วันอาทิตย์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2555
ขอบคุณภาพจาก innnews
ครั้งนี้แม้การชุมนุมที่ปราศจากอาวุธของประชาชนจะไม่ประสบความ
สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ อาจจะถือว่าเป็นการ
รวมพลังกันครั้งที่หนึ่งก็ว่าได้ เหตุผลที่ต้องเลิกราไปก่อนก็มีหลายเหตุผล
แต่ที่ต้องยกย่อง เสธ.อ้าย ก็เพราะสั่งให้ยุติการชุมนุม ทั้งนี้เพื่อเป็นการ
รักษาชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์นั้นไว้ ทำไมถึงเรียกว่าเป็นการรักษาชีวิต
ก็เพราะดูตามเหตุการณ์แล้ว ตำรวจเล่นบทรุนแรงตั้งแต่แรกโดยการใช้
แก๊สน้ำตาทั้งๆที่น่าจะมีลำดับขั้นตอนจากละมุนละม่อมไปก่อน แต่ก็ไม่ทำ
ตำรวจเปิดเส้นทางให้ผู้ชุมนุมเดินไปตามแผนที่วางไว้ ให้ไปรวมตัวกระจุก
อยู่ที่ลานพระบรมรูปฯ เหมือนเป็นคิลลิ่งโซน ไม่ให้แวะไปนอกเส้นทางเด็ดขาด
ตามหลักของสงครามแล้ว การที่ฝ่ายหนึ่งสามารถบังคับให้อีกฝ่ายหนึ่งไปอยู่
ในพื้นที่ที่กำหนดได้ นั่นหมายถึงชัยชนะอย่างเด็ดขาดแล้ว เหมือนกับการ
มัดมือชก ดังนั้นหากการชุมนุมยืดเยื้อต่อไปถึงมืดค่ำอะไรจะเกิดขึ้น
ยังจำเหตุการณ์ตอนที่พันธมิตรชุมนุมกันอยู่ได้มั๊ย ตอนที่สมัย เสธ.แดง
ยังมีชีวิตอยู่ พอมืดค่ำเดี๋ยวก็มี M79 ไม่รู้ยิงมาจากไหน มาตกใส่ผู้ชุมนุม
ถึงกับเสียชีวิตและบาดเจ็บไปหลายราย และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ เสธ.อ้าย หวั่น
วิตกว่าเหตุการณ์แบบนั้นมันจะเกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมที่บริสุทธิ์ใจและไม่มีอาวุธ
การเป็นผู้นำการชุมนุมไม่ใช่จะนึกถึงแต่การเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว
คนอื่นจะเสียชีวิตหรือบาดเจ็บอย่างไรผู้นำไม่คำนึงถึง แบบนั้นมันเหมือนกับ
เป็นการเห็นแก่ตัว เป็นการเอาชีวิตและเลือดเนื้อของผู้ื่อื่นเป็นบันไดให้ไต่เต้า
ไปสู่ความสำเร็จ ผู้นำแบบนั้นใจดำเกินไป
ตอนนี้ผู้ที่มาชุมนุมต่างก็แยกย้ายกันเดินทางกลับภูมิลำเนาแล้ว แต่สิ่งที่
เกิดขึ้นกับรัฐบาลและตำรวจคือความพ่ายแพ้ รัฐบาลที่มีนางยิ่งลักษณ์เป็น
หัวหน้าอยู่นั้นรวมทั้งเป็ดเหลิมผู้วางแผนขั้นตอนต่างๆ ผมเชื่อว่าคงไม่ได้หลับ
ได้นอนอย่างเป็นสุขแน่ๆ เผลอๆ ตื่นสะดุ้งเอาไม่รู้กี่ครั้งจากการฝันร้าย เพราะ
ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร หากประชาชนผู้มาชุมนุมได้รับชัยชนะ
นางยิ่งลักษณ์และเป็ดเหลิมคงต้องเผ่นป่าราบหนีหายเข้ากลีบเมฆแน่ๆ จึงต้อง
เตรียมทางหนีทีไล่โดยเฉพาะเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งต้องสแตนด์บายพร้อมอยู่เสมอ
และแน่นอนว่าจะต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจ 100 % จะเป็นของฝ่ายอื่น
ไปไม่ได้
แม้หากว่าการชุมนุมจะยังไม่รู้ผลแพ้-ชนะ แต่ว่าในวันที่ 25-27 พ.ย. ก็จะต้องเจอ
กับศึกใหญ่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีอีก คงไม่มีเวลาเตรียมตัวที่จะ
ท่องบทโพยที่มีคนพิมพ์เสนอมาให้อ่าน ความว้าวุ่น กลัดกลุ้ม ย่อมเกิดเป็นทวีคูณ
นั่งไม่ติดที่แน่ๆ เหมือนกับตกนรกทั้งเป็นเชื่อเถอะ และไหนจะต้องคอยตอบคำถาม
จากคนแดนไกลที่โทรมาสอบถามเหตุการณ์ทุกระยะๆ ทำให้ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
รับรองได้ ผมเชื่อว่ายิ่งลักษณ์คงตระหนักรู้แล้วว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นมัน
ไม่ได้ง่ายดายและสวยงามเหมือนกับการเล่นหูเล่นตากับโอบาม่าเป็นแน่
และผู้ที่พ่ายแพ้อีกพวกหนึ่งก็คือตำรวจ ตำรวจที่เล่นบทโหดไร้ความปราณีกับ
ผู้ชุมนุมตั้งแต่แรก พวกตำรวจที่อยู่ในการควบคุมดูแลของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว
ที่จะต้องถูกจารึกอยู่ในความทรงจำของประชาชนชาวไทยอีกต่อไปนานแสนนาน
แม้ว่าประชาชนที่มาชุมนุมจะกลับกันไปหมดแล้ว แต่ตำรวจอีกหลายหมื่นคนยังกลับ
ไม่ได้ จนกว่าจะแน่ใจว่าปลอดภัย จึงจะมีคำสั่งให้ถอนตัว และกว่าจะขนย้ายสัมภาระ
กว่าจะหารถเดินทางกลับได้ คิดว่าต้องสาหัสเหมือนกัน ยังจะมีอีกพวกหนึ่งที่ต้อง
มาขนย้ายลวดหนาม แบริเออร์ และสิ่งกีดขวางต่างๆให้เคลีย โอ้ย...เหนื่อยใจแทน
และเหตุการณ์นี้จะต้องถูกนำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจนางยิ่งลักษณ์ในสภาแน่นอน
คอยดูเธออ่านโพยตอบคำถามก็แล้วกัน และให้กล้องจับไปที่นางยิ่งลักษณ์และ
เป็ดเหลิมบ่อยๆ ด้วย เดี๋ยวก็คงเห็นภาพนั่งสัปหงกงึกๆ แน่ๆ เพราะไม่ได้หลับ
ได้นอนมาตลอดสองคืนที่ผ่านมา เห็นหรือยัง ใครพ่ายแพ้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น