ไม่บ้าสงคราม บิ๊กตู่เน้นสันติ เมินเขมรซ้อม
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมระบุ กองทัพกัมพูชาซ้อมรบเป็นเรื่องปกติ วอนอย่าเดาไทยแพ้คดีพระวิหาร ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกลั่น ถ้ารบไม่กลัวใครอยู่แล้ว แต่อย่าบ้าสงคราม หันมามุ่งเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ-สังคมดีกว่า
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์บริเวณปราสาทพระวิหารที่มีการเคลื่อนไหวของทางฝั่งทหารกัมพูชาว่า บริเวณเขาพระวิหารที่มีการปฏิบัติการของทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องมีการพูดคุยกันทั้งคู่ ถ้ามีการถอนทหาร ก็ต้องถอนทั้ง 2 ฝ่าย ทหารก็เข้าใจกัน ส่วนคดีก็ว่ากันไป การปรับกำลังก็ว่ากันไป ส่วนกรณีที่ทางทหารกัมพูชามีการซ้อมรบนั้น เขาก็ฝึกในพื้นที่ของเขา อย่าไปหาเรื่อง เขาฝึกของเขา เราก็ฝึกของเรา อย่าไปมองในแง่ไม่ดี ก็ฝึกไปไม่ว่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลโลกตัดสินเป็นแง่ลบจะทำอย่างไร พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปเดา ถ้าเดาก็พูดกันไปเรื่อย ขอให้เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน อีกนานกว่าจะตัดสินคดี เมื่อถามว่าทาง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี จะชวนลงพื้นที่เขาพระวิหาร พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ทาง ร.ต.อ.เฉลิมชวนตนเมื่อวาน หากตนว่างก็จะลงไปกับท่าน
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กัมพูชาฝึกซ้อมรบก่อนที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) จะเปิดให้ไทยและกัมพูชาชี้แจงด้วยวาจากรณีเขาพระวิหารว่า เป็นการซ้อมรบที่เขาทำอยู่แล้ว ทางไทยก็มีการซ้อมเช่นกัน แต่ละประเทศมีการฝึกเป็นประจำ เป็นเรื่องของแต่ละประเทศ ตนอยากถามว่าทำไมต้องไปให้เครดิตเขาด้วย ขอให้เชื่อตน ขอให้มั่นใจในทหารของประเทศไทย แต่สื่อไปให้เครดิตคนอื่นแล้วมาจับผิดเราเอง
“ผมบอกแล้วว่า ถ้ารบ ไม่ต้องกลัวใครอยู่แล้ว แต่ถามว่าขณะนี้ถึงเวลาหรือยัง บ้าสงครามกันหรือยังไง ถามว่ารบแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ใช่ว่าเราไม่รบเพราะเรากลัว ขณะนี้ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ก็จบ และไปสู้กันในศาล”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า การรบกันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีทั้งสากล ยูเอ็น เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงปัจจัยเศรษฐกิจและสังคม และขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งภูมิภาคนี้ต้องไปต่อสู้กันในด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ วันนี้ทำอย่างไรจะได้เปรียบทางการค้า คนเข้ามาลงทุนและท่องเที่ยว เพราะนั่นเป็นรายได้หลักของประเทศ ไม่ใช่สงคราม ทั้งนี้ สงครามมีไว้เพื่อป้องกันประเทศไม่ให้เราเสียเปรียบ รวมถึงพิทักษ์ทรัพยากร
ทั้งนี้ ตนไม่กังวลที่มีบางคนมองว่าการแสดงความคิดเห็นของตนต่อสถานการณ์นั้นมีท่าทีอ่อนไป เพราะสิ่งที่พูดคือความคิดเห็นของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับใคร และเป็นการทำหน้าที่ตามแผนการป้องกันประเทศ ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา คนสั่งการคนแรกในการใช้กำลังคือ ผบ.ทบ. โดยมีการมอบหมายอำนาจหน้าที่ ให้แม่ทัพภาคที่ 2 ในบางกรณีที่ล้ำเส้นเขตแดนชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เราต้องมีการพูดคุยทำความเข้าใจก่อนใช้กำลัง ทุกวันนี้เป็นการรบเพื่อเจรจาทั้งนั้น แล้วมาจบด้วยการพูดคุย และต้องไม่ให้เราเสียเปรียบ หรือทำเกินกว่าเหตุจนขยายความรุนแรงมากขึ้นจนพูดจากันไม่รู้เรื่อง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น