วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

ปูหลิ่วตาแดงยำศาล หนุนเสรีภาพหยาบคาย‘ธาริต’เล็งปล่อยเผาเมือง‘มีชัย’เตือนลูกโซ่ไร้ขื่อแป เมื่อ 28 เม.ย.56


ปูหลิ่วตาแดงยำศาล หนุนเสรีภาพหยาบคาย‘ธาริต’เล็งปล่อยเผาเมือง‘มีชัย’เตือนลูกโซ่ไร้ขื่อแป




“ยิ่งลักษณ์” บินไปมองโกเลีย เข้าร่วมเวทีประชาคมประชาธิปไตย ปล่อยเสื้อแดงชุมนุมข่มขู่คุกคามศาลตามใจชอบ อ้างเป็นสิทธิเสรีภาพ “กวป.” แถไม่ได้สั่งล่าหัว 9 ตุลาการ แค่จะแจ้งตำรวจจับกุมหากพบเห็นตัว “เพื่อแม้ว” นัดเคาะมติ 30 เม.ย. งัดข้อศาลรัฐธรรมนูญ คาดโทษขุนค้อน-ส.ส.หากแหกกฎ ขณะที่ประชาธิปัตย์ฉะ 3 แก๊งรวมหัวลดอำนาจศาล รธน.เป็นแค่เสือกระดาษ “มีชัย ฤชุพันธุ์” เตือนองค์กรหนึ่งปฏิเสธอำนาจของอีกองค์กร ต่อไปจะกระทบเป็นลูกโซ่จนบ้านเมืองไม่มีขื่อแป
    กลุ่มคนเสื้อแดง ในนามกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ยังคงปักหลักชุมนุมบริเวณลานด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที และมีแกนนำบางคนประกาศให้จับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าเป็นผู้ต้องหาของประชาชน
    เมื่อวันเสาร์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี   พูดถึงการชุมนุมดังกล่าว ก่อนออกเดินทางไปเข้าร่วมประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่ประเทศมองโกเลีย ระหว่างวันที่ 27-29 เมษายนนี้ ว่าการชุมนุมเรียกร้องถ้าอยู่ภายใต้กฎหมายและความสงบ ก็เป็นสิทธิตามประชาธิปไตยของประชาชน เจตนารมณ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ สมาชิกรัฐสภาต้องการที่จะเห็นว่าทุกอย่างเป็นตามกระบวนการที่ให้ความเป็นธรรม ทั้งผู้ถูกร้องและผู้ร้อง ถือเป็นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
    เธอกล่าวว่า การสร้างสมดุลทั้ง 3 เสาหลักเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเสาหลักในการบริหาร นิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ทั้ง 3 เสาหลักนี้ต้องทำหน้าที่ของตนเอง และภายใต้ระบอบประชาธิปไตยทั้ง 3 เสาหลักนี้ ต้องมีการถ่วงดุลเพื่อให้เกิดความสมดุล มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใส
    ขณะที่การชุมนุมของคนเสื้อแดงในนาม กวป. บริเวณลานด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ในช่วงเช้าวันเสาร์ มีมวลชนบางตาประมาณหลักร้อยคน แต่แกนนำยังคงสลับกันขึ้นเวทีปราศรัยเชิญชวนมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงให้มารวมกันที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ
     ช่วงบ่าย นายชาญ ไชยะ รองประธาน กวป. และนายศรรัก มาลัยทอง โฆษก กวป. พร้อมมวลชนประมาณ 50 คน ได้เดินทางไปยังกองปราบปราม เพื่อแจ้งความกลับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในข้อหาแจ้งความเท็จ หลังรองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับ 4 แกนนำ ในความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 และมาตรา 198
    นายพงษ์พิสิษฐ์ คงเสนา ประธาน กวป. ปฏิเสธถึงการประกาศให้มวลชนจับกุมตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า แกนนำไม่ได้ประกาศไปเช่นนั้น เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ในนามของประธาน กวป. ยืนยันว่าไม่มีการประกาศให้ประชาชนเข้าจับกุมตัวตุลาการ อาจเกิดจากสื่อสารผิดพลาด น่าจะเป็นการประกาศว่า หากประชาชนพบเห็นตุลาการ ให้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจับกุมตัวมากกว่า
    ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ นายปัณณวัฒน์ นาคมูล แกนนำนปช.อุตรดิตถ์ พร้อมแกนนำและคนเสื้อแดง 17 จังหวัดภาคเหนือ ได้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ออกแถลงการณ์ต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีการราดน้ำมันจุดไฟเผาหุ่นตุลาการด้วย
    วันเดียวกัน ที่จังหวัดอุดรธานี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง  ได้จัดรายการสดผ่านสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ช่อง P&P Channal และสถานีวิทยุ โดยมีนายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ พร้อมสมาชิกชมรมฯ มาร่วมคอยต้อนรับจำนวนกว่า 200 คน
เหลิมโวพาแม้วกลับไทย
    ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวตอนหนึ่งว่า ตนเป็นคนมาหาเสียงในอีสาน บอกว่าจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านให้ได้ จนถึงวันนี้มั่นใจว่าถึงเวลาแล้ว โดยการยกร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง 6 มาตรา ทุกคน ทุกสี จะได้รับผลบวก โดยเขียนเป็นหลักการ ไม่ได้เขียนถึงตัวบุคคล แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ขออนุมัติทางพรรคเพื่อไทย เพราะเพิ่งทำเสร็จ และวันที่ 24 พฤษภาคม ที่สนามทุ่งศรีเมืองอุดรธานี จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ เพื่อพูดคุยกับประชาชน และจะเปิดเวทีไปเรื่อยๆ ทุกพื้นที่ถ้าทำได้ และใครก็ขึ้นมาพูดได้ แต่มีเงื่อนไข 3 ข้อคือ อย่าด่าศาล อย่าด่าทหาร และอย่าพาดพิงสถาบัน
    ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวกรณีเสื้อแดงชุมนุมกดดันหน้าศาลรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้ไม่ขอแสดงความเห็น ถือเป็นการแสดงออกของเขา แต่เรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองนี้คนละเรื่องกัน ตนยังมองโลกในแง่ดี สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญก็บอกว่ารับไว้พิจารณา แล้วก็บอกว่าแก้เถอะไม่เป็นอะไร
    นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์  โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุพรรคเพื่อไทยใช้ยุทธศาสตร์ยกระดับให้เกิดความขัดแย้งกับองค์กรอิสระ เพื่อรวบอำนาจกลับมาเป็นฝ่ายของตัวเองว่า ไม่เป็นความจริง เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ประชาชนสับสน พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันการเมือง มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่มีเหตุผลใดที่จะไปกดดันองค์กรอิสระ
    นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การทำหนังสือเปิดผนึกเป็นสิทธิของสมาชิกรัฐสภาที่เห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การก้าวล่วงศาลหรือล้มองค์กรอิสระ แต่ต้องการแสดงเจตนารมณ์แบ่งแยกอำนาจหน้าที่ของ 3 ฝ่ายเท่านั้น นายอภิสิทธิ์อย่ามาเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้ง ขอให้ช่วยรักษาเกียรติภูมิศักดิ์ศรีฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนที่คนเสื้อแดงไปชุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิประชาชน ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยไม่ได้อยู่เบื้องหลัง
พท.นัดถกรบศาล 30 เม.ย.
    โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวด้วยว่า การประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย วันที่ 30 เมษายน จะมีการหารือ 2 เรื่อง 1.การหารือจดหมายเปิดผนึกที่จะส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ฝ่ายกฎหมายยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยหลักการคือการยืนยันเจตนารมณ์การแบ่งแยกอำนาจ 3 ฝ่าย และอำนาจการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถก้าวล่วงได้ ซึ่งไม่ใช่การล้มล้างองค์กรอิสระ คาดว่าจะส่งหนังสือเปิดผนึกได้ประมาณต้นพฤษภาคม
    2.การหารือไม่ให้สมาชิกรัฐสภา ส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยเสียงส่วนใหญ่ไม่อยากให้มีการส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่อาจมี ส.ส.บางส่วนอยากชี้แจง เพราะเห็นว่าเป็นสิทธิส่วนตัว ดังนั้นจึงต้องนำมาเหตุผลมาหารือกัน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย เผยเช่นกันว่า การประชุมพรรคเพื่อไทย วันที่ 30 เมษายน พรรคจะมีการแจ้งให้ทราบถึงแนวทางดำเนิน ที่ไม่ให้ ส.ส.เพื่อไทยทุกคนไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ แก้ข้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 โดยจะเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้แสดงความเห็นเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ขณะนี้ทราบว่ามี ส.ส.เพื่อไทยบางส่วนเพียงไม่กี่คนไปขอคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญจากเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอไปชี้แจงเป็นการส่วนตัวต่อศาลรัฐธรรมนูญ
    “ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจกับ ส.ส.ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หากไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันก็จะเกิดความเสียหายได้ เชื่อว่าสุดท้ายแล้ว ส.ส.ทุกคนจะปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด” นายไพจิตกล่าว และว่า ส่วนกระแสข่าวนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น ยังมั่นใจว่านายสมศักดิ์มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกันกับ ส.ส.ทุกคน คงไม่ไปชี้แจง
เพื่อไทยขู่ “ขุนค้อน”
    นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทราบว่ามี ส.ส.ที่แสดงเจตนาจะยื่นชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญประมาณ 20 คน รวมทั้งนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ด้วย ซึ่งที่จริงแล้วพรรคก็ชัดเจนว่าไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในกรณีดังกล่าว ดังนั้น ส.ส.เหล่านี้ก็ไม่ควรจะไปชี้แจง เป็นการเสียมารยาท จะไปกลัวอะไรกับศาลรัฐธรรมนูญ มันกี่ครั้งแล้วที่ใช้อำนาจเกินขอบเขต อย่างนี้เรายอมรับไม่ได้
    “ผมเข้าใจว่า ส.ส.ทั้งที่แสดงเจตนาจะไป เพราะกลัวจะถูกศาลเล่นงาน และอาจจะมีผลต่อตำแหน่ง ส.ส. แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเมื่อมีมติพรรคออกมา ทุกคนก็ต้องทำตาม ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครแหกมติพรรค แต่ครั้งนี้ถ้ามีใครแหกมติ พรรคก็ต้องมีมาตรการลงโทษ จะต้องมีการสอบสวนกัน ถามเหตุผลอะไรเป็นอย่างไร”
    นายสมคิดกล่าวว่า ส่วนกรณีนายสมศักดิ์ ในฐานะประธานสภาฯ นั้น ถ้าเป็นตนจะไม่ไป นายสมศักดิ์ได้เป็นประธานสภาฯ ก็เพราะพรรค และก็เป็นถึงประธานฝ่ายนิติบัญญัติ ที่โดนฝ่ายตุลาการเล่นงานมาตลอดแล้วจะไปชี้แจงทำไม อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่หากนายสมศักดิ์จะแหกมติพรรคจริงๆ พรรคก็คงจะทำอะไรต่อตำแหน่งประธานไม่ได้ ใครจะไปปลดไม่ได้ ถ้าไม่ลาออกเอง
สิทธิ ส.ส.ถอดตุลาการ
    นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทยรวบรวมรายชื่อเพื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก ที่มีมติรับคำร้องนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่า ถือเป็นสิทธิของ ส.ส.ที่จะดำเนินการได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 แต่ต้องใช้เสียงถอดถอนจาก ส.ว. 3 ใน 5 หรือ 90 เสียงขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ส.ว. ไม่มีใครร่วมเข้าชื่อด้วย เพราะ ส.ว.จะเข้าชื่อถอดถอนได้เฉพาะกับ ส.ว.ด้วยกันเอง
    ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำให้เกิดปัญหาระหว่าง 2 สถาบันมากขึ้นหรือไม่ นายนิคมกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ เชื่อว่าจะไม่ทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุด เพราะคิดว่าไม่เกี่ยวกัน กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การยื่นคำร้องขอถอดถอนตุลาการ ต้องแยกจากกัน อย่านำมารวมกัน ทุกอย่างอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล ตามหลักกฎหมาย อย่าใช้อารมณ์ความรู้สึกมาตัดสิน
    ทางด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 68 คือ 1.ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้นศาลรัฐธรรมนูญสามารถวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้ ฉะนั้นเมื่อมีผู้ร้องว่าศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีหน้าที่ต้องพิจารณา ส่วนจะวินิจฉัยว่าอย่างไร ก็เป็นอำนาจของศาล การรับเรื่องจึงไม่ใช่การก้าวก่ายอำนาจนิติบัญญัติ แต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตาม รธน.ของแต่ละฝ่าย
    นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ ส.ส.เพื่อไทยจะไม่ยื่นคำชี้แจง ก็สามารถทำได้ ซึ่งก็เป็นการไม่ใช้สิทธิ์ที่ตนเองมีอยู่เท่านั้น แต่ที่สำคัญไม่ว่าฝ่ายใด ต้องไม่ใช้กำลังคุกคามฝ่ายอื่นเพื่อบังคับให้ได้ตามใจตน ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ส่วนการยื่นถอดถอนตุลาการสามารถทำได้ถ้าตุลาการทำผิด แต่ต้องไม่ใช่เพราะต้องการข่มขู่ให้ตุลาการมาทำตามใจฝ่ายตน
ปชป.ฉะ 3 แก๊งล้มศาล
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้มี 3 กลุ่มที่เคลื่อนไหวเพื่อลดทอนอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ 1.กลุ่ม ส.ส.เสียงข้างมากในสภา และ ส.ว.จำนวนหนึ่ง 2.กลุ่มคนเสื้อแดงที่ไปชุมนุมหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และ 3.นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ซึ่งเป็นองค์กรที่แต่งตั้งขึ้นโดยรัฐบาล จุดประสงค์ของ 3 กลุ่มต้องการทำลายการตรวจสอบถ่วงดุล ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเปรียบเสมือนเสือกระดาษ และขจัดศาลเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามในการใช้เสียงข้างมากลากไป
    เขากล่าวด้วยว่า การชุมนุมเสื้อแดงที่ยั่วยุให้จับตัวตุลาการเกินกรอบของกฎหมาย มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง รัฐบาลต้องแสดงออกว่า ไม่สนับสนุนการชุมนุมที่ไม่ถูกกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะถูกครหาว่าอยู่เบื้องหลัง ไม่ควรเอาเวลาไปสนับสนุนสิ่งที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้ ควรยุติก่อนที่จะปล่อยให้สถานการณ์บานปลายกลายเป็นความรุนแรงเพิ่มขึ้นในสังคม
    นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา ได้แสดงทัศนะทางwww.meechaithailand.com ว่า ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ มีอิสระในการพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ ทำนองเดียวกับฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภา ก็เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอิสระในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เรียกว่าหน้าที่ใครหน้าที่ของคนนั้น รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้วว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ก็จะผูกพันทุกองค์กร ที่จะต้องปฏิบัติตาม ถ้าองค์กรหนึ่งปฏิเสธอำนาจของอีกองค์กรหนึ่งได้ ต่อไปก็จะกระทบกันเป็นลูกโซ่ จนบ้านเมืองไม่มีขื่อแป
    “ลองคิดดูว่า ถ้าศาลไม่เห็นด้วยกับฝ่ายนิติบัญญัติ พอออกกฎหมายอะไรมาแล้วก็ไม่ยอมตัดสินคดีตามกฎหมายนั้น ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายใด ก็ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายนั้น ตำรวจไม่ยอมบังคับการตามกฎหมาย อัยการไม่ยอมฟ้องตามกฎหมาย พอศาลตัดสินคดีแล้ว กรมราชทัณฑ์ก็ไม่ยอมเอาตัวไปลงโทษตามคำตัดสิน หรือกรมบังคับคดีไม่ยอมบังคับคดีตามคำพิพากษา คนแพ้คดีแล้วไม่ยอม ยกพวกมาล้อมบ้านโจทก์หรือขู่เข็ญว่าจะทำร้ายโจทก์ ตำรวจเห็นก็เฉยเสีย แล้วบ้านเมืองจะเหลืออะไร” นายมีชัยระบุ
“ธาริต” รับลูก “เหวง”
    นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  (ดีเอสไอ) กล่าวกรณีศาลแพ่งได้มีคำตัดสินว่า การเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองนั้นไม่ใช่การก่อการร้าย และให้บริษัทประกันจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ทางห้างว่า เรื่องนี้ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้นำคำตัดสินของศาลแพ่งมายื่นต่อดีเอสไอเพื่อให้พิจารณาถอนฟ้องแกนนำ นปช.ในข้อหาก่อการร้ายแล้ว โดยทางดีเอสไอได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาในเรื่องนี้ ส่วนผลจะเป็นอย่างไร เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ไม่ขอก้าวล่วง
    ทั้งนี้ คาดว่าผลการพิจารณาน่าจะเสร็จภายในกลางเดือนหน้า แต่อำนาจในการถอนฟ้องนั้นเป็นของอัยการ และไม่แน่ใจว่าทางดีเอสไอจะสามารถทำความเห็นของคณะกรรมการฯ ส่งให้อัยการพิจารณาได้หรือไม่ คงต้องมีการหารือกันก่อน ในส่วน นพ.เหวง ก็ได้นำคำตัดสินของศาลแพ่งในกรณีดังกล่าวไปยื่นให้อัยการโดยตรงเพื่อพิจารณาควบคู่กันด้วย
    ขณะที่โหรวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ บอกว่า ขณะนี้ดวงประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ผ่อนคลายจากสิ่งไม่ดีในอดีตไปมาก แต่จะดีไปนานเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับคนไทยทุกคนที่จะช่วยกันดูแลทำให้ดีขึ้น ประคับประคองไปสู่สิ่งที่ดีๆ ตอนนี้บ้านเมืองปกติดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยเฉพาะผู้นำประเทศจะมีแน่นอนใน 1-2 ปีนี้ ซึ่งก็ขอให้ไม่มีเหตุการณ์ร้ายๆ เหมือนที่ผ่านมาเกิดขึ้นอีก ส่วนดวงของการเมืองจริงๆ นั้นตนยังไม่ได้ดู แต่ด้วยปัจจัยต่างๆ ถือว่ายังวางใจได้ ซึ่งสำคัญที่สุดอย่างที่ย้ำไปแล้วคือ พลังของคนไทยทุกคนที่จะทำให้บ้านเมืองอยู่ได้อย่างสันติ แต่ละภาคส่วนในสังคมต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี โดยไม่ก้าวก่ายแทรกแซงจนเป็นปัญหาก็จะช่วยได้มาก.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น