วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

โฆษก บช.น.แถลงม็อบขับรถพุ่งชนตร. 5 นาย-ใช้แก๊สน้ำตาหมดอายุ วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 14:25:41 น.




โฆษก บช.น.แถลงม็อบขับรถพุ่งชนตร. 5 นาย-ใช้แก๊สน้ำตาหมดอายุ

วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 14:25:41 น.
  
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ว่า ได้รับรายงานการเกิดเหตุเล็กน้อยโดยเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 23 พฤศจิกายน มีเหตุการณ์ขององค์การพิทักษ์สยามมีปากเสียงกับกลุ่มนักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มเปิดไฟเขียวประเทศไทยที่ไปติดป้ายคัดค้านการชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไประงับเหตุ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือพูดจาถ้อยทีถ้อยอาศัย เนื่องจากพวกเราเป็นคนไทยด้วยกัน

โฆษก บช.น.กล่าวด้วยว่า สถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ผู้ชุมนุมกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามได้ทยอยเดินทางเข้ามาด้านเบญจมบพิตร ตั้งแต่เวลา 07.00 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน กระทั่งประมาณ 11.30 น. มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 6,000 คน และที่บริเวณแยกมัฆวานฯ ประมาณ 500 คน จุดบริเวณสะพานมัฆวานฯมีการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งจะขอเข้ามาบริเวณเส้นทางดังกล่าว ทาง บช.น.ก็ได้มีการชี้แจงและขอประชาสัมพันธ์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการปิดกั้นการชุมนุมแต่อย่างใด แต่ได้มีการปฏิบัติตามคำสั่งของ ศอ.รส. โดยกำหนดเปิดช่องทางเข้าของกลุ่มผู้ชุมนุม 2 จุด คือ บริเวณทางแยกกองพล 1 และทางแยกวัดเบญจฯ ซึ่งจะมีตำรวจคอยอำนวยความสะดวกและมีการตรวจสอบอาวุธ ซึ่งก็ยังไม่พบแต่อย่างใด โดยบริเวณลานพระบรมรูปฯสามารถบรรจุผู้ชุมนุมได้ประมาณ 5-6 หมื่นคน

"ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ออกประกาศเพิ่มเติม ฉบับที่ 4/2555 ลงวันที่ 23 พฤจิกายน เรื่องห้ามการใช้ยานพาหนะในเส้นทางคมนาคม ดังนี้ 1.ห้ามการใช้ยานพาหนะในเส้นทางคมนาคม ถนนศรีอยุธยาตั้งแต่สะพานวัดเบญจมบพิตรถึงแยกกองพล 1 และลานพระราชวังดุสิต เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 2.ห้ามมิให้จอดรถยานพาหนะทุกชนิดกีดขวางการจราจรในพื้นที่ตามข้อแรก 3.ให้ ผอ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ชั้นสัญญาบัตรหรือเทียบเท่าเป็นผู้ดำเนินการ" พล.ต.ต.อดุลย์กล่าว และว่า "การปะทะกันกับกลุ่มผู้ชุมนุมและมีการใช้แก๊สน้ำตาว่า เหตุเกิดเวลาประมาณ 09.00 น. มีการกระทบกระทั่งกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความสงบเรียบร้อยอยู่บริเวณแยกมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งเป็นบริเวณที่ ศอ.รส.มีคำสั่งให้ปิดการจราจรโดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมใช้รถยนต์ 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน 81-8864 ราชบุรี บรรทุกเครื่องเสียงขับฝ่าชนด่านตำรวจเข้ามาทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 5 นายที่ถูกรถชน ได้แก่ จ.ส.ต.ยุทธพงศ์ จันธิราช จาก จ.มหาสารคาม ด.ต.ภานุวัฒน์ คนเพี้ยน จ.หนองคาย ด.ต.เอกพล สรลาภเจริญ จ.มหาสารคาม ด.ต.พรศักดิ์ อารมณ์ จ.กาฬสินธุ์ และ ร.ต.ต.ชอบ แก้วธารี จ.มหาสารคาม นำส่งโรงพยาบาลวชิระ"

พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุความวุ่นวาย ทั้งชายและหญิง จำนวน 100 คนเศษ พร้อมทั้งผู้ที่ขับขี่รถดังกล่าว นำขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขังไปควบคุมที่ตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี เป็นที่ปลอดภัย ซึ่ง ศอ.รส.กำหนดจุดเอาไว้แล้ว นอกจากนี้ยึดรถเครื่องเสียงและเครื่องปั่นไฟ พร้อมของกลาง ได้แก่ อาวุธมีด ลูกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 30 นัด หนังสติ๊ก 1 อัน วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง ก่อนใช้แก๊สน้ำตาก็ได้มีการเตือนอย่างต่อเนื่องและปฏิบัติตามขั้นตอน นอกจากนี้ มีการบันทึกภาพเอาไว้ใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีผู้กระทำความผิด ทาง บช.น.ยืนยันว่าจะรักษาความสงบเรียบร้อย และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ประจำการอยู่ที่ ศอ.รส.ควบคุมสั่งการอย่างใกล้ชิด

พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ที่ถูกจับกุมนั้นจะมีทีมพนักงานสอบสวนเดินทางตรวจสอบ สอบสวนก่อนแจ้งข้อหา โดยต้องตรวจสอบพยานหลักฐานว่า แต่ละคนที่ก่อเหตุกระทำความผิดอย่างไร เบื้องต้นมีความผิดในข้อหาก่อความวุ่นวาย การข่าว บช.น.ได้รับแจ้งว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการรื้อถอนแบริเออร์และลวดหนามที่กั้นไว้ จากการตรวจสอบพบว่ามีการถูกรื้อถอนบางส่วน จนกระทั่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้รถบรรทุกขับชนเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว โดย ผบ.ตร. และ ผบช.น. เน้นย้ำชัดเจนว่า ต้องไม่กระทบกระทั่งหรือทำร้ายทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบาดเจ็บโดยให้ใช้มาตรการดำเนินการทางกฎหมาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็มีแต่ฝ่ายตำรวจบาดเจ็บเท่านั้น

"ขณะนี้ทาง บช.น.ได้มีการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อกำหนดข้อตกลงกันเบื้องต้นว่าจะมีการแจ้งเส้นทางให้กลุ่มเข้าตรงไหน เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการเก็บภาพเคลื่อนไหวให้เป็นพยานพิสูจน์ ซึ่งจำนวนของกลุ่มผู้มาชุมนุมบริเวณลานพระบรมรูปทางม้า ขณะนี้มีจำนวนประมาณ 6,000 คน และที่แยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ 400-500 คน โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการรื้อลวดหนามที่เจ้าหน้าที่วางไว้ แต่เจ้าหน้าที่พยายามยับยั้งจนสุดความสามารถจนกระทั่งระงับเหตุได้ รวมถึงบริเวณแยกมัฆวานรังสรรค์กลุ่มผู้ชุมนุมได้รื้อลวดหนามบางส่วนแล้วใช้รถบรรทุกขับชนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ" โฆษก บช.น.กล่าว

เมื่อถามถึงการดำเนินคดีอย่างไรกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ขับรถชนเจ้าหน้าที่นั้น พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างให้ทางพนักงานสอบสวนตรวจสอบหลักฐานให้แน่ชัด อย่างไรก็ตาม การแจ้งข้อกล่าวหาอาจจะดูว่าเข้าข่ายร่วมกันก่อความวุ่นวายหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อย แล้วกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาก่อความวุ่นวาย ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหารวมกันหรือไม่ ต้องรอผลการรวบรวมและ ตรวจสอบหน่วยง่ายที่เ เกี่ยวข้องระหว่างช่วงเกิดเหตุ ทั้งนี้ ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

ต่อมาเวลา 12.45 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์แถลงเรื่องแก๊สน้ำตาที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการชุมนุม โดยมีการนำแก๊สน้ำตามาให้สื่อมวลชนดู 3 ชนิด พร้อมกล่าวว่า  กรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาที่หมดอายุมาใช้นั้น ปรากฏว่าเมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นสีเขียวนั้น ไม่ใช่แก๊สน้ำตาของตำรวจ โดยช่วงเช้าตนนั่งรถประชาสัมพันธ์เข้าไป ก็มีกลุ่มผู้ชุมนุมขว้างแก๊สน้ำตาเข้ามาด้วย ซึ่งแก๊สน้ำตาที่ตำรวจใช้นั้น ล็อตแรกเป็นยี่ห้อ 555 CS ผลิตจากสหรัฐอเมริกา มีกล่องสีขาวแถบฟ้า โดยเป็นล็อตแรกที่แจกตำรวจไป ส่วนล็อตที่สองที่จะมีการแจกต่อไปนั้น เป็นยี่ห้อ MP-BD2-OC ซึ่งเป็นแบบแป้งก็มาจากสหรัฐอเมริกา โดยตำรวจก็มีจุดกั้นโดยแยก พล.1 ไม่พบอาวุธแม้แต่ชิ้นเดียว ส่วนที่แยกมัฆวานฯนั้นตำรวจวางกำลัง แต่ไม่ได้ปฏิบัติตาม ซึ่งตำรวจมีการบันทึกภาพไว้ตลอดว่า ตำรวจไม่ได้รังแกประชาชน แต่ถูกปาใส่ก่อน ช่วงเช้าตำรวจที่บาดเจ็บมาจากภาคอีสาน 5 คน แต่กลับถูกรถชน เนื่องจากผู้ชุมนุมขับพุ่งชนรื้อลวดหนามทำให้บาดเจ็บ ซึ่งขอวิงวอนว่าเราคนไทยด้วยกัน อย่าทำอะไรให้เป็นปัญหา ซึ่ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เน้นย้ำให้ดูแลประชาชนอย่างดี

พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวอีกว่า ทุกจุด ผบ.ตร.ได้สั่งการให้บันทึกทั้งภาพนิ่งและภาพวิดีโอทุกจุด เพื่อเป็นหลักฐาน โดย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เน้นย้ำให้ผู้การเข้มแข็งที่มาช่วยจากภูธรต่างๆ 40 จังหวัด ที่เฝ้าแต่ละจุดให้ดูแลอย่างเต็มที่

"สำหรับแก๊สน้ำตากระบอกเขียวของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น (เขียนด้านข้างว่า GT6-ARA1CS) ยังไม่ทราบประเทศที่ผลิต แต่คาดว่าเป็นของประเทศจีน หมดอายุเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำหรับแผนการปฏิบัติ ก็ยืนยันว่าชัดเจน โดยเปิดให้ 2 ช่องทาง คือ แยก พล.1 และแยกวัดเบญจฯ โดยช่องทางอื่นมีการวางกำลังไว้แล้ว เพื่อดูแลความสงบและป้องกันห้ามนำอาวุธเข้ามาอย่างเด็ดขาด ส่วนจุดต่างๆ ที่มีการวางกำลังก็สั่งให้ดูแลอย่างดี ทาง พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. และ ผบช.น. ได้ประชุมสั่งการตลอดเวลา เพื่อสั่งการและเตรียมการตามสถานการณ์ ขณะนี้ยังคงปกติ ไม่รุนแรง ส่วนสถานที่ราชการก็วางกำลังไว้เรียบร้อยแล้ว ความพร้อมในด้านกำลังก็พร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงแผนต่างๆ ก็มีขั้นตอนการปฏิบัติชัดเจน ส่วนเรื่องน้ำและไฟฟ้าก็เตรียมพร้อมแล้ว ไม่มีปัญหา” รอง ผบช.น.กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น