วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

ผลงานที่คนไทยต้องจดจำ 1 ปี 7 เดือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2556 07:35 น.

ผลงานที่คนไทยต้องจดจำ 1 ปี 7 เดือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์2 เมษายน 2556 07:35 น.


สะเก็ดไฟ 
       
       ใครที่เคยนินทาว่าร้าย “ท่านนายกฯ ปู” ว่าไร้ผลงาน คงต้องหันกลับมามองผู้หญิงคนนี้อย่างพินิจพิเคราะห์ใหม่
       
       เพราะเธอกำลังสร้างผลงานครั้งมโหฬารชนิดที่เรียกว่า ประวัติศาสตร์ชาติไทยต้องจารึกว่า “ไม่เคยมีใครทำได้เท่ากับ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่พูดนี่ไม่ได้เลีย เพราะไม่คิดอยากจะเป็นหนึ่งในแก๊งโฟร์ซีซั่นส์ที่เข้าไปอหังการ์อยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า จนทำให้คุณหนูคนเล็กแห่งตระกูลชินกล้าดื้อแพ่งกับพี่ชายในหลายเรื่อง กระทั่งล่าสุดต้องส่งการ์ดชุดใหม่ที่ไว้วางใจได้มาคุมน้องสาว เพื่อให้รายงานพฤติกรรม 
        
       ผลงานที่บอกว่า ยิ่งลักษณ์ทำได้ในขณะที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และมันคือผลงานที่คนไทยต้องจดจำมีดังนี้
       
       1.) สามารถทำให้ประเทศชาติเจ๊งจากโครงการจำนำข้าวเพียงโครงการเดียวมากที่สุดในประวัติการณ์ เพราะเพียงแค่ 1 ปี 7 เดือน รัฐบาลที่มียิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ทุบสถิติใช้เงินในโครงการนี้ไปแล้วกว่า 5 แสนล้านบาท ขาดทุนปีละกว่า 2 แสนล้านบาท แต่ถึงมือชาวนาแค่แสนล้าน อีกครึ่งหนึ่งกลายเป็นแป้งใช้ปั้นซาลาเปาไส้หมูแดง
       
       2.) ทำให้เกษตรกรรู้ว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร จากเดิมที่เคยสัญญาหน้าฝนไว้ว่าจะจำนำข้าวทุกเมล็ดแม้กระทั่งข้าวนั้นจะเป็นข้าวคุณภาพต่ำแต่จะได้ราคา 15,000 บาทต่อตันเท่ากัน กระทั่งถังแตกหมดเงินทำโครงการ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ก็ออกหลักเกณฑ์ห้ามไม่ให้ข้าวคุณภาพต่ำที่มีอายุน้อยกว่า 100 วันเข้าโครงการรับจำนำข้าว ทำให้ข้าว 18 สายพันธุ์ที่ชาวนาทำการเพาะปลูกไปแล้วต้องฝันค้าง หมดสิทธิเข้าโครงการรัฐบาล จึงถือว่าเป็นรัฐบาลที่มีความกล้าหาญในการหักหลังชาวนาอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน
       
       3.) ทำให้เกิดไฟไหม้โรงสีโครงการรับจำนำข้าวอย่างปริศนาเกือบ 10 แห่งในรอบปีเศษ
       
       4.) ไอเดียบรรเจิดคิดจัดทำโซนนิ่งข้าว ซื้อข้าวจากเขมรมาแปรรูปเพื่อส่งออก ในขณะที่ข้าวไทยยังล้นสต๊อคอยู่ถึง 17 ล้านตัน ขายไม่ออกเพราะราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่ง จนเสียแชมป์ส่งออกข้าวให้กับอินเดีย และ เวียดนาม
       
       5.) ทำให้ประชาชนตื่นตัวตอบรับกับโครงการรถคันแรกเกินคาด จากที่ประมาณการใช้งบประมาณคืนภาษีที่ 3 หมื่นล้านบาท ขยายเป็น 9 หมื่นล้านบาท เรียกว่ารัฐบาลประเมินพลาดไปถึง 6 หมื่นล้านบาท แถมยังเป็นรัฐบาลชุดแรกที่ไม่มีปัญญาหาเงินมาคืนภาษีให้กับประชาชนตามนโยบายของตัวเอง จนต้องล้วงเงินคงคลังมาจ่ายแทน โดยล่าสุดเตรียมที่จะเบียดบังเงินเก็บของชาติถึง 3 หมื่นล้านบาท
       
       6.) กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ดอกเบี้ย 3.16 ล้านบาท สร้างหนี้ให้ประชาชน 5.16 ล้านล้านบาท ใช้หนี้ยาว 50 ปี
       
        7.) การกู้หนี้ดังกล่าวทำให้คนไทยเป็นหนี้เพิ่มต่อหัวกว่า 8 หมื่นบาท รวมกับหนี้ปัจจุบันเท่ากับคนไทยจะเป็นหนี้ราว 1.5 แสนบาทต่อคน
       
       8.) กู้เงิน 2 ล้านล้าน สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย มากกว่ายุคไอเอ็มเอฟ 4 เท่า สูงกว่ายุคอภิสิทธิ์ 6 เท่า แต่โครงการกลับไม่มีความพร้อมที่จะดำเนินการ
       
       9.) ฉีกกรอบวินัยการเงินการคลัง ด้วยการกู้เงินนอกงบประมาณ ไม่ปฏิบัติตามวิธีการงบประมาณปกติ ทำให้เป็นรัฐบาลแรกที่กำลังจะมีเงินบริหารประเทศถึงกว่า 4 ล้านล้านบาท แต่ยังไม่เห็นผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการสร้างหนี้ให้ประเทศ
       
       นอกจากการขายฝันในเชิงวัตถุว่าชาติจะพัฒนาจากการมีรถไฟความเร็วสูงที่ไปไม่ถึงหนองคาย ปาดังเบซาร์ เป็นรถไฟความเร็วสูงแบบหมาหางด้วนไม่เชื่อมจีนและมาเลเซีย ตามราคาคุยเชื่อไทยสู่โลก
       
       10.) มีวิธีการตั้งสมมติฐานด้านการเงินชั้นครู อ้างหนี้สาธารณะไม่เกิน 50 % หลังกู้ 2 ล้านล้าน ทั้งที่นักวิชาการด้านเศรษฐกิจและอดีต รมว.คลังหลายคนเห็นตรงกันว่า หนี้สาธารณะมีสิทธิแตะ 80% หลังการกู้ 2 ล้านล้าน และเดินหน้าโครงการประชาล่มจมแบบไม่สนชาติพัง
       
       11.) เป็นรัฐบาลที่มองโลกในแง่ดีมากที่สุด ประเมินว่าทุกปีเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 7.5% ต่อจีดีพี ทั้งที่ในความเป็นจริง การส่งออกในเดือนกุมภาพันธุ์ 2556 ลดลงถึง 5.83% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 คิดเป็นมูลค่า 17,928 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 519,912 ล้านบาท (คูณจากค่าเงิน 29 บาท)
       
       ขณะเดียวกันยังขาดดุลการค้าอีก 1,557 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 45,153 ล้านบาท และจากพิษค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2555 ถึงร้อยละ 4.05 จะส่งผลกระทบให้รายได้จากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมลดลงกว่า 35,700 ล้านบาท ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าหากเงินบทแข็งค่าเช่นนี้ตลอดทั้งปีก็จะกระทบต่อจีดีพีภาคอุตสาหกรรมถึง 2.72 % ทำให้ทั้งปีจีดีพีภาคอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 3.28 % จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 6 %
       
        ส่งออกหด รายได้ลด ขาดดุลการค้าเพิ่ม แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มองโลกสีชมพูว่าจะทำให้จีดีพีโต 7.5 % ถ้าไม่ตั้งใจแหกตาประชาชนก็นับว่าไร้เดียงสามองโลกสวยจะทำคนไทยซวยในไม่ช้านี้
       
       12.) เป็นรัฐบาลชุดแรกที่เปิดโต๊ะเจรจากับโจรใต้อย่างเป็นทางการ โดยให้มาเลเซียเป็นตัวกลาง ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าโจรที่เจรจาด้วยเป็นตัวจริงหรือไม่ แต่ยังเดินหน้าพูดคุยรอบสอง ท่ามกลางความรุนแรงในภาคใต้ที่ยังไม่ลดลง แต่รัฐบาลยังภูมิใจอยู่กับภาพที่ว่าเป็นผู้เจรจาสันติภาพบนคราบน้ำตาของประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่บนความเสี่ยงทุกวัน
       
       เพราะผลงานที่ ยิ่งลักษณ์ทำได้ ในขณะที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนข้างต้น จึงทำให้รัฐบาลขี้โม้ของ ยิ่่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่กล้าแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี ต่อสภา ทั้งที่บริหารประเทศมานานกว่า 1 ปี 7 เดือนแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น