วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

แฉร่าง กม.นิรโทษฯ ฉบับเหลิม ปูพรมแดง “ทักษิณ” กลับไทย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 เมษายน 2556 08:04 น.

แฉร่าง กม.นิรโทษฯ ฉบับเหลิม ปูพรมแดง “ทักษิณ” กลับไทย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์29 เมษายน 2556 08:04 น.


ผ่าประเด็นร้อน 
       
       ประชันกันเดือดยกแรกไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา สำหรับการตั้งเวทีสองพรรคใหญ่ช่วงปิดสภา
       
       เวทีแรกของพรรคเพื่อไทยและเสื้อแดงที่ใช้ชื่อ “เวทีเพื่อไทย เพื่ออนาคตประเทศไทย” ณ สนามทุ่งศรีเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งก็มีแกนนำอย่าง จาตุรนต์ ฉายแสง-จตุพร พรหมพันธุ์-พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ขึ้นเวทีปราศรัย ส่วนฟากประชาธิปัตย์ก็เดินสายเวที “ผ่าความจริงฯ” อย่างต่อเนื่อง โดยวันเดียวกันก็ไปตั้งเวทีกันที่จังหวัดสระแก้ว
       
       การตั้งเวทีการเมืองปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงปิดสภา 3 เดือนเห็นได้ชัดว่า ต่างฝ่ายต่างก็ใช้เวลาปิดสภายาวถึง 1 สิงหาคม ซึ่งไม่นับรวมการเปิดประชุมสภาผู้แทนฯ วิสามัญ 29-31 พฤษภาคม ที่จะเป็นการประชุมสภาฯสมัยวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ให้เป็นประโยชน์
       
       หลังประเมินว่าเปิดสภาสมัยหน้า การเมืองในสภาคาดจะร้อนแรง เพราะมีวาระร้อนรอให้การเมืองสองขั้วฟาดฟันกันเต็มที่ โดยเฉพาะร่างกฎหมายพวกนิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมือง-ร่างกฎหมายปรองดอง-สมานฉันท์ทั้งหลาย ที่พวกเพื่อไทยยกขึ้นมาบังหน้า หวังช่วยเหลือ “ทักษิณ ชินวัตร” ให้พ้นผิดทุกคดีความ และได้ทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านบาทกลับคืน
       
       แต่อย่างไรก็ดี ขณะที่สภายังไม่เปิดก็ยังมีคิวสำคัญรอให้เพื่อไทย-เสื้อแดง ต้องวอร์มอัพความฟิตไว้แต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะการรอลุ้นคำวินิจฉัยคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าต้นเดือนพฤษภาคมนั้นกระบวนการคงเริ่มขยับกันตามครรลองกระบวนการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ
       
       ฝ่ายเพื่อไทยกับเสื้อแดงรวมถึงพวกพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.สายใกล้ชิดขั้วรัฐบาล เลย ต้องรีบแสดงอำนาจ “กฎหมู่” โดยมีรัฐบาลให้ท้ายให้แลเห็น ผ่านการกดดัน-ไล่ทุบทำลายเครดิตศาลรัฐธรรมนูญอย่างต่อเนื่อง
       
       คาดว่าคงทำกันยาวต่อเนื่อง โดยเฉพาะพวกม็อบแดงหลักสิบไม่เกินร้อยคน หน้าที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญที่ทำเขื่องไม่สิ้นสุด จนกว่าท่อน้ำเลี้ยงจะเริ่มสะดุด
       
       ระหว่างนี้เพื่อไทย-เสื้อแดงก็จับมือกันขย่มศาลรัฐธรรมนูญไปเรื่อยๆ ผ่านการตั้งเวทีปราศรัยทั่วประเทศ ที่วางงานกันออกมาแล้วว่าอย่างน้อยมีไม่ต่ำกว่า10 จุด เพื่อใช้เวทีปราศรัยดังกล่าวที่มีการถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์เสื้อแดง ชี้แจงเรื่องสำคัญ 3 เรื่องใหญ่ให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยคือ
       
       งบเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท-การแก้ไขรัฐธรรมนูญ-การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมือง ที่พอเสร็จจากอุดรธานีที่เปิดเป็นจุดแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายนที่ผ่านมาก็เคลื่อนไปหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
       
       คิวต่อเนื่องยาวเหยียดกันเลย เช่น 11 พฤษภาคม ที่ จ.นครราชสีมา - 12 พฤษภาคม ที่ จ.อุบลราชธานี, โซนภาคเหนือ ก็เริ่ม 1 มิถุนายน ที่ จ.เชียงราย, 2 มิถุนายน ที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 8 มิถุนายน ที่ จ.พิษณุโลก และภาคกลาง 9 มิถุนายน ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา, 15 มิถุนายน ที่ จ.ระยอง เป็นต้น
       
       แม้เป้าหมายของการตั้งเวทีดังกล่าวจะบอกมีจุดประสงค์หลักๆ คือ เรื่องเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท-การแก้ไขรัฐธรรมนูญ-การออกกฎหมายนิรโทษกรรม แต่ก็ไม่ต้องลืมว่า พรรคเพื่อไทยโดยเฉลิม อยู่บำรุง และพวก ส.ส.อีสานส่วนหนึ่งก็ประกาศว่าเปิดสภาสมัยหน้าจะเอาแน่กับการเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฉบับเฉลิม อยู่บำรุง หลังตั้งท่าอยู่นานปีกว่าๆ แต่ก็ยังไม่ทันได้ทำอะไร
       
       ตอนนี้ “ขี้ข้าเฉลิม” คงคิดได้แล้วว่า หากยังซื้อเวลาแบบนี้ไปเรื่อยๆ คงไม่เป็นผลดีกับตัวเองในพรรค เพราะ จะถูกมองว่าไม่กล้า ไร้ความจริงใจ ในการช่วยเหลือให้ทักษิณ ชินวัตรได้กลับบ้าน เพราะตอนนี้ก็มี ส.ส.หลายกลุ่มขยับกันไปแล้วแบบไม่ต้องคิดอะไรมากเหมือนเฉลิม และพอทำแล้วกลับได้รับแรงหนุนจากคนในพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะทักษิณเป็นอย่างดี
       
       ไม่ว่าจะเป็นร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับขจิต ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี ที่เตรียมเสนอเข้าสภาฯ สมัยหน้าซึ่งมีเนื้อหาหลักคือให้นิรโทษกรรมคดีการเมืองทุกเรื่องหลัง 19 กันยายน 49 โดยเจ้าตัวยอมรับเองกลางที่ประชุม ส.ส.เพื่อไทยในวันที่ทักษิณ ชินวัตรสไกป์มายังที่ประชุม ส.ส.พรรคเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านเมื่อไหร่ ทักษิณ กลับบ้านทันที
       
       หรืออย่างร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผู้ชุมนุมการเมืองฉบับวรชัย เหมมะ ส.ส.สมุทรปราการ ที่ก่อนหน้านี้ใครต่อใครบอกจะทำให้การเมืองเกิดความขัดแย้งหนัก สุดท้ายที่ประชุมสภาฯก็เห็นชอบให้เลื่อนขึ้นมาเป็นวาระแรกของระเบียบวาระการ พิจารณาร่าง พ.ร.บ. จ่อคิวรอพิจารณากันหลังสภาฯ 1 ส.ค.56
       
       ทั้งหลายทั้งปวงทำให้ เฉลิม อยู่เฉยไม่ได้แล้ว ขืนช้าจะตกขบวน เลยต้องรีบออกตัวจะเอาร่างกฎหมายปรองดองของตัวเองเข้าสภาเช่นกัน
       
       สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับเหลิมกลัวตกขบวนเอาใจทักษิณ มีด้วยกัน 6 มาตรา โดยเนื้อหาสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวนอกจากจะเป็นการออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้กับการชุมนุมทางการเมืองทุกอย่างตั้งแต่ปี 2549 ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมแบบไหนก็ตามก็ให้พ้นผิดหมด
       
       ตามตัวหนังสือในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวที่ระบุว่า หากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ ให้นิรโทษกรรมกับทั้ง ตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้กระทำหรือผู้ถูกใช้ให้กระทำในการชุมนุมทางการเมือง ให้ ไม่เป็นความผิดต่อไปแม้ว่าจะมีการตัดสินคดีกันไปแล้วก็ตาม
       
       แต่ที่ถูกวิจารณ์ว่าเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ดังกล่าวของ “เหลิม” ที่เอื้อประโยชน์ทักษิณเต็มๆ ก็คือ มาตรา 4 ที่ระบุว่า
       
       “บรรดาการกล่าวหาการกระทำความผิดบุคคลใดๆ ที่เกิดจากคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งได้ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 หรือจากคณะบุคคลซึ่งได้รับแต่งตั้งตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
       
       หรือเป็นการกล่าวหาจากหน่วยงานอื่นใด อันเป็นผลสืบเนื่องจากการดำเนินการของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
       
       ไม่ว่าเป็นการกล่าวหาในข้อหาใด ให้ถือว่าเป็นการกล่าวหาในความผิดทางการเมือง และให้การกล่าวหาการกระทำความผิดนั้นเป็นอันระงับไป โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เป็นผู้กระทำความผิด”
       
       แปลความง่ายๆ คดีความที่ทักษิณเจอทั้งคดีที่ศาลตัดสินไปแล้วอย่างคดีที่ดินรัชดาฯ ที่โดนตัดสินจำคุกสองปี ไม่รอลงอาญาหรือคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งล้วนเกิดจากการเอาผิดโดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่คลอดโดยคำสั่ง คมช. ดูตามร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแล้ว หากออกมาตามนี้ไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ
       
       กฎหมายประกาศใช้เมื่อไหร่ ทักษิณกลับไทยแบบเท่ๆ ได้เงินคืนหมด 4.6 หมื่นล้านบาท คดีความที่ค้างอยู่ทั้งหมดทั้งในชั้นศาล-อัยการ -ป.ป.ช. ที่มีหมายจับหลายต่อหลายคดี ก็ต้องระงับไปเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปโดยปริยาย
       
       ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของเฉลิม รวมถึงของคนอื่นๆ อย่างของขจิต ชัยนิคม ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน อันนี้แหละ ตัวเรียกแขกของจริง รับรองกลุ่มต้านพรึ่บหน้ารัฐสภาทันทีวันที่ร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของ สภาฯแน่นอน
       
       ด้วยเหตุนี้แหละ เฉลิมและพวกพรรคเพื่อไทยเลยต้องใช้ช่วงปิดสภาฯ 3 เดือน เดินสายปลุกมวลชนฝ่ายตัวเองเอาไว้แต่เนิ่นๆ ก่อนสภาฯ เปิด 1 สิงหาคม
       
       ตัวเหลิมเองนั้น แสดงท่าทีจะขอแยกเดี่ยวทำเรื่องนี้เองในนามส่วนตัว เช่น จะจับมือกับขวัญชัย ไพรพนา เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ 24 พ.ค.ที่ทุ่งศรีเมือง อุดรธานี เพื่อเช็คกระแสเอาทักษิณกลับบ้านผ่านร่างกฎหมายปรองดองของตนเอง
       
       ดูแล้วหากว่าทักษิณไฟเขียว แกนนำพรรคเพื่อไทยทุกสายเอาด้วย เอาร่างกฎหมายปรองดอง-นิรโทษกรรมของพวกเพื่อไทยที่แย่งกันเอาใจทักษิณเข้าสภา
       
       มันก็สุมไฟการเมืองกันชัดๆ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น