วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วันอาทิตย์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2555 เสธ.อ้าย....กับภาระกิจ ตายเพื่อเกิด!



วันอาทิตย์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2555



24 พฤศจิกายน 2555  คงต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองของไทยที่นับเป็นม๊อบ “มาเร็ว..ไปเร็ว”  ที่สุดครั้งหนึ่ง พร้อม ๆ ไปกับที่เราก็ได้เห็นสภาวะ “ขี้ขึ้นหัว” ของฝ่ายรัฐบาลผ่านกระบวนการใช้มาตรการแก๊สน้ำตาที่รวดเร็วและลนลานจนเกินเหตุจากฝ่ายตำรวจ
และนับแต่นี้ เราคงไม่ได้เห็น ภาพอดีตนายทหารกับสัญลักษณ์อินทรีสยายปีกกางแขนหลาบนเวทีม๊อบอีกต่อไป เพราะท่านประกาศชัดว่า “พลเอกบุญเลิศ..มันตายไปแล้ว!”
17.16 น.หลังคำประกาศยกเลิกการชุมนุมที่ทำเอาบรรดา พ่อยกแม่ยกรวมทั้งพ่อเฒ่าแม่เฒ่าที่สู้อุตส่าห์หอบสัมภาระมาเพื่อชาติในครั้งนี้ ถึงกับออกอาการงงเต่ก...หันหน้ามองกันอย่างเลิกลั่กว่า เหตุไฉน ตูถึงต้อง “มาไว...กลับไว” เช่นนี้???
พร้อมๆ ไปกับทีท่าจากหลายฝ่ายที่บ้างก็เข้าใจ...เห็นใจ ...  แต่บางก็ออกอาการ “เซ็งแตก!” เพราะกว่าตนเองจะพาตัวและพวกพ้องผ่านด่านสกัดโหดหินจากต่างจังหวัด...มาถึงที่ชุมนุมประมาณ ตูดยังไม่ทันแตะพื้น...ก็มีอันต้องเก็บสัมภาระกลับบ้านเสียแล้ว



เครดิต :Jeerapong Prasertpokrung :youtube
แถมบางคนต้องชอกช้ำกรำสะอึกสะอื้นจากความกักขฬะในการรื้อค้นกระทำกับเธอราวกับเธอเป็น“อาชญกร” แถมพ่วงวาทะกรรม “แม่งโง่ให้เขาจูงจมูกอยู่!” จากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไทยตอกย้ำความตกต่ำในยุคนี้

นักวิชาการ,สื่อ หลายฝ่ายต่างออกมาให้ความคิดเห็นสอดคล้องกับชาวบ้านชาวม๊อบ บ้างก็บอกว่า เสธ.ฯ ตัดสินใจถูกที่สุด, บ้างก็ออกอาการเหน็บเล็ก ๆ  ทำนอง “เขาบอกให้มาชุมนุมก็มา..เขาบอกให้เลิก ก็เลิก...มาชุมนุมกันทำไมไม่รู้..”

ฝ่ายนางธิดาแดง..ออกอาการกระดี๊กระด้า ตั้งโต๊ะแถลงเหน็บ เสธ.ฯ บอกที่ม๊อบพวกนี้เลิกไวเพราะไม่สามารถคุมมวลชนตัวเองได้ ถือว่าไม่ได้เป็น “มืออาชีพ”

สารพันความเห็น...สารพัดอารมณ์ ทั้ง ซอร์พคอร์,ฮาร์ดคอว์ สุดท้ายสิ่งที่ควรจะพิจารณาก็คือ

แม้เพียงไม่กี่ชั่วโมงของการใช้สิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยที่พยายามแสดงออกถึงเจตนารมณ์ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลชุดนี้ ตกลงเราได้หรือเสียอะไรบ้าง?
อย่างแรกที่เราเห็นก็คือ  แม้นว่าม๊อบเที่ยวนี้ไม่ถึงล้าน ตามที่ เสธ.อ้าย ท่านตั้งเป้า แต่ก็ต้องถือว่าประสบผลในการสร้างกระบวนการตื่นตัวของประชาชนอีกครั้ง และรวมถึงการการบรรลุถึงภาระกิจที่เคยประกาศไว้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น สัญญาสัจจะลูกผู้ชายที่ประกาศแล้วว่าถ้าคนมาน้อยก็เลิก!.. รวมทั้งภารกิจสำคัญที่สุดคือการตอกย้ำให้ประชาชนชาวไทยที่มีความจงรักภักดีในสถาบันกษัตริย์ได้ตระหนักเห็นถึงพิษภัยที่กำลังคืบคลานมาถึงประเทศไทยภายใต้การบริหารโดยรัฐบาลที่เลี้ยงดูและอุ้มสมคนพวกนี้ไว้..

อย่างทีสอง เราได้เห็น ความสับปลับและการเจ้าเล่ห์ของฝ่ายความมั่นคงฯ ผ่านการควบคุมฝูงชนที่ไม่ถือสัญญาลูกผู้ชายที่ให้ไว้กับ เสธ.อ้าย ไม่ว่าจะเป็นการรอนสิทธิ,การขัดขวางเสรีภาพในการเดินทางของประชาชน  โดยการทำทุกอย่างเพื่อสกัดกั้นประชาชนเพื่อมิให้เข้ามาแสดงเจตนารมณ์ที่แม้นศาลรัฐธรรมนูญท่านก็มีคำพิพากษารับรองว่าเป็น “สิทธิ” ที่ประชาชนพึงกระทำได้


เครดิต :kala4206 youtube.com

ภาพของแก๊สน้ำตากระบอกเขียวหมดอายุ...ถูกนำมาใช้กับประชาชน แต่ตำรวจกลับปฎิเสธว่าพวกตนใช้แบบสีขาว ส่วนไอ้ที่หมดอายุนั่นน่ะน่าจะเป็นมือที่สาม กลับมีการไปถ่ายภาพได้ว่าไอ้กระบอกเขียว ๆ นั่นมันดันไปอยู่ในรถตำรวจเต็มไปหมด ฯลฯ

หรือกรณีการระบุว่า มีการขว้างแก๊สน้ำตามาจากกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อชี้นำให้เข้าใจว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเองก็มีแก๊สน้ำตา กลายเป็นเหลี่ยมเล่ห์ที่นักข่าวในเหตุการณ์ระบุชัดว่า เกิดจากผู้ชุมนุมใจกล้าบางคนหยิบมันแล้วก็ขว้างกลับไป   ก็เท่านั้น!
กรณีการจับกุมคุมตัวมั่วไปหมด ทั้งม๊อบทั้งนักข่าวโดยเฉพาะนักข่าว Thaipbs จนมีการออกมาประณามจากสื่อถึงการกระทำแบบมีอคติและมันเขี้ยวของฝ่ายตำรวจที่กระทำต่อม๊อบ ช่างผิดวิสัยกับที่นายตำรวจควบคุมม๊อบพยายามบอกกับกลุ่มผู้ประท้วงว่า “เราพี่น้องกัน”
สารพันเหลี่ยมเล่ห์เพทุบายที่รัฐบาลและฝ่ายตำรวจพยายามดำเนินการเหล่านี้ กำลังจะกลายเป็นประเด็นที่จะทำให้ รัฐบาลชุดนี้ค่อย ๆ หมดความชอบธรรมและนี่อาจไม่ใช่ “ชัยชนะ” ของฝ่ายรัฐบาลและตำรวจ ทว่ามันอาจเป็น  “จุดเริ่มต้นแห่งความชิงชัง” สั่งสม ที่สุดท้ายจะกลายเป็น “ม๊อบล้านคน” ในที่สุด!

นางธิดา ทำนายไว้ไม่ผิดว่า หลังจากนี้ต้องมีม๊อบอีก ...ก็ต้องวิเคราะห์ว่า  “มี” แน่นอน

เพราะอาการม๊อบ “ขี้ไม่สุด” แบบที่ สนธิ ลิ้มทองกุล เคยบอก  เที่ยวหน้าคงต้องมีคนคิดค้นและใช้ “ยาระบาย” เพื่อให้ถ่ายได้ “คล่อง” แบบทีเดียว “จอด!” อย่างแน่นอน
การหยั่งเชิงท่าทีและประเมินคู่ต่อสู้ในครั้งนี้ ถือว่า ผู้กำชัยชนะคือ “ประชาชน” ที่ต้องสานต่อการกระชากหน้ากากและล้มล้างระบอบเลวทรามเหล่านี้ลงให้สิ้นซาก

วันนี้...อาจไม่ได้... แต่วันหนึ่งข้างหน้าอันไม่ไกล  “การหยัดยืนอยู่บนพื้นฐานของคนดีที่จะต้องมีหน้าที่กำจัดคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ จะสัมฤทธิ์ผลแน่นอน”

ต้องขอบคุณในน้ำจิตน้ำใจของทุกคนที่ เสียสละเพื่อการล้มล้างให้ประเทศสะอาดสดใส.......และ

คารวะหัวใจของ เสธ.อ้าย ที่กล้ายอมหยุด... ดีกว่า ยอมให้เลือดคนดีต้องหลั่งทาแผ่นดินเซ่นสังเวยความเลว


แม้จะถูกครหาว่า ไม่มืออาชีพ จากพวกแดงเถื่อนอำมหิต...แต่กลับกัน มันกำลังส่งสัญญานให้คนไทยและทั่วโลกได้เห็นความแตกต่างระหว่างความ “ดี” กับ “คนเลว” ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

อย่างน้อย...เสธ.อ้าย ก็ไม่ได้เป็นคนเลวและอำมหิตเหมือนใครบางคน... ที่ยอมแม้กระทั่งเอาชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์มาเป็นเป้าล่อ..เป้าทำลาย เพื่อเป้าหมายสกปรกคือการได้เสวยสุขในอำนาจ แบบที่ ยุคแดงชั่ว เคยทำไว้

นี่ยกหนึ่งแค่แย๊บ....ฝ่ายรัฐบาลสันหลังหวะก็เล่นทุ่มสรรพกำลังแสดงก้นบึ้งของ "เกลียด" และ "กลัว" และสร้างความเกลียดชังที่ประชาชนมีต่อสถาบันตำรวจได้ขนาดนี้  

ยกสองสามสี่.... ในไม่กี่เพลาข้างหน้า    อย่าหาว่า  "ฝ่ายม๊อบและประชาชนไร้สัจจะ" บ้างละกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น