วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

จับทาง “ภูมิใจไทย-ซิโนไทย” ตาอยู่รองาบงบ 2 ล้านล้าน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2556 07:58 น

จับทาง “ภูมิใจไทย-ซิโนไทย” ตาอยู่รองาบงบ 2 ล้านล้าน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์2 เมษายน 2556 07:58 น


รายงานการเมือง
       
       ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับยกแรกของศึก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เมื่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการในวาระที่หนึ่ง ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 284 เสียง ไม่เห็นชอบ 152 เสียง งดออกเสียง 21 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 7 เสียง จากผู้แสดงตนร่วมประชุมทั้งสิ้น 464 คน
       
       และต้องถือว่าผ่านไปแบบสบายๆ ไม่ได้มีเหตุวุ่นวายอย่างที่คาดการณ์กันไว้ เพราะก่อนเปิดศึกห้ำหั่นกันในสภาฯ “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” ต่างสาดน้ำลายใส่กันอย่างหนัก แสดงให้เห็นถึงเดิมพันอันสูงลิบของศึกครั้งนี้
       
       สังเกตได้ว่า พรรคเพื่อไทยก็พยายามงัดมุกรีแบรนด์ดิ้ง “พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท” เป็น “พ.ร.บ.ไทยแลนด์ 2020” สร้างจุดขายใหม่ เพื่อลดโทนกระแสที่ถูกฝ่ายค้านโจมตี เรื่องการกู้เงินแล้วเป็นหนี้ถึง 50 ปี อีกทั้งหลีกเลี่ยงการคำว่า “เงินกู้” ที่แสลงหู แถมเอามาด่าฝ่ายตรงข้ามอย่างมันปากเมื่อไม่กี่ปีก่อน
       
       ถือเป็นเกมที่เซียนการตลาดระดับ “ทักษิณ ชินวัตร” ถนัดและใช้ให้เห็นกันบ่อยๆ แต่พักหลังเริ่มไม่ได้ผล เพราะประชาชนรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว
       
       ฝั่งพรรคประชาธิปัตย์เล่นแร่แปรธาตุเปลี่ยนเกมเล่นใหม่ จากเดิมที่มักจะยื่นให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ตีความกฎหมายสำคัญๆก่อนที่จะมีการพิจารณาในสภา มาครั้งนี้ขอดักรอจังหวะสองหวังให้ความผิดเกิดขึ้นก่อนที่จะยื่นตีความ
       
       เพื่อจะได้มีผลสั่นสะเทือนเขย่า “รัฐบาล” มากกว่าครั้งก่อน
       
       งานนี้ “มาร์ค-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ผู้นำฝ่ายค้านออกมาเปิดหน้าเล่น กำหนดทิศทางของฝ่ายค้านด้วยตัวเอง หวังเก็บ “ส้มหล่น” หากเกิดอุบัติเหตุกับ “รัฐบาล” อีกครั้ง ซึ่งต้องรอติดตามกันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีทีเด็ดขนาดไหน ที่จะยื่นให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ตีความ หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทในวาระที่ 1
       
       ในขณะที่คู่ต่อสู้กำลังขึ้นชก ในจังหวะที่มวยกำลังแลกหมัดกันมันหยด แต่กลับมี “ตาอยู่” ที่รอโอกาสชิงจังหวะหาผลประโยชน์ออกมาปรากฏตัวให้เห็นในที่แจ้ง
       
       แม้ฉากหน้า “พรรคภูมิใจไทย” โดยเฉพาะ “บุญจง วงศ์ไตรรัตน์” รองหัวหน้าพรรค จะออกโรงถล่มร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลชนิดไม่ไว้หน้า แถมโชว์ฟอร์มอภิปรายในสภาฯมันหยดติ๊งแบบถูกใจแม่ยก
       
       หลังจากที่ผุดวาทกรรม “กู้เพื่อพี่ หนี้เพื่อประชาชน” ยึดพื้นที่ข่าวหน้าหนึ่งไปหลายฉบับ
       
       แต่น่าแปลกที่ “ศุภชัย ใจสมุทร” โฆษกพรรค ที่มักกัดจิกรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่บ่อยๆ แต่รอบนี้กลับรีบออกมาเบี่ยงกระแสกลับหันหลัง 360 องศา ยืนยัน “ภูมิใจไทย” พร้อมสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท
       
       เกมตบหัวแล้วลูบหลังของ “ภูมิใจไทย” ถูกมองกันว่าเป็นแค่การปั่นราคาตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อเอาไป “โก่งค่าตัว” ให้สูงขึ้นกว่าความจำเป็นเท่านั้น
       
       ตอกย้ำภาพเล่นสองหน้าให้เห็นกันชัดขึ้น เมื่อ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งปกติไม่ถูกโฉลกกับ “พลพรรคสีน้ำเงิน” อยู่แล้ว ออกมาแฉชนิดไม่ไว้หน้าเหมือนกัน
       
       เมื่อมี “ลูกหาบ” คาบข่าวล่ามาไวแจ้งตรงมายัง “แกนนำคนเสื้อแดง” ว่าพบเห็นคนหน้าละม้าย “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยคนปัจจุบัน มาดักรอพบ “นายใหญ่” ที่เกาะฮ่องกง เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน
       
       พร้อมสร้างวาทกรรมเช็กบิลกลับว่า “ประจบพี่ โจมตีน้อง” ดิสเครดิตกันเห็นๆ
       
       ว่ากันว่าการเดินทางไปพบ “ทักษิณ” ของ “เสี่ยหนู” เพื่อเป็นการพูดคุยสานสัมพันธ์เก่าที่ยังพอต่อกันติดได้อยู่บ้าง ผิดกับอดีตคู่หู “เนวิน ชิดชอบ” ที่ไม่มีวันได้คืนดีกับ “ทักษิณ” เป็นแน่
       
       และเป็นที่รู้กันว่า “เสี่ยหนู” มักจะอวดอ้างตัวว่าสนิทสนมกับ “บุคคลระดับสูง” ซึ่งไม่ว่าจะจริงหรือไม่สนิทสนมมากเพียงใดไม่มีใครรู้ได้ แต่ “ทักษิณ” ต้องการเก็บ “เสี่ยหนู” เอาไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในการ “เช็กข่าวระดับสูง” เพื่อใช้กำหนดเกมการเมืองต่อไป
       
       ส่วนเหตุผลหลักของการพบกันระหว่าง “ทักษิณ-เสี่ยหนู” ครั้งนี้ ไม่ใช่การขอเข้าร่วมรัฐบาล ไม่ใช่การต่อรองเก้าอี้ “รัฐมนตรี” เพราะ “เสี่ยหนู” รู้สถานะทางการเมืองดีว่ารัฐบาลเพื่อไทยไม่ต้องการคะแนนเสียงเพิ่ม และรู้ดีว่าพลพรรคเพื่อไทยกัดกันพรรคภูมิใจไทยขนาดไหน
       
       แต่คนอย่าง “เสี่ยหนู” ผ่านร้อนผ่านหนาวจับธุรกิจระดับแสนล้าน ก็รู้ดีกว่าหากจะกำหนดโพซิชั่นทาง “ธุรกิจ” ในเวลานี้ควรทำอย่างไร ลึกๆ ว่ากันว่า “เสี่ยหนู” ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการก่อสร้างต่างๆ ที่จะมีขึ้นอย่างมหาศาล หากร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ผ่านการพิจารณาของ “รัฐสภา”
       
       ต้องยอมรับว่าในประเทศมีไม่กี่บริษัทที่จะมีเสถียรภาพพอที่จะเข้าไปดำเนินการก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีบริษัท “ซิโน-ไทย” ของตระกูล “ชาญวีรกูล” รวมอยู่ด้วย โครงการใหญ่ๆของรัฐบาลในทุกยุคทุกสมัยก็มักมีชื่อ “ซิโน-ไทย” เข้าไปร่วมแบ่งเค้กด้วย ทั้งการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ยิ่งมองผ่านการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ที่เพิ่งเปิดซองไปไม่นาน ก็ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์อันหนาแน่นยิ่งขึ้น เพราะหากเพาเวอร์ไม่สูงจริง คงไม่ได้โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาหลังใหม่ไปครอบครอง
       
       เกมนี้ “เสี่ยหนู” อ่านเกมไกลมองขาดว่ายังไงเสียรัฐบาลก็ได้เช็คเปล่า 2 ล้านล้านบาทมาถลุงอย่างแน่นอน ชั่วโมงนี้สู้วิ่งเข้าหา “ศูนย์กลางอำนาจ” ของโครงการก่อสร้างกันล่วงหน้าเลยจะดีกว่า
       
       ยิ่งเปิดดีลเร็วเท่าไร ยิ่งซื้อใจ ยิ่งสัญญาใจกันได้มากเท่านั้น ที่สำคัญสามารถเกลี่ย “ค่าหัวคิว” เฉือนงบประมาณกันล่วงหน้าได้อย่างสบายอุรา
       
       จากนี้ “ภูมิใจไทย” ก็แค่ประคองตัวด้วยการให้ ส.ส.ลูกพรรคร่วมโหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทในทุกวาระเป็น “มัดจำ” ให้ “นายใหญ่” เห็นถึงความจริงใจ ไม่ให้พรรคพวกต้องระแวงอีก ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากอะไร
       
       ปัจจัยชี้วัดในวันนี้จึงไม่ได้อยู่ที่ว่าจะได้เข้าร่วม “รัฐนาวา” หรือไม่ หากแต่เป็นการได้เข้าไปเอี่ยวแบ่งเค้กใน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ผ่านโครงการต่างๆมากกว่า
       
       เป็น “ทุน” ที่จะมาชุบเลี้ยงให้ “ภูมิใจไทย” มีลมหายใจต่อไป ส่วนเรื่องอื่นแล้วแต่บุญพาวาสนาส่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น