กบอ.ผวาศาลปค.เบรก3.5แสนล.
"ทั่นปลอด" อัดพวกไล่ทุบ กบอ.จ้องแต่หาเรื่อง ยันทุกขั้นตอนผ่านกระบวนการอย่างรอบคอบ กฤษฎีการอดูคำฟ้อง "อุเทน" รับหากศาลปกครองรับคำฟ้อง โครงการตามทีโออาร์ต้องสะดุด ด้าน มท.สั่งพ่อเมืองแจงยิบชาวบ้านเรื่องเงินกู้ พร้อมแจกแผ่นพับ 2 ล้านฉบับ "มาร์ค" เตือน "ปู" ชะลอกู้ หากโครงการจัดการน้ำไม่พร้อม เหตุเสี่ยงแบกรับภาระหนี้ดอกเบี้ย
เมื่อวันจันทร์ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) พร้อมด้วยนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย และนายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ร่วมกันแถลงชี้แจงกรณีนายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านการระบายน้ำ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนคัดค้านแผนจัดการน้ำ กบอ. ได้พยายามร้องต่อศาลปกครองถึงการบริหารจัดการน้ำของ กบอ.
นายปลอดประสพกล่าวว่า ที่ผู้ร้องอ้างว่าการทำทีโออาร์ของ กบอ.มีความหละหลวม ไม่มีสาระ และข้ามขั้นตอนนั้น ขอยืนยันว่าทุกขั้นตอนมีที่มาที่ไป และผ่านกระบวนการคิดอย่างรอบคอบ โดยทุกขั้นตอนมีตัวแทนจากทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายกฎหมายที่มีตัวแทนอัยการสูงสุด และตัวแทนคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมถึงตัวแทนจากกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ และทุกขั้นตอนทีโออาร์มีการตอบข้อซักถาม ไม่มีคำตอบใดที่ตอบแล้วผู้ถามไม่รู้เรื่อง และไม่มีใครที่อ่านทีโออาร์ไม่รู้เรื่อง ยกเว้นผู้ที่จะฟ้องศาลปกครองที่อ่านไม่รู้เรื่อง เพราะจ้องแต่จะหาเรื่อง
นายปลอดประสพกล่าวว่า ส่วนกรณีกลุ่มบริษัทร่วมค้าไทย-ญี่ปุ่นขอถอนตัวนั้น ทางญี่ปุ่นก็ขอบคุณไทยมาที่ให้โอกาส แต่ที่ถอนตัวเป็นเพราะเหตุผลทางธุรกิจ ส่วนที่อ้างกันว่าเหตุผลเพราะไม่ทำตามคำแนะของไจกานั้น เนื่องจากไจกาโตเกียวไม่เกี่ยวข้องกับไทย และข้อเสนอที่ระบุว่าจะลดต้นทุนนั้น ก็เป็นเพียงข้อเสนอส่วนบุคคลในองค์กร ไม่ใช่ไจกาทั้งหมด ไจกาไม่ได้มีข้อเสนอแนะมาอย่างเป็นทางการ
เขาระบุว่า ยืนยันข้อกล่าวหาว่าไม่เป็นความจริง อาทิที่ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องก่อสร้างฟลัดเวย์หรือทางน้ำหลากนั้น โดยสามารถใช้คลองเล็กๆ ในการระบายน้ำ และจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์นั้น ขอชี้แจงว่า ประเทศญี่ปุ่นเองก็มีการสร้างฟลัดเวย์ขนาดใหญ่ ที่สามารถระบายน้ำได้ภายในสองวัน และเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นว่า คลองเล็กๆ ที่เรามีมากมายไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน
"หากเราทำตามข้อเสนอของไจกา ก็จะส่งผลให้เกินงบประมาณที่วางไว้กว่าเท่าตัว เช่น การก่อสร้างฟลัดเวย์ที่เราวางงบไว้ 1.2 แสนล้านบาท แต่บริษัทญี่ปุ่นที่มีไจกาเป็นที่ปรึกษาเสนอราคาไว้ที่ 3.93 แสนล้าน และใช้ระยะเวลาก่อสร้างถึง 20 ปี" นายปลอดประสพกล่าว
ประธาน กบอ.กล่าวถึงข้อกล่าวหาที่ระบุว่า รัฐบาลผลักภาระการเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างโครงการให้เป็นหน้าที่ของเอกชนนั้นว่า ไม่เป็นความจริง เป็นการปล้นความจริงกลางวันแสกๆ เพราะการเวนคืนที่ดินต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกา และเงินก็อยู่ที่รัฐบาล เอกชนมีหน้าที่เพียงชี้จุดพื้นที่ที่เหมาะสม เอกชนทำเองไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และหลังจากนั้นก็ต้องศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน ที่เป็นกระบวนการหลังจากนี้
ด้านนายอัชพรกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดการยื่นฟ้องของนายอุเทน และยังไม่ทราบว่ามีการฟ้องจริงหรือไม่ แต่ยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดของ กบอ.ทำตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และระเบียบข้าราชการต่างๆ อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังไม่ทราบว่าผู้ฟ้องกล่าวหาประเด็นอะไร อาจจะเป็นการไม่เข้าใจในทีโออาร์ หรือไม่เข้าใจในเรื่องเทคนิค
"หากศาลปกครองได้รับคำร้องดังกล่าวไว้ อาจจะกระทบกับโครงการ และหากมีการคุ้มครองชั่วคราว โครงการตามทีโออาร์อาจจะต้องชะลอไว้ก่อน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง อาจจะต้องทำให้กรมชลประทานดำเนินการโครงการต่างๆ เอง และจะต้องมีการจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนปกติ ส่วน พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทที่จะครบกำหนดภายในเดือน มิ.ย.นั้น จะกระทบแค่โครงการในทีโออาร์ แต่ไม่กระทบ พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม คิดว่าศาลจะไม่รับคำร้อง เพราะนายอุเทนไม่ใช่ผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง และไม่เกี่ยวข้องกับการยื่นทีโออาร์" นายอัชพรกล่าว
ด้านนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกฯ กล่าวว่า คณะกรรมการที่กำหนดการทำทีโออาร์ชั้นสุดท้าย ทำด้วยความรอบคอบระมัดระวัง ดูข้อกฎหมายในมิติต่างๆ อย่างครบถ้วน โดยมีผู้แทนจาก 4 หน่วยงานเข้ามาช่วยดูด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้ยื่นคำฟ้องไปก็ถือเป็นสิทธิ์ แต่การยื่นต่อศาลปกครองต้องเป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายในกรณีดังกล่าว ยังไม่มีคำสั่งการปกครองใดๆ เกิดขึ้นเลย ส่วนบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงนั้น ต่างก็ไม่ได้มีข้อทักท้วงแต่อย่างใด ดังนั้น หากศาลรับคำฟ้องสำนักงานปลัดสำนักนายกฯพร้อมที่จะดำเนินการร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด ในการอธิบายหรือแก้คำฟ้องดังกล่าว
นายธงทองกล่าวต่อว่า วันศุกร์ที่ 3 พ.ค. ตั้งแต่เวลา 08.00-14.00 น. บริษัทที่รับทีโออาร์ไปจะนำมายื่นซองประกวดราคา คาดว่าเอกสารที่เข้ามาคงจะเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ คณะกรรมการจะใช้เวลาอ่านประมาณ 3 สัปดาห์ ใช้ทีมงานในการอ่านประมาณ 50 คน และจากนั้นจะรายงานผลการอ่าน ซึ่งเป็นผลทางเทคนิคในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม จากนั้นจะดูคะแนนทางเทคนิคและราคา และดูว่าจะสามารถต่อรองกับบริษัทที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ได้หรือไม่ หากเห็นว่าไม่มีบริษัทใดเสนอเป็นที่น่าพอใจ ก็อยู่ที่ดุลพินิจของคณะกรรมการว่าจะนำไปสู่การทำสัญญาหรือไม่
ที่กระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย โดยมีการถ่ายทอดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยได้ขอให้แต่ละจังหวัดทำการติดตามนโยบายเกี่ยวกับเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ภายหลังการประชุมอย่างต่อเนื่อง และไปประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เข้าใจ ซึ่งกระทรวงคมนาคมและสำนักนายกรัฐมนตรีจะจัดทำแผ่นพับใบปลิว 2 ล้านฉบับ แล้วให้แต่ละจังหวัดนำไปแจกจ่ายให้ประชาชน รวมถึงการจัดนิทรรศการชี้แจงต่อไปด้วย
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องพิจารณาว่าโครงการภายใต้เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ที่จะต้องกู้ให้ครบในเดือน มิ.ย.นี้ ตามเงื่อนไขของ พ.ร.ก.ดังกล่าวกำหนดไว้นั้น มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน หากไม่พร้อมก็ไม่ควรกู้ เพราะจะสร้างภาระหนี้สินให้ประเทศชาติ และโครงการก็จะมีปัญหาในอนาคต เนื่องจากยังไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
หัวหน้าฝ่ายค้านระบุว่า อีกทั้งจะเกิดปัญหาการกู้เงินมากอง เพาะหนี้จากภาระดอกเบี้ย หากมีการทำสัญญากับเอกชนก็จะถูกฟ้องร้องโต้แย้งในภายหลัง สุดท้ายก็จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะนี้เหลือเพียง 2 กลุ่มที่อยู่คือ จีนและเกาหลี ดังนั้น นายกฯ จะต้องชะลอการกู้เงินดังกล่าว โดยแยกแยะให้ชัดเจนว่ามีโครงการที่พร้อมกี่โครงการ และจำเป็นต้องใช้เงินเท่าไหร่ จะให้เอกชนเข้ามาในรูปแบบใด.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น