมหาศาลเกินกว่าที่จะนั่งดูอยู่เฉยๆ ได้ ดังนั้น “ความขยันก่อความรุนแรงจากผู้ก่อเหตุร้ายในไทยก็จะเพิ่มมากขึ้นติดตามไปด้วย”
    ๑.๔ กลุ่มประเทศอิสลามที่บริหารไอโอซีอยู่เดิมไม่เคยให้ความสนใจกับกลุ่มโจรใต้มาก่อนเลย อาจกลับมาให้ความสนใจได้ เพราะตัวแทนสำคัญในหลายประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม มาเป็นกลุ่มปฏิวัติจาก “อาหรับสปริง”
    สรุปแล้วมาเลเซียยืม “ประเทศไทยไปหาเสียง” เช่นเดียวกับประเทศ “เขมร” มันเป็นบทเรียนที่ไม่รู้จักจำกันซะที
๒. ผมเคยติงเรื่องการทำสัญญาเจรจากับกลุ่ม BRN ของรัฐบาลไทยโดยใช้ตราครุฑประทับคู่ไปกับตราของกลุ่มโจร เมื่อ ๙ มี.ค. ๕๖ ทั้งทาง นสพ.คมชัดลึก, บล็อคโอเคเนชั่น และให้สัมภาษณ์รายการวิทยุโทรทัศน์อีก ๑๐ แห่ง มีสาระสำคัญมากมาย จึงขอนำมาให้อ่านอีกครั้งหนึ่งเพื่อทบทวน (ใครอยากอ่านฉบับสมบูรณ์ไปดูย้อนหลังบล็อกโอเคเนชั่น ผมลงไป ๒-๓ เรื่องครับ) โดยผมเขียนไว้เดิมสรุปได้ว่า
    ๑) การลงนามครั้งนี้จะถูกบันทึกโดยหน่วยงานข่าวกรองของประเทศมหาอำนาจทุกประเทศ ซึ่งจะส่งผลทำให้มีการยกระดับการติดตามกลุ่มก่อการร้ายสากลที่เข้ามายังประเทศไทยอย่างเป็นระบบมากขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างความสำคัญให้กลุ่มโจรมีกำลังใจเคลื่อนไหวมากขึ้น
     ๒) ทางด้านกลุ่มก่อการร้ายสากลเองก็จะมีการบันทึกรายชื่อกลุ่มก่อการร้ายใหม่ๆ ในประเทศไทยเพิ่มเติมขึ้นเช่นกัน เพื่อเตรียมหาทางเข้ามาสนับสนุนโดยเฉพาะช่วยเหลือทางด้านเทคนิคการจัดทำคาร์บอม เรื่องนี้จึงเป็นอันตรายที่สุดเพราะกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นมหานครขนาดใหญ่มากแต่ยังไม่มีการจัดระบบต่อต้านการก่อการร้ายสากลขึ้นอย่างเป็นรูปแบบเลย
     ๓) ปัญหาการก่อการร้ายในภาคใต้ของไทย ไม่เหมือนฟิลิปปินส์หรืออินโดนีเซีย เพราะทั้ง ๒ ประเทศนั้นถูกขึ้นบัญชีเป็น “การก่อการร้ายสากล” มานานแล้ว และกลุ่มก่อการร้ายก็สามารถครอบครองพื้นที่ได้บางส่วนอีกด้วย ซึ่งแตกต่างกับประเทศไทยมากมาย ดังนั้นการที่มาเลเซียอาสาเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาของฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียก็เพื่อผลประโยชน์ของมาเลย์เพียงประเทศเดียว (ได้คะแนนเสียงจากประเทศอิสลามหัวรุนแรงและประชากรในตอนเหนือของมาเลเซีย) ประเด็นนี้คือเหตุผลหลักที่มีการออกมาแถลงการณ์สันติภาพของกลุ่มโจรครั้งนี้ โดยที่รัฐบาลมาเลเซียก็อยู่เบื้องหลัง
     ๔) สัญญาที่ทำไปนั้นมันจะส่งผลให้กลุ่มโจรมันอ้างสัญญากลับไปที่สหประชาชาติ, ประเทศอิสลาม, โอไอซี หรือกองทุนเอ็นจีโอต่างๆ ขอทุนหรือขอแบ่งพื้นที่โดยอ้างประวัติศาสตร์ หรือขออาวุธ ฯลฯ
     ๕) กลุ่มคนที่เซ็นสัญญาเองก็จะหิ้วสัญญา ฉวยโอกาสนำไปหาเงินในฐานะตัวแทนกลุ่มโจรภาคใต้
   จบเรื่องเก่าแล้วพิเคราะห์ดูว่าในปัจจุบันนั้น เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นตรงกับที่เคยเขียนไว้เกือบครบถ้วนแล้วครับ ยกเว้นเรื่อง “การเข้ามาสนับสนุนของกลุ่มก่อการร้ายสากล” ซึ่งก็อีกไม่นานเกินรอประเทศเราอาจจะเจอก็ได้ การบริหารประเทศโดยผลักดันคนมีความรู้ความสามารถออกไปนั่งตบยุงทั้งข้าราชการการประจำ, ทหาร และตำรวจ รวมถึงการไม่ฟังเสียงคัดค้านของประชาชน และการทำงานแบบดื้อตาใส จะทำให้ประเทศชาติพังทลายไปเรื่อยๆ ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น