วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วันอังคาร ที่ 27 พฤศจิกายน 2555 ( คลิป ) หมอวรงค์ เปลือยทุจริตจำนำข้าวจีทูจีของนายกปู..ที่แท้ก็ไอ้เปี๋ยงไอ้ปาล์ม




วันอังคาร ที่ 27 พฤศจิกายน 2555
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 893 , 03:02:52 น.  
หมวด : การเมือง 

 พิมพ์หน้านี้ 
  โหวต 4 คน goldenriver , Joseph และอีก 2 คนโหวตเรื่องนี้ 




ต้องยอมรับว่าข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีของคุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พรรคประชาธิปัตย์ มีความชัดเจนจนไม่อาจปฏิเสธได้
รายชื่อของผู้เกี่ยวข้องล้วนเกี่ยวพันคนใกล้ชิดรัฐบาลทั้งสิ้น ที่สำคัญเป็นกลุ่มบุคคลที่เคยทุจริตค้าข้าวจำนำกับรัฐมาแล้วเช่นกัน
ต้องขอชมเชย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ  ทำหน้าที่ประธานสภาได้ดีเยี่ยม ผิดกับประธานขี้ข้าอีก 2 ราย
ที่พลิกคำวินิจฉัยถึง 5 ครั้งกับฉายา "นักโทษชายหนีคุก"

จนกระทั่งมาเป็นการเล่านิทานเรื่อง "ชายคนหนึ่ง" ซึ่งเป็นพี่ชายนายกรัฐมนตรี

หลักฐานรัฐบาลโกหก ปล่อยให้มีการทุจริตขนาดนี้
จะยังหน้าด้านอยู่บริหารประเทศต่อไปได้อีกหรือ?
แต่เอาเถอะแม้จะสู้ในสภาด้วยมือ สส. ไม่ได้
แต่เมื่อส่งเรื่องให้ ปปช. เรื่องทุจริตขนาดนี้รัฐบาลจะรอดไปได้อีกก็ให้มันรู้ไป
แคน ไทเมือง
000000
โปรดฟังอีกครั้ง หากคลิปแรกมีปัญหา

http://www.youtube.com/watch?v=pRkAWLD5w2Q
หลักฐานการแถลงของเลขาครม.ญี่ปุ่น กรณีรัฐบาลไทยขอให้ออกวีซ่าให้ทักษิณ ซึ่ง ดร.รัชดา ธนาดิเรก ไม่ได้นำไปแสดงในสภา
ซึ่งที่ประชุมโดยประธานสภาให้เปลี่ยนชื่อฉายา "จากนักโทษชาย" ไปจนกระทั่วถึง "ชายคนนั้น" ถึง 5 ฉายา
น่าสงสารรัฐมนตรีต่างประเทศแก้ตัวข้างๆ คู ๆ คิดว่าประชาชนเค้าโง่กินแกลบกันทั้งประเทศหรือยังไง
ถึงปฏิเสธไม่รับรู้ ไม่ได้ทำ สั่งญี่ปุ่นไม่ได้ ก็เค้าบอกว่ารัฐบาลนี้ "ร้องขอ" ไม่ใช่ไปออกวีซ่าเอง

สัญชาติขี้ข้า มันก็คือขี้ข้าอยู่ดี

0000000000000000000000000000
ไทยรัฐออนไลน์ไม่กลัวขี้ข้าทักษิณประท้วงใส่รูปนักโทษชายทักษิณทุจริตจำนำข้าว
ก็มันมาจาก "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" ใช้หาเสียงได้

แต่ทำไมอภิปรายในสภาไม่ได้ ไอ้พวกขี้ข้าเอ๊ย

ปชป.แฉเล่ห์รัฐขายข้าวจีทูจีปกปิดโยงบ.เอกชนยุครัฐบาล'ทักษิณ'
ไทยรัฐออนไลน์
 
ปชป.แฉเล่ห์จำนำข้าวรัฐขายข้าวจีทูจีแบบปกปิด แถมพบข้อมูลโยงบริษัทเอกชนสมัยรัฐบาล“ทักษิณ” จี้นายกรัฐมนตรีตอบให้ชัด ด้าน “วรงค์”แฉซ้ำ ผู้ช่วยรัฐมนตรีตั้งบริษัทรับซื้อข้าวจีทูจีเอง  ....

การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวานนี้(26พ.ย.) นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีเข้ามาบริหารประเทศในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)ไม่กี่วันก็เริ่มมีการขายข้าวแบบจีทูจีค้างสต็อก 3แสนตัน โดยรัฐบาลให้บริษัทสยามอินดิก้า ไปทำสัญญากับองค์กรสำรองข้าว (บูล็อก) ประเทศอินโอนีเซีย ในลักษณะมีการงุมงิบทำสัญญา เนื่องจากก่อนประมูลมีเพียง 2 บริษัทที่ทราบเท่านั้น และในที่สุดบริษัทที่ได้ประมูลไปคือบริษัทสยามอินดิก้า โดยไม่มีการเปิดเผยและแจ้งให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยทราบ เมื่อเรื่องแดงขึ้นมาและสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ทำหนังสือมาถึงรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ว่าเหตุใดถึงไม่ทราบเรื่อง เพราะการขายข้าว ครั้งนี้ 3 แสนตัน ก็ไม่ได้นำสต็อกข้าวรัฐบาลมาดำเนินการทำให้องค์การคลังสินค้า(อคส.) ต้องไปกว้านซื้อ ซึ่งถือเป็นการโกหก
ขณะที่รองนายกฯ กลืนน้ำลายตัวเอง เพราะคงไม่มีใครมีข้าวจำนวนมากถึง 3 แสนตันเหมือนรัฐบาลที่ไปรับซื้อในราคาที่ถูกกว่า และเห็นว่ารัฐบาลยุคนี้กล้ากว่า หนากว่ารัฐบาลยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะในสมัยนั้น ซึ่งมี 4-5 บริษัทที่เข้าร่วมประมูล เมื่อมีการท้วงติงมา รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณก็ได้ยกเลิกการประมูล นายประเสริฐ กล่าวว่าการไปเจรจากับต่างประเทศใช้ยี่ห้อประเทศไทย คนไทย ข้าวไทยไปเจรจาหรือไม่ แต่เมื่อสำเร็จกลับยกให้เอกชนทำ และการอนุมัติปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทสยามอินดิก้าเพื่อซื้อข้าว 3 แสนตันล็อตนี้ ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ยังไม่รู้เลยเหมือนกับเอาเงินจากธนาคารกรุงไทยไปจ่ายให้กับ อคส. ซึ่งปัจจุบันบูล๊อคได้ทยอยเบิกข้าวไปแล้ว 1.5 แสนตัน ส่วนที่เหลือให้ชะลอไว้ก่อน ไหนว่าการขายข้าวแบบจีทูจีเป็นความลับ แต่ปิดหูปิดตาประชาชน เป็นเพราะให้เอกชนดำเนินการใช่หรือไม่ เพราะในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะก็มีการขายข้าวแบบจีทูจี กับประเทศอินโดนิเซียและบังคลาเทศ ก็ไม่มีอะไรปิดบัง ทั้งที่เป็นเงินจำนวนมหาศาล และมีการเชิญชวนบริษัทต่างๆให้มาประมูลอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้บริษัทสยามอินดิก้า มีความเชื่อมโยงกับบริษัทเพรสซิเด้นอะกริ เทรดดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการประมูลข้าวในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กว่า 3.8 แสนตัน เป็นบริษัทที่เดินเข้าออกกระทรวงพาณิชย์ ได้รับผลประโยชน์จากการขายข้าว ได้ลดค่าประกันสัญญา

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ต่อมาบริษัทดังกล่าวทำให้ อคส.เสียหายถึง 4,800 ล้านบาทและล้มละลาย ทำให้ อคส.ไม่ได้รับค่าเสียหายแม้แต่แดงเดียว จากนั้นบริษัทเพรสซิเด้นฯ ตั้งบริษัทไหม่ ใช้ชื่อบริษัทสยามอินดิก้า มีรายชื่อกรรมการบริหารบริษัทเป็นชุดเดียวกัน ครั้งนี้บริษัทดังกล่าวได้ประโยชน์จากประมูลข้าว 3 แสนตัน อย่างไรก็ตามบริษัทนี้ในอดีตเคยทำให้ อคส.เสียหาย แต่ทำไมยังทำธุรกิจกับบริษัทนี้อยู่ ซึ่งตนเชื่อต้องมีเงินทอนกลับมาแน่นอน แต่ไปเข้ากระเป๋าใครต้องตอบให้ได้ เพราะนายกฯ รับรู้และเป็นนักธุรกิจว่า 2 บริษัทนี้โคลนนิ่งกันมา มีคุณสมบัติไม่ชอบ มีเป้าหมายเดียวกันคือมุ่งไปสู่การทุจริต ดังนั้นอยากให้นายกฯ เปิดเผยว่า อคส.รับเศษเงินมาเท่าไหร่ หายไปเท่าไหร่ ตกหล่นอยู่ที่ไหนบ้าง ขอให้มาเปิดเผยในสภาฯแห่งนี้
จากนั้น นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในโครงการรับจำนำข้าวว่า นายกฯมีพฤติกรรมเอื้อพวกพ้อง เอื้อญาติ ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต ซึ่งการที่นายกฯ ระบุว่าจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในโรงสีในปี 2555-2556 นั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะได้มีการติดตั้งไปแล้วตั้งแต่ปี 2554 แล้ว ซึ่งตนขอท้านายกฯและรัฐมนตรี ให้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบโกดังเก็บข้าวกับตน เพื่ดูว่าขณะนี้ข้าวสารเป็นอย่างไรบ้าง หากพบข้าวที่ปกติตนก็พร้อมจะรับผิดชอบ ให้ลาออกจาก ส.ส.ก็ได้ แต่หากพบข้าวเสื่อม ให้นายกฯ ตัดสินเองจะทำอย่างไร ซึ่งการที่รัฐบาลระบุว่ามีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)นั้น พบพิรุธในการขายข้าวจำนวน 7.32ล้านตัน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการตั้ง 2 บริษัทคือบริษัทจากสาธารรณรัฐประชาชนจีน 1 บริษัทและบริษัทของคนไทย 1 บริษัท โดยบริษัทจากจีนชื่อ “GSSG IMP AND EXPORT CORP”อยู่ที่เมืองกวางเจา ซึ่งบริษัทนี้ทำสัญญาค้าข้าวกับกรมการค้าระหว่างประเทศ 5 ล้านตัน โดยผู้ที่มีอำนาจของบริษัท คือนายรัฐนิธ โสติกุล แต่มอบอำนาจให้นายนิมล รักดี ชาวอ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เป็นผู้ดำเนินการแทน

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่านายรัฐนิธ มีชื่อเล่นว่า “ปาล์ม” อายุ 32 ปี เพิ่งผ่านการเรียนหลักสูตรวุฒิบัตรผู้ช่วยและผู้ปฏิบัติงานของสมาชิกรัฐสภา รุ่นที่ 6 รวมทั้งเป็นนักศึกษาของสถาบันพระปกเกล้า และเป็นผู้ช่วยส.ส.ในลำดับที่ 3 ของนางรพิพรรณ พงษ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และตรวจสอบบัญชีธนาคารของนายรัฐนิธ ยังพบว่ามีเงินอยู่ในบัญชีเพียง 64.63 บาท ซึ่งเหตุใดเป็นผู้มีอำนาจติดต่อซื้อขายข้าวแบบจีทูจี

นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับนายนิมล รักดี จากการลงพื้นที่สอบถามจากโรงสีในพื้นที่ภาคกลางพบข้อมูลว่า นายนิมล มีชื่อในวงการว่า“เสี่ยโจ”เป็นคนใกล้ชิด“เสี่ยเปี๋ยง”เป็นเจ้าของบริษัท เพลสซิเด้นฯ ที่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทสยามอินดิก้าฯ และ“เสี่ยเปี๋ยง”เคยเป็นเจ้าของบริษัทที่ผูกขาดการซื้อข้าวจากโครงการรับ จำนำข้าว ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทั้งนี้ที่ผ่านมา ป.ป.ช.เคยชี้มูลว่านายนิมล ทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ในนามบริษัทเพลสซิเด้นฯ สมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งการอ้างว่าขายข้าวแบบจีทูจีก็เพื่อหลีกเลี่ยงการประมูลให้ได้ราคาพิเศษ จึงอยากถามว่าเหตุใดรัฐบาลปล่อยให้บุคคลที่เคยมีความผิดเรื่องการทุจริต สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาซื้อข้าวในรัฐบาลชุดนี้อีก และเห็นว่าการขายข้าวจีทูจีไม่ได้ขายส่งออกต่างประเทศ แต่ส่งไปยังโรงสีของบริษัทเพลสซิเด้นฯ ซึ่งเงินที่ต้องจ่ายจากต่างประเทศให้กรมการค้าระหว่างประเทศจำนวน 4,960 ล้านบาทนั้น กลับพบว่าเป็นการจ่ายจากแคชเชียร์เช็คจาก 4 ธนาคารใหญ่ภายในประเทศ และเป็นการขายแบบตัวบุคคล แทนการขายแบบนิติบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ดังนั้นรัฐบาลจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ อย่างไรก็ตามหลังจากที่รัฐบาลอ้างว่ายังเหลือข้าวในสต็อกอีก 3 แสนตันที่จะระบายออกยังพบว่าในช่วง วันที่ 8 ต.ค.-9พ.ย.ก็มีเงินจ่ายจาก 4 ธนาคารใหญ่ภายในประเทศจำนวน 6,473 ล้านบาท.




ปชป.ดาหน้าถล่มจำนำข้าว แฉพิรุธขายจีทูจี
ซัดเจ๊ด.กินรวบผ่านบริษัทส. ปูดแปลงอดีตบ.ฉาวตบตา ปปช.เคยชี้มูลทุจริตค้าข้าว ‘ยิ่งลักษณ์’สวนนิ่มโปร่งใส ขาดทุนน้อยกว่าวิธีประกันฯฝ่ายค้านเปิดฉากซักฟอก “ยิ่งลักษณ์” “มาร์ค” จวกลอยตัวหนีปัญหา ทำให้ประเทศ เสียหายมหาศาล ซัดนโยบายรับจำนำข้าวออกแบบมาให้เกิดการทุจริต โรงสี-นักการเมือง-บริษัทผีรวยปลิ้นแต่ชาวนาถูกโกงสารพัด รัฐขาดทุนปีละ 2 แสนล้านบาท เด็ก ปชป.ฟัดเจ๊ “ด.” กินรวบผ่านบริษัท “ส.” ปูดโรงสี ส.ส.พท.รวยขึ้นอื้อซ่า จับพิรุธซิกแซ็กขายจีทูจี แฉบริษัทเพรสซิเดนท์อะกริเจ้าเก่า...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น