วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อ้ายรับผวาเอ็ม79 26พ.ย.เลิกมั่นคง ข่าวหน้า 1 26 November 2555 - 00:00



"เสธ.อ้าย" ให้เหตุผลแช่แข็งตัวเอง เพราะกลัว เอ็ม 79 "ปู" ขอบคุณตำรวจทำงานด้วยความอดทน ดีใจม็อบไปไว เลิกใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง 26 พ.ย. "เหลิม" อ้างถ้าไม่ใช้แก๊สน้ำตาตำรวจตายหมด ทนายแม้วเย้ยอย่าก่อไฟกลางสายฝน ไม่มีทางจุดติด จับเท็จตำรวจ แก๊สน้ำตาหมดอายุยกลัง "กรณ์" ยกรัฐบาลเทียบฮิตเลอร์
 พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม เปิดเผยอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ถึงการยกเลิกการชุมนุมกลางคันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชนแบบไม่มีเหตุผล ทำให้มวลชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาบางส่วนเกิดอาการกลัว ไม่กล้าเข้ามาร่วมชุมนุม บางส่วนก็ถูกสกัดจากเจ้าหน้าที่ ไม่สามารถเข้ามาได้ ทำให้ตนถูกมวลชนโทรศัพท์มาต่อว่า ว่าทำไมถึงยุติการชุมนุมเร็วแบบนี้ แต่ก็คิดว่าได้ตัดสินใจถูกแล้ว เพราะในช่วงกลางคืนมีโอกาสเกิดสถานการณ์รุนแรง หรือมีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ในพื้นที่ชุมนุม มวลชนได้รับผลกระทบแน่นอน จึงไม่อยากให้ใครต้องมาเสียชีวิต แค่มีคนบาดเจ็บก็เสียใจแล้ว 
 เขาบอกว่า การสกัดมวลชนที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ที่จะเดินทางมาลานพระบรมรูปทรงม้าก็เป็นเรื่องผิดปกติ ทั้งที่ตกลงกับเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าจะเปลี่ยนรูปแบบการชุมนุมไปเผาสถานที่อื่นๆ ก็ไม่ใช่แนวทางของ พล.อ.บุญเลิศ
    "ถือว่าการชุมนุมล้มเหลว ที่ไม่สามารถเปิดช่องทางได้ ไม่สามารถช่วยเหลือมวลชนได้ ไม่สามารถให้คนมารักชาติบ้านเมืองได้ จากนี้คงไม่มีใครมาสานต่อ เขาคงเข็ด ส่วนผมกำลังใจยังดี ไม่เข็ด เพราะทำอย่างเต็มที่ ถึงจะเสียหน้า เสียเกียรติ ที่ไม่สามารถนำคนเยอะๆ ไปอย่างที่ต้องการได้ แต่ภูมิใจที่ไม่มีคนเสียชีวิต" 
 พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า ในวันที่ 26 พ.ย. ตนจะทำหนังสือลาออกจากประธานมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร เพราะไม่อยากทำให้องค์กรเสียหาย
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากกรณีมีการแชร์ภาพถ่ายแก๊สน้ำตาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ปาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมองค์การพิทักษ์สยามที่บริเวณแยกมิสกวันและสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งมีการชี้ว่า เป็นแก๊สน้ำตาชนิดขว้างที่หมดอายุไปแล้ว แต่ตำรวจก็ยังรั้นดันทุรังนำมาใช้กับประชาชนโดยมิได้กริ่งเกรงว่าจะเกิดอันตรายหรือผลร้ายตามมากับประชาชนหรือไม่
    แต่คล้อยหลังการแชร์ภาพถ่ายได้ไม่นาน ฝ่ายตำรวจก็ออกมาแถลงตอบโต้โดยอ้างว่า แก๊สน้ำตาที่พบในภาพดังกล่าวไม่ได้เป็นของตำรวจ แต่เป็นของกลุ่มผู้ชุมนุมและมือที่ 3 ที่เตรียมมาขว้างใส่ฝ่ายตำรวจต่างหาก
     อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กจำนวนมาก อาทิ เพจ “สายตรงภาคสนาม” และ “ขบวนการเสรีไทยเฟซบุ๊ก” ได้นำภาพถ่ายชุดใหม่เกี่ยวกับระเบิดเจ้าปัญหาแบบดังกล่าวออกมาเผยแพร่ โดยเป็นภาพถ่ายกล่องบรรจุแก๊สน้ำตาที่วางอยู่ในรถของเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนในการชุมนุมวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อมีการซูมภาพไปยังฉลากข้างกล่อง ก็พบว่าเป็นยี่ห้อและแบบเดียวกับภาพถ่ายแก๊สน้ำตาเจ้าปัญหา และระบุวันเดือนปีผลิต รวมทั้งวันหมดอายุวันเดียวกันอย่างพอดิบพอดี
   เสียงวิจารณ์จึงอื้ออึงออกมาจากโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กอีกครั้ง ถึงความข้องใจต่อ “โกหกคำโต” ของตำรวจ
"ปู" ขอบคุณตำรวจ
 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ทำงานด้วยความอดทน โดยร่วมกันทำงานพยายามไม่ให้มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น
 "ขอเรียนว่า ทุกอย่างเราอยากให้เหตุการณ์ผ่านไปได้ด้วยความสงบ ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย"
  ซักว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงของรัฐบาล เก้อหรือไม่ เพราะการชุมนุมยุติไวเกินคาด นายกฯ ตอบว่า  ไม่ได้บอกว่าต้องการจะให้ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง แล้วอยู่นาน จริงๆ แล้วเหตุผลที่ประกาศ อย่างที่เรียน เราต้องการที่จะป้องกัน เพื่อให้การดูแลต่างๆ ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าการประกาศนี้สามารถที่จะดูแลความปลอดภัยโดยรวมได้ และดีใจที่มีการยกเลิกการชุมนุมโดยเร็ว เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องการติดขัดหรือเหตุการณ์ต่างๆ และทุกอย่างจะได้ผ่านไปด้วยดี ก็อยากให้กลับมาสู่บรรยากาศเดิม
   วันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) พร้อมด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ห้องรับรองอาคารรัฐสภา เพื่อรายงานผลการประเมินสถานการณ์ภายหลัง อพส.ประกาศยุติการชุมนุมเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยฝ่ายความมั่นคงเห็นว่า ขณะนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ดังนั้นเห็นควรเสนอยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง
 พล.อ.อุดมเดชเผยว่า การยกเลิกประกาศข้อห้ามต่างๆตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง เป็นไปตามการหารือและประเมินสถานการณ์ของฝ่ายความมั่นคง ซึ่ง กอ.รมน.ก็จะดำเนินการสรุปรายละเอียดการยกเลิกประกาศให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการโดยเร็วที่สุด
 ด้าน พล.ท.ภราดร กล่าวถึงการพิจารณายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ว่า ภายหลังจากที่ประชุม ศอ.รส.มีมติยุติการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยจะมีการเสนอให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. พิจารณาลงนามประกาศยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในวันที่ 26 พ.ย.นี้ โดยภายหลังจากนายกฯ ลงนามเสร็จสิ้น จะมีผลยกเลิกการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงทันที
 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่เป็นไปตามหลักสากล ว่า ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามหลักสากล อยากเตือนผู้ชุมนุมว่า อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นการทำผิด พ.ร.บ.ความมั่นคงเพียงอย่างเดียว การขับรถชนเจ้าหน้าที่ในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ถึงแม้จะไม่เล็งเห็นผล แต่ก็สามารถทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ จัดอยู่ในเกณฑ์พยายาม จึงต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ ถ้าเราไม่ใช้แก๊สน้ำตา เจ้าหน้าที่ก็ตายหลายคน
 "ถ้าไปรอฉีดน้ำตำรวจคงตายหมด การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ถือเป็นความชอบธรรมและถูกต้อง พร้อมทั้งได้มีการสั่งห้ามเจ้าหน้าที่พกอาวุธโดยเด็ดขาด อย่างกระบองและแก๊สน้ำตานั้น ถือว่าเป็นไปตามหลักสากล ผมเป็นคนออกกฎตรงนี้เอง โดยให้ผู้ที่เก่งภาษาอังกฤษแปลมาจากกฎขององค์กรสหประชาชาติ ที่กำหนดเอาไว้เป็นกติกาของโลก" รองนายกฯ กล่าว และเขายังพูดในสภาว่า ผู้ชุมนุมเป็นฝ่ายขว้างแก๊สน้ำตาใส่ตำรวจก่อน 
เย้ยจุดไฟกลางฝน
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ขอชื่นชมการตัดสินใจของเสธ.อ้าย ว่าท่านไม่ทำให้สถานการณ์ต้องบานปลายลุกลาม ส่วนตัวแม้ว่าอุดมการณ์ทางการเมืองที่ เสธ.อ้ายประกาศแช่แข็งประเทศผมจะยอมรับไม่ได้ แต่การดำเนินการของเสธ.อ้ายนั้นผมยอมรับ เพราะเปิดเผย ตรงไปตรงมา คิดอย่างไรก็ประกาศอย่างนั้น ดีกว่าคนบางคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง เมื่อไม่ได้เป็นไปตามที่คิดก็ซุ่มซ่อนสะสมกำลังไว้ดำเนินการต่อไป
         นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นไปได้ว่าเห็นคนไม่มาตามเป้า และส่อว่าจะเกิดเหตุความรุนแรง หรือเสี่ยงจะเกิดการสร้างสถานการณ์จากมือที่ 3 อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณ พล.อ.บุญเลิศ ที่เห็นแก่ประเทศชาติ และความปลอดภัยของประชาชน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าในอนาคตจะมีการชุมนุมเกิดขึ้นอีก เพราะฝ่ายที่ไม่พอใจ พ.ต.ท.ทักษิณยังมีอยู่ เพียงแต่ต้องขอร้องให้แสดงการต่อต้านตามกรอบตามรัฐธรรมนูญที่พวกคุณเป็นคนเขียนขึ้นมาเอง อย่าเขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า 
 "การชุมนุมครั้งนี้มีอุทาหรณ์อย่างหนึ่ง ว่าอย่าพยายามก่อไฟกลางสายฝน เพราะไม่มีทางจุดติด" ทนาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนท่าที ทัศนคติที่เกี่ยวข้องการใช้สิทธิทางการเมืองของประชาชนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งแม้การชุมนุมจะจบลงแล้ว แต่ก็ขอเตือนรัฐบาลว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นและทัศนคติของรัฐบาลที่เป็นอยู่ในขณะนี้ มีแต่จะสร้างและสะสมความอึดอัด ความโกรธ ของประชาชนจำนวนมาก หากรัฐบาลไม่ปรับท่าทีปัญหานี้ก็จะย้อนกลับมา และเพื่อให้การดำเนินงานทางการเมืองของทุกฝ่ายสามารถเดินไปได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่จะลุกลามบานปลายไปเป็นความรุนแรงในอนาคต
 ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Korn Chatikavanij ถึงเหตุการณ์การชุมนุมว่า เมื่อเราเห็นรัฐบาลใช้ตำรวจในการสกัด ตรวจ จับ ทำร้าย และขับไล่ผู้มาชุมนุมเมื่อวานนี้แล้ว อาจจะมีชาวเสื้อแดงหลายคนรู้สึก 'สะใจ' แต่เมื่อเขาได้หยุดคิดสักนิดหนึ่ง เขาก็จะต้องตกใจว่า พวกเขาเองได้กลายเป็นศัตรูต่ออุดมการณ์ในเรื่องสิทธิเสรีภาพไปแล้วจริงหรือ
       ผมอยากจะฝากคำพูดของอดีตประธานาธิบดี Abraham Lincoln ว่า "ผมไม่ยอมเป็น 'ทาส' และเช่นเดียวกัน ผมก็จะไม่ยอมเป็น 'นายทาส' และนี่คือความหมายของการเป็นประชาธิปไตยในความคิดผม
        หรือถ้าพูดในภาษาเราก็คือ ในเรื่องของสิทธิเสรีภาพ 'อย่ามีสองมาตรฐาน' นั่นเอง
        ผมขอแถมด้วยว่า 'ฮิตเลอร์' เคยพูดไว้ว่า 'จะชนะได้ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ การใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง' ดูเหมือนถ้ารัฐบาลแดงคิดและปฏิบัติอย่างนี้ ก็คงจะมีจุดจบไม่ต่างกับฮิตเลอร์นั่นเอง
        "As I would not be a slave, so I would not be a master. This expresses my idea of democracy." Abraham Lincoln"
 นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่าจุดเปลี่ยนสำคัญของการชุมนุมครั้งนี้คือความรุนแรงที่รัฐบาลชุดนี้ออกแบบไว้ล่วงหน้า และพร้อมโจมตีผู้ชุมนุมทุกรูปแบบ ทั้งที่ผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ ไม่ได้ก่อความรุนแรงใดๆ โดยเฉพาะภาพที่ท่านสมณะโพธิรักษ์โดนเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาใส่เต็มๆ นั้น เป็นภาพที่สะเทือนใจมาก และสะท้อนความอำมหิตเหี้ยมเกรียมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ชัดเจน ทั้งที่ญาติธรรมจากสันติอโศกและกองทัพธรรมยึดมั่นถือมั่นกับหลักอหิงสาทางการเมืองมาโดยตลอด
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันอาทิตย์  ผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวจำนวน 138 คน ถูกปล่อยตัวจากกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 (ตชด.ภ.1) ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีแล้ว โดยมีญาติมารอรับกันเนืองแน่น
      นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า ยอดจำนวนผู้บาดเจ็บ สรุป ณ เวลา 09.30 น. วันที่ 25 พ.ย. มีทั้งหมด 82 ราย เป็นประชาชน 52 ราย แยกเป็นชาย 31 ราย หญิง 21 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 29 นาย และทหาร 1 นาย.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น