วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

วิเคราะห์ข่าวการเมืองจาก ไทยโฟสต์ เมื่อ 4 เม.ย.56-1


‘เปรม’ปลุกปชช. แทนคุณแผ่นดิน หยุดยั้งคอรัปชั่น



พล.อ.เปรมเรียกร้องให้ประชาชนคนไทย ช่วยกันหยุดยั้งการคอรัปชั่น เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน   ระบุผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตได้ถูกความโลกชักนำให้แสดงหาความร่ำรวยโดยไม่รู้จักเพียงพอ 
    เมื่อวันพุธ ที่ห้องวอเตอร์เกทบอลรูม โรงแรมอมารีวอร์เตอร์เกท กรุงเทพมหานคร สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งเอเชีย (เอโอเอ) จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการและสัมมนาเชิงวิชาการในระดับนานาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 13 ปี ผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมทั้งกล่าวบรรยายพิเศษเรื่อง “ผู้ตรวจการแผ่นดิน ความเป็นธรรมที่จับต้องได้”  
    พล.อ.เปรมกล่าวตอนหนึ่งว่า เมื่อครั้งที่ตนได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในระหว่างปี 2523 ถึง 2531 ประเทศกำลังเผชิญปัญหา 3 ประการ ประกอบด้วย ความยากจน ยาเสพติด และการทุจริตในหน้าที่ แต่ปัญหาความยากจนกับยาเสพติดแม้จะเป็นเรื่องใหญ่ และรุนแรง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นภัยคุกคามต่อชาติเท่ากับการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ เป็นเรื่องของจรรยาบรรณ และคุณค่าของจริยธรรม ซึ่งใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างหรือนายจ้าง ล้วนถูกความโลภชักนำให้แสวงหาเงินทองเพื่อสร้างความร่ำรวยโดยไม่รู้จักเพียงพอ ไม่สนใจว่าการกระทำของตนจะผิดกฎหมายหรือไม่ คนกลุ่มนี้จะหลับตาให้กับจรรยาบรรณและจริยธรรม โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสองคำสะกดอย่างไรและเขียนอย่างไร มีแต่ความชั่วร้ายที่ฝังในความคิด
    “การทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ สร้างความเสื่อมเสียอันน่าอับอายยิ่งแก่ประเทศของเรา เป็นการกระทำความชั่วที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งเราล้วนมีหน้าที่ต้องกำจัดและต่อต้าน ท่านมีหน้าที่เป็นบุคลากรผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ต้องพยายามที่จะหยุดยั้งจนถึงที่สุด มิเช่นนั้นประชาชนของท่านจะไม่มีวันหลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ยาก ในการปฏิบัติหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์นี้ ท่านจะได้รับความร่วมมือจากประชาชนในทุกภาคส่วน ท่านต้องให้การศึกษาแก่ประชาชนเพื่อให้เห็นภาพว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใดหากเรานิ่งเฉยมองข้ามและไม่ไยดีต่อปัญหานี้ หากเราไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ปัญหาใหญ่นี้แล้วเราย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ไม่เคยตอบแทนพระคุณแผ่นดินแม่ และคนรุ่นหลังก็จะมองเราว่าเป็นคนเนรคุณ”
    พล.อ.เปรมกล่าวด้วยว่า ความยากจนคือโรคร้ายโดยธรรมชาติ ซึ่งสร้างความทุกข์ยากให้กับตนเองและครอบครัวต่างต้องดิ้นรนในการเลี้ยงชีพ แต่ก็มิใช่หมดหวัง หากเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิม ประชาชนไทยโชคดีที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงสละเวลา 24 ชั่วโมง แสวงหาแนวทางให้ประชาชนเป็นพลเมืองดี รู้จักรับใช้บ้านเมือง รู้จักต่อสู้กับความยากจน เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม พระองค์ทรงบรรลุหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่จะช่วยให้ประชาชนคนไทยมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมได้อย่างไร ด้วยการรู้จักหารายได้ และรู้จักใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีพ จึงกล่าวได้ว่าหลักแนวปรัชญาแนวใหม่ของพระองค์นำความหวังมาสู่ผู้ยากไร้ ซึ่งคนไทยทุกคนมีความโชคดีที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นพ่อหลวงของคนไทย.


นพดลพล่านโต้สื่อฮ่องกง โวสิบล้านศิโรราบทักษิณ


“ยิ่งลักษณ์” ต้องลุ้นระทึก เมื่อ ป.ป.ช.นัดพฤหัสฯ นี้ถกแจงบัญชีทรัพย์สินปล่อยเงินกู้ให้กับสามี 30 ล้านบาทเป็นเท็จหรือไม่ เผยหากมีมูลจะตั้งอนุกรรมการไต่สวนต่อไป ขณะที่นายกฯ ปูนำ “ยุคล-สมศักย์” เข้าถวายสัตย์ฯ ด้านที่ปรึกษากฎหมายแม้วโต้เดือดสื่อฮ่องกงหาคนฟังทักษิณน้อยลง อ้างมีเป็นสิบล้านที่ยังฟังนายใหญ่ ส่งผลให้เพื่อไทยชนะเลือกตั้ง
นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวเมื่อวันที่ 3 เมษายน ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาทให้บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ที่มีนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีถือหุ้นอยู่ ว่าขณะนี้การรวบรวมพยานหลักฐานการตรวจสอบการปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาทดังกล่าวถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว โดยได้มีการนำเสนอให้นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.ทราบแล้ว ขณะเดียวกัน ในการประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่วันที่ 4 เมษายน ทางสำนักงานเลขาธิการ ป.ป.ช.ก็จะนำผลการรวบรวมพยานหลักฐานหลังจากเจ้าหน้าที่ได้ทำการรวบรวมเสร็จสิ้นแล้ว เสนอเข้าเป็นวาระให้ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา
รายงานข่าวจาก ป.ป.ช.แจ้งว่า สำหรับการประชุมในวันที่ 4 เมษายนนั้น กรรมการ ป.ป.ช.จะเข้าประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง ไม่มีใครติดภารกิจ คาดว่าจะมีการพิจารณาในวาระดังกล่าวทันที เนื่องจากวาระในการประชุมครั้งนี้ค่อนข้างมีน้อย ต่างจากการประชุมในวันอังคาร ที่จะมีวาระการพิจารณามาก โดยเจ้าหน้าที่จะนำเสนอพร้อมกับนำเอกสารประกอบมาแสดง หากที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่ามีมูล ก็จะตั้งอนุกรรมการไต่สวนต่อไป แต่หากไม่มีมูล ก็จะยุติการตรวจสอบลงทันที
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกันนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 
ได้นำรัฐมนตรีซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ ประกอบด้วย นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ 
ทางด้าน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงกรณี บทความของนายฟิลิป คันนิงแฮม ในหนังสือพิมพ์เซาธ์ ไซน่ามอร์นิงโพสต์ โจมตี พ.ต.ท.ทักษิณเรื่อง “ทักษิณพูด แต่มีใครที่ฟังบ้าง” ว่า บทความนี้น่าเสียดายที่มีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและมีอคติ และไม่เสนอความเห็นอย่างครบถ้วน ทั้งๆ ที่นายคันนิงแฮมอ้างตัวเองเป็นนักวิจัยด้านสื่อสารมวลชน น่าจะมีข้อมูลที่ถูกต้องกว่านี้ 
ทั้งนี้ ตนได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายคันนิงแฮม และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว โดยตอบคำถามที่เป็นชื่อของบทความสั้นๆ ว่า คนไทยหลายสิบล้านยังฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ และผลการเลือกตั้งในปี 2554 พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้เสียงข้างมากเด็ดขาด ก็เป็นเพราะนโยบายที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนคิด ประชาชนฟังนโยบายและสนับสนุนพรรคเพื่อไทยจึงเลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี 
นอกจากนั้น บทความยังบอกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะมีปัญหาเรื่องการชี้แจงทรัพย์สิน จึงมีการเตรียมให้นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ มาเป็นนายกฯ สำรอง ก็ไม่เป็นความจริงเลย เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ชี้แจงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินครบถ้วน และสาเหตุที่นางเยาวภาลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อรับใช้บ้านเกิด เพราะเคยเป็น ส.ส.ที่นั่น ก่อนถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้งอย่างไม่เป็นธรรมเมื่อครั้งยุบพรรคไทยรักไทยหลังการรัฐประหารยึดอำนาจ ดังนั้นจึงไม่มีการชักใยหรือการเตรียมการเปลี่ยนแปลงผู้นำใดๆ ตามที่บทความกล่าวหาอย่างผิดๆ 
“ที่แปลกใจก็คือ เมื่อไม่นาน นสพ.นิวยอร์กไทมส์บอกว่าประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี 2 คน โดยนายกฯ ตัวจริงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่วันนี้บทความของนายคันนิงแฮมกลับบอกว่าตอนนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นอิสระจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และ พ.ต.ท.ทักษิณพูดมีคนฟังน้อยลง ซึ่งคนเขียนสองบทความนี้คงจะรู้จักประเทศไทยน้อยเกินไป และมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ความจริงก็คือนายกรัฐมนตรีไทยคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นพี่ชายก็สนับสนุนและให้กำลังใจการทำงานแก่น้องสาว และแก่พรรคเพื่อไทยมาอย่างต่อเนื่อง”
นายนพดลกล่าวด้วยว่า ตนได้เขียนในจดหมายเปิดผนึกต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นที่รักและนับถือของคนเป็นจำนวนหลายล้านในประเทศไทย และปัจจุบันยังได้รับเชิญให้ไปบรรยายและปาฐกถาในเวทีสำคัญทั่วโลกอยู่ตลอดเวลา และได้รับเชิญจากนายกฯ และประธานาธิบดีหลายประเทศทั่วโลกให้ไปพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะฉะนั้น ขณะนี้เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณพูด จึงมีคนจำนวนมากฟัง นี่คือคำตอบที่นายฟิลิปควรจะทราบ และนายฟิลิปเป็นขาประจำที่เขียนบทความโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณมาหลายครั้ง แต่น่าเสียดายที่บทความเต็มไปด้วยความจริงครึ่งเดียวและอคติ
    ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณได้เปิดใช้บัญชีเฟซบุ๊กในชื่อ Thaksin Shinawatra โดยถือฤกษ์ 3/4/56 ระบุว่า “จะเป็นวันดีที่ตัวเลขต่อเนื่อง กับเพื่อความก้าวหน้าของชีวิตของผู้สนับสนุนทุกท่าน ได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ วันนี้”
    พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า ต้องการจะแชร์ความรู้กับทุกท่าน เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ความรู้ต่างๆ ที่ได้รับจากการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ใช้เป็นช่องทางพูดคุยกับคนไทยให้มากที่สุด อย่างสร้างสรรค์แบบไม่มีการเมือง.


8โจรอุ้มฆ่าล้างแค้นนาวิก ‘สุกำพล’ลั่นแรงมาแรงไป


พบศพพลทหารนาวิกโยธินถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมที่บาเจาะ หลังถูกจับมัดมือ 2 ข้างนำขึ้นรถไปจ่อหัวยิงทิ้ง เชื่อกลุ่มคนร้าย 16 ศพที่ถูกวิสามัญขณะบุกโจมตีฐานนาวิกฯ แก้แค้น "สุกำพล" ลั่นต้องเอาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ แรงมาแรงไป เลขาฯ สมช.ปัดตบหน้ารัฐบาลยันเดินหน้าเจรจาบีอาร์เอ็นต่อ "ปู" ไม่รู้พวกไม่เห็นด้วยก่อเหตุ โบ้ยแค่พูดคุยยังไม่ถึงขั้นเจรจา 
         เจ้าหน้าที่พบศพทหารนาวิกโยธินที่ถูกอุ้มแล้วหลังถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม โดยเมื่อเวลา 23.30 น. คืนวันที่ 2 เม.ย. พ.ต.ต.ทิวา วรรณโกษิตย์ สว.เวร สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งพบศพคนถูกยิงตายบนถนนในหมู่บ้านกอตอ ม.6 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารฝ่ายปกครองไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
    พบศพผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่บนถนน ทราบชื่อคือ พลทหารมะอีลา โตะลู อายุ 24 ปี สังกัดกองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ ซึ่งถูกคนร้ายจำนวน 8 คน แต่งกายเลียนแบบทหารใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 บุกจี้ตัวจากบ้านพักเลขที่ 88/3 ม.3 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะลาพักราชการไปอาศัยอยู่ที่บ้านของภรรยา
    จากการตรวจสอบพบร่องรอยถูกกระสุนปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. ยิงที่บริเวณศีรษะและขมับ รวม 2 นัด จากนั้นได้นำศพมาส่งที่โรงพยาบาลบาเจาะ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพ ก่อนที่ น.ส.ดารีซะ ซอพี อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นภรรยามารับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด จ.ปัตตานี โดยทาง น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผบ.ฉก.นย. ได้นำธงชาติมาคลุมศพอย่างสมเกียรติ
    น.อ.สมเกียรติกล่าวว่า พลทหารมะอีลาเป็นคนดีมีระเบียบวินัย หลังพ้นจากการรับใช้ชาติเป็นเวลา 2 ปี พลทหารมะอีลาได้ขอสมัครต่อเพื่อรับใช้ประเทศชาติ แต่มาถูกคนร้ายบุกจี้ออกจากบ้านพักแล้วนำมาสังหารโหดอย่างทารุณ เชื่อว่าคนร้ายกลุ่มนี้น่าจะมีส่วนในการบุกโจมตีฐานปฏิบัติการกองร้อยปืนเล็กที่ 2 เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อแก้แค้นให้กับแกนนำและสมาชิกที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิต 16 ศพ ซึ่งทางกองทัพเรือจะให้การช่วยเหลือครอบครัวอย่างเต็มที่
    ต่อมาช่วงเช้า วันที่ 3 เม.ย. พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พร้อมชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด และกองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร่วมเดินทางไปตรวจสอบจุดพบศพพลทหารมะอีลา โดยเจ้าหน้าที่พบหลักฐานชิ้นสำคัญในที่เกิดขึ้น ซึ่งอยู่ริมถนนในหมู่บ้านกอตอ ม.6 ต.ปะลุกาสาเมาะ คือ สายเคเบิลไทน์พลาสติกสีขาว หรือสายรัดสายไฟฟ้าที่คนร้ายใช้พันธนาการมือทั้ง 2 ข้างของพลทหารมะอีลาตกอยู่ข้างกองเลือดในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับนำตัวพลทหารมะอีลาขึ้นท้ายรถยนต์กระบะแล้วมายิงทิ้ง ซึ่งไม่มีร่องรอยการขัดขืนและต่อสู้ โดยเฉพาะสายเคเบิลไทน์พลาสติกที่ขาว หรือสายรัดสายไฟฟ้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบในกลุ่มคนร้ายทั้ง 16 ศพ ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิต ขณะบุกถล่มฐานกองร้อยปืนเล็กที่ 2 บ้านยือลอ ม.3 ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา
    พ.ต.อ.กฤษฎาเปิดเผยว่า สายเคเบิลไทน์ที่ตรวจพบในจุดเกิดเหตุเชื่อว่าคนร้ายกลุ่มที่บุกใช้อาวุธปืนจี้พลทหารมะอีลาจากบ้านพักในพื้นที่ อ.รือเสาะ น่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกับที่บุกถล่มฐานอย่างแน่นอน
    ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวว่า รู้สึกเสียใจและจะไม่ยอมให้ทำอย่างนี้ ต้องเอาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ ตนไม่ยอม ใครที่คิดไม่ดีตนก็ไม่ดีด้วย เรื่องนี้ไม่ต้องกำชับกำลังพล เพราะเขาฉลาดพอ วันนี้ต้องเข้าใจว่าการเจรจากับการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความสงบสุขในภาคใต้ต้องเดินไปเป็นคู่ขนาน ทั้งนี้ การเจรจาอย่างน้อยผู้ก่อความไม่สงบก็เข้ามาคุยกับเรา ส่วนที่ไม่ยอมก็ว่ากันไป ซึ่งพวกที่มีปัญหามีแค่บริเวณเทือกเขาพูโด ทางเรากำลังดำเนินการอยู่  
    "ถ้าพวกนี้มาเล่นกับลูกน้องผมอย่างนี้ต้องเอาตัวมาให้ได้ และผมได้บอกกับแม่ทัพภาคที่ 4 ไปแล้วต้องเอาตัวมาให้ได้ ถ้าอย่างนี้แล้วแรงมาก็ต้องแรงไป เฉพาะคนที่ไม่ดี ส่วนคนดีก็เชิญเข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยด้วยกัน" พล.อ.สุกำพลกล่าว
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ ส่วนที่เป็นห่วงว่าอนาคตอาจเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีกนั้น ต้องหามาตรการในการป้องกันตนเอง ตนได้สั่งการว่าหากยังไม่ชัดเจน กำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่ส่วนไหนที่มีอันตรายก็ยังไม่ให้กำลังพลรีบกลับบ้าน โดยให้ไปหาที่พักที่ปลอดภัยก่อนจนกว่าสถานการณ์จะเรียบร้อย เราจะต้องดูแลอย่างเต็มที่ และให้กำลังใจ ให้ความเป็นห่วง และกำชับกำลังพลเวลาเดินทางกลับไปพักที่บ้าน ส่วนปัญหาที่ผู้ก่อความไม่สงบแต่งกายเลียนแบบทหารนั้น เป็นปัญหาเดิมที่ต้องพยายามแก้ไขกัน
    เมื่อถามว่า อนาคตจะมีการจับตัวทหารไปเป็นตัวประกันและนำไปสังหารอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มี แต่หากสื่อถามมากอาจจะมีก็ได้ อย่าไปถามชี้ช่อง ผู้ก่อการร้ายไม่ได้จับได้ทุกที่ ตรงไหนที่เปลี่ยวและไม่มีเจ้าหน้าที่ เขาจะทำได้มากขึ้น ปัญหาอยู่ที่ว่าทำอย่างไรจะควบคุมพื้นที่ได้มากขึ้น ดังนั้นทหารต้องหลุดออกมาจากภารกิจเชิงรับให้มากขึ้น ต้องมีการหารือกับตำรวจว่าจะทำอย่างไรเราจะได้วางกำลังแบบยุทธวิธีทางทหารให้มากขึ้น ซึ่งจะต้องมีการปิดล้อมเมือง โดยต่างประเทศทำอย่างนี้เหมือนกันหมด จะมีการปิดกั้นเส้นทางห้ามเข้า-ออก แต่ประเทศไทยทำไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ ทหารที่กลับบ้านระหว่างการไปพักนั้นต้องดูแลตนเอง เพราะไม่สามารถส่งทหารไปช่วยดูแลได้ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลเพียงพอ
    พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่งเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของพลทหารที่เสียชีวิต และตนเตรียมลงพื้นที่พบกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย ขอให้ติดตามผลการสอบสวนการเสียชีวิต อย่าเพิ่งคาดเดากันไปก่อน ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่มีความระมัดระวังและเข้มงวดในการปฏิบัติงานมากขึ้น
    ส่วน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ไม่ได้เป็นการตบหน้ารัฐบาล แต่ความแตกต่างทางความคิดยังมีอยู่ เพราะการเจรจาเพิ่งจะเริ่มต้นครั้งแรก ต้องพัฒนาการจนมีความเชื่อมั่น พัฒนาไปสู่ความเข้าใจสุดท้ายจะแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีได้ ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นนั้นมีปัจจัยหลายอย่างคือ เกิดจากกระบวนการของบีอาร์เอ็น รวมทั้งเกิดจากความเห็นต่าง และการแทรกซ้อนต่างๆ เช่น กลุ่มยาเสพติดและค้าของเถื่อน ทั้งนี้ ต้องรอจังหวะการนำกลุ่มอื่นเข้าสู่การเจรจา แต่คงอีกไม่นาน เพราะการเริ่มต้นกลุ่มบีอาร์เอ็นเป็นเจ้าภาพดึงกลุ่มต่างๆ เข้ามาเจรจา ซึ่งแม้จะมีการอุ้มฆ่าพลทหารมะอีลา ก็จะยังเดินหน้าการเจรจาต่อไป เพราะได้รับการยอมรับจากประชาชนทั้งในและนอกประเทศ   
    เมื่อถามว่า มีความไว้วางใจว่าผู้นำกลุ่มบีอาร์เอ็นจะควบคุมเหตุความรุนแรงให้ลดน้อยลงได้หรือไม่ พล.ท.ภราดรตอบว่า ไว้ใจได้ แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ส่วนเหตุการณ์สังหารนาวิกโยธินที่เกิดขึ้นจะประสานกับกลุ่มบีอาร์เอ็นหรือไม่ว่าเป็นกลุ่มใด พล.ท.ภราดรตอบว่า จากการพูดคุยกลุ่มบีอาร์เอ็นจะสะท้อนออกมาว่าเป็นกลุ่มใด จนนำไปสู่การรู้ว่าใครเป็นคนก่อเหตุ ซึ่งการเจรจาในครั้งต่อไปวันที่ 28 เม.ย.นี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำชับว่าต้องนำรายละเอียดการพูดคุยรายงานต่อ ศปก.กปต. และให้ลดจำนวนคนที่จะไปเจรจาจาก 15 คน เหลือเพียง 9 คน
    ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะจะมีการทบทวนการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นหลังจากเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องหรือไม่ ว่า วันนี้กระบวนการที่ สมช.ไปพบแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น เรียกว่าเป็นการพูดคุยอยู่ ยังไม่เข้าขั้นการเจรจา ดังนั้นในส่วนของการดูแลความไม่สงบต้องทำต่อไป เพราะเรายังไม่ถึงขั้นตอนนั้น วันนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่เรียกว่าสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ เหมือนกับต่างคนต่างอยู่ในลักษณะของการที่ไม่เข้าใจกันมาเป็นเวลานาน ถ้าเรามีการพัฒนาระดับความไว้เนื้อเชื่อใจมากขึ้น เราจะก้าวไปสู่การเจรจา
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 29 เม.ย. ที่ สมช.จะไปพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มบีอาร์เอ็นรอบ 2 จะให้นโยบายอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตามหลักจะเป็นหน้าที่ของ สมช.ที่จะหารือภายใต้กรอบ เพราะผู้ที่เป็นตัวแทนไปพูดคุยจะต้องทำตามภายใต้กรอบกฎหมาย และภายใต้กรอบนโยบายของ สมช.
    เมื่อถามว่า แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เป็นผลมาจากคนที่ไม่เห็นด้วยกับการพูดคุยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่แน่ใจ ไม่ได้ระบุไปแบบนั้น เพราะเรายังไม่ได้เริ่มเจรจา แค่ไปรับฟังอยู่เลย ไม่อยากขอให้ด่วนสรุปเป็นประเด็นอย่างนั้นเลย เพราะมีทั้งคนที่อยากเห็นความสงบอยู่ วันนี้ต้องร่วมกันทำงานลงพื้นที่ให้แน่นขึ้น 
    ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายราจิบ นาซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเชีย ประกาศยุบสภาฯ ว่า จะไม่มีผลเกี่ยวกับการเจรจากลุ่มบีอาร์เอ็น เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ทั้งนี้ ยังเร็วไปที่จะมีการประเมินสถานการณ์หลังการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีการเจรจา ยืนยันว่ามาถูกทางแล้ว.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น