วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

แก้ รธน.ม.68, 190 ได้ทั้งเงินและอำนาจ-แผนล้างผิดแม้ว แค่เอื้อม!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2556 07:02 น

แก้ รธน.ม.68, 190 ได้ทั้งเงินและอำนาจ-แผนล้างผิดแม้ว แค่เอื้อม!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์2 เมษายน 2556 07:02 น



ผ่าประเด็นร้อน        
       เชื่อว่าหลายคนคงรำคาญกับการประชุมรัฐสภาที่กำลังพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในขณะนี้ รำคาญที่ได้เห็นพวก ส.ส.และ ส.ว.บ้าน้ำลายในสภา พูดแต่เรื่องผลประโยชน์ตัวเอง ไม่ต่างจากการเล่นปาหี่ตบตาชาวบ้าน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเมื่อลงมติคราวใดก็ผ่านฉลุยอยู่แล้ว       

       แน่นอนว่าคราวนี้ทีมงาน กุนซือทักษิณ ชินวัตร แก้เกมปรับปรุงจุดอ่อนมาอย่างรอบคอบกว่าเดิม ไม่หักดิบเหมือนก่อน       
       จากเดิมที่คิดจะรวบรัดแก้มาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การยกร่างใหม่ทั้งฉบับ แต่เมื่อสะดุดมีปัญหาที่ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่กล้าดึงดันลงมติในวาระที่ 3 หรือแม้กระทั่งไม่กล้าเสี่ยงเรื่องการลงประชามติก่อนการแก้ไข เพราะกลัวแพ้และยุ่งยากไม่ทันใจ ทักษิณ ชินวัตร จึงเปลี่ยนแผน หักเลี้ยว ไปทางอื่น ไม่ว่าจะเป็นหันเหเรื่องหลอกให้ชาวบ้านสนใจไปอีกทาง ไม่ว่าจะเป็นก่อนหน้านี้ที่ปล่อยให้พวกลิ่วล้อเสื้อแดงออกมาทำขึงขังเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม เป็นการหยั่งกระแสแบบโยนหินถามทาง และเมื่อรู้ว่าแรงต้านมันยังคงเส้นคงวา ก็ต้องถอยออกไปชั่วคราว อีกทั้งก็รู้ว่านี่คือแผนต้มแดง เอาใจมวลชนไปเรื่อยๆ       
       แต่เป้าหมายสำคัญที่ซ่อนอยู่เมื่อได้จังหวะก็ต้องรีบดึงเข้ามาก่อนในช่วงที่แทบทุกสายตากำลังเพ่งมองไปอีกทางหนึ่ง เหมือนอย่างก่อนหน้าที่กำลังจับตามองร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ก็ดันร่างพระราชบัญญัติ โคตรกู้ 2 ล้านล้านบาทเข้าสภาแทรกเข้ามาทันที ซึ่งในความเป็นจริงก็ถือว่านี่คือ เป้าหมายหลัก อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งหากเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็ไม่ต่างจากการ แวะตามรายทาง ที่มีความหมายก่อนไปถึงเป้าหมายปลายทางที่หวังเอาไว้สูงสุด เพราะแน่นอนว่าเมื่อร่างเงินกู้ดังกล่าวผ่านสภาแล้ว ลองหลับตานึกสิว่ามี ใคร และคนในครอบครัวไหนที่ได้ประโยชน์จากงบประมาณมหาศาล ลองนึกดูอีกทีว่า ชักเปอร์เซ็นต์ร้อยละ 30” นั้นมันเป็นตัวเลขเท่าไหร่       
       นาทีนี้สังคมเริ่มพอมองเห็นกันบ้างแล้วว่าเงินกู้ดังกล่าวที่อ้างว่านำไปก่อสร้างโครงการขั้นพื้นฐาน แต่ไม่มีรายละเอียด ไม่มีการศึกษาความคุ้มค่า ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เป็นตัวเลขนอกงบประมาณ ที่ตรวจสอบยาก และที่สำคัญยังสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้งบประมาณได้ตามใจชอบเสียอีก นี่แหละคือยอดปราถนา และนี่คือหนึ่งในเป้าหมายหลัก ที่คนพวกนี้ต้องการอยู่แล้ว       
       เมื่อแผนแรกสำเร็จแม้ว่าร่างพระราชบัญญัติกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทผ่านแค่วาระแรก ยังมีเส้นทางอีกนานพอสมควร แต่ที่เหลือนั่นถือว่าไม่มีความหมายแล้ว เพียงแต่ระยะเวลาจะเร่งให้เร็วกว่านี้ไม่ได้ต่างหาก       
       ขณะเดียวกัน เมื่อเรื่องเงินก้อนใหญ่สำหรับนำไปใช้เสริมความร่ำรวย รวมทั้งการสะสมกระสุนเอาไว้สำหรับการเลือกตั้งคราวหน้าเรียบร้อยแล้ว แผนต่อไปที่ถือว่าสำคัญอย่างยิ่งยวดต่ออนาคตของ ทักษิณ ชินวัตร ก็เริ่มเดินอีกรอบ นั่นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่คราวนี้ยอมผ่อนเกมมีการ ต่างตอบแทนหรือฮั้วกันอย่างลงตัว อีกทั้งยังสามารถทำให้ฝ่สยค้านอย่างประชาธิปัตย์ค้านไม่เต็มเสียงเสียอีก เพราะที่ผ่านมาตัวเองก็เคยเสนอแก้ไขแบบรายมาตราสำเร็จมาแล้ว โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 190        
       สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเที่ยวนี้ มีการวางแผนกันมาอย่างดี มีการปิดจุดอ่อนเอาไว้คอนข้างรอบคอบรัดกุมกว่าเดิม ที่สำคัญยังมีการเสนอผลประโยชน์ต่างตอบแทนให้กับบรรดาทั้ง       
       ส.ส.และ ส.ว.ซึ่งจะไปทำไมมีมีฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์นั่นแหละที่ได้รบประโยชน์ด้วยจากการแก้ไขมาตรา 237 ที่ขอแก้ไขไม่ให้มีการยุบพรรคการเมืองในอนาคต หากกรรมการบริหารทำผิด ขณะเดียวกันในส่วนของ ส.ว.เลือกตั้งก็แลกเปลี่ยนด้วยการให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดและสามารถลงสมัครต่อเนื่องไม่จำกัด ซึ่งแน่นอนว่าพวก ส.ว.นักเลือกตั้งพวกนี้ชอบใจอยู่แล้ว อีกทั้งหากการแก้ไขสำเร็จก็จะทำให้มีผลต่อการตรวจสอบและการแต่งตั้งองค์กรอิสระเปลี่ยนแปลงไป เพราะการเลือกตั้งทำให้ต้องมีการอิงแอบพรรคการเมือง จะกลายเป็นสภาทาสเต็มรูปแบบหรือสภาผัวสภาเมียนั่นเอง       
       นอกจากนี้สำหรับหัวใจสำคัญที่คนอย่างทักษิณ ชินวัตร ต้องการคงจะเป็น มาตรา 190 และมาตรา 68 นั่นคือ มาตรา 190 ที่ต้องการให้การเจรจากับต่างชาติทำได้โดยสะดวกไม่ต้องนำเข้าสภารับรอง ความหมายก็คือไม่มีใครขัดคอทำได้โดยเสรีโดยอ้างคำเดียวว่าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเท่านั้น       
       ขณะที่มาตรา 68 นี่ก็อาจเป็นสาระสำคัญที่สุดสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ในอนาคตก็ได้ เพราะหากสำเร็จก็จะทำให้การขัดขวางเรื่องการแก้ไขทั้งฉบับเหมือนในอดีตทำไม่ได้ เพราะต้องเสนอผ่านทางอัยการสูงสุดเพียงช่องทางเดียวเท่านั้น ไม่อาจเสนอโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการตัดอำนาจการพิทักษ์รัฐธรรมนูญของภาคประชาชนหมดไปโดยปริยาย อีกทั้งยังมีช็อตต่อเนื่องนั่นคือถ้าผ่านก็จะทำให้ร่างแก้ไขมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การโหวตในวาระ 3 เพื่อนำไปสู่การยกร่างใหม่ทั้งฉบับที่ค้างอยู่ในสภาก็เป็นได้        
       อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ว่าหากการแก้ไขรายมาตราผ่านไปด้วยดีต่อไปก็อาจมีการเสนอแก้ไขมาตรา 309 ดพื่อลบล้างคำสั่ง คปค.และรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่แต่งตั้งองค์กรอิสระที่นำไปสู่การตรวจสอบความผิดของ ทักษิณ ชินวัตรที่ผ่านมา ถึงตอนนั้นสิ่งที่เขารอคอยก็จะสำเร็จ       
       ดังนั้น ถ้าพิจารณามาตั้งแต่ต้นทั้งเรื่องพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทผ่านไปแล้ว นั่นหมายความว่าได้เงินก้อนใหญ่ในมือรออยู่ ถัดมาถ้าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราแบบต่างตอบแทนผ่านสภาตามมาติดๆดังรายระเอียดที่ว่ามา และหากเข้าใจว่าทุกเรื่องใหญ่ทั้งของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยล้วนเกี่ยวข้องกับ ทักษิณ ชินวัตร แล้วละก็ อีกไม่นานเขาก็จะมีทั้งเงินมีกระสุนเต็มกระเป๋า จะลบล้างความผิดกลับมามีอำนาจอย่างเท่ห์ๆตามที่เคยกล่าวเอาไว้ คงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น