วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สงคราม ยืดเยื้อ ไม่จบ เพียง ′เสธ.อ้าย′ ยังมี เสธ.อื่นรออยู่ วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 10:40:56 น




คอลัมน์ การเมือง มติชน 26 พ.ย. 2555

การยอมสลายแต่โดยดีของม็อบ อพส.คล้ายกับเป็นชัยชนะของรัฐบาล เป็นชัยชนะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง-มิใช่
เพราะการชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเสมอเป็นเพียงยุทธการ 1 ในแผนการทั้งหมดอันมีการจัดวางเอาไว้แล้ว

หลังควันแก๊สน้ำตาจางรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ต้องเดินเข้าสภา

จากวันที่ 25 ถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน ไม่เพียงแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก หากแม้กระทั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ต้องถูกจับขึ้นเขียงในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ

นี่มิได้เป็นเรื่องในระบบรัฐสภาเท่านั้น หากแต่ที่สำคัญยังต้องเข้าสู่ระบบการถอดถอนผ่านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
และหากเข้าข่ายก็จะต้องเดินขึ้นสู่ตะแลงแกงแห่งศาลรัฐธรรมนูญในที่สุด

ขณะที่ในความเป็นจริง ม็อบ อพส.ที่ประกาศสลายตัวก็เสมอเป็นเพียง พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่อำลาจากไป คนอื่นๆ ยังอยู่ครบหน้า

และยังพร้อมจัด "ม็อบ" แช่แข็ง ปิดประเทศ ต่อไป



มีความจำเป็นไม่เพียงแต่แกนนำฝ่ายต้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้นที่จะต้องนำกรณีม็อบแช่แข็งมาศึกษา สังเคราะห์ อย่างเข้มงวด จริงจัง

หากแม้กระทั่ง พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ก็ต้องขบคิด พิจารณา

มองจากมุมของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประหนึ่งว่าจำนวนที่คาดหมายเอาไว้อย่างน้อย 1 แสน อย่างมาก 1 ล้าน ไม่ปรากฏเป็นจริง
แทนที่จะโทษตัวเอง กลับโทษรัฐบาล

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง จุดเริ่มต้นของม็อบ อพส.มิได้เริ่มต้นจากสภาพความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ในทางเศรษฐกิจ ในทางการเมือง

หากเริ่มต้นจากความเพ้อฝัน เริ่มต้นจากความปรารถนาในทางอัตวิสัย

นั่นก็คือ คิดเองเออเองว่าประชาชนไม่พอใจรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระทั่งจะสามารถก่อการปฏิวัติโดยประชาชนได้เหมือนที่เกิดขึ้นในตูนีเซีย ในอียิปต์ ในลิเบีย อย่างที่เรียกกันว่า "อาหรับสปริง"

เพ้อฝันถึงขนาดคิดจะแช่แข็ง คิดจะปิดประเทศอย่างน้อยเป็นเวลา 5 ปี

เมื่อเพ้อฝันกระทั่งเอาความปรารถนาส่วนตัวมากำหนดเป็นทิศทาง เป็นนโยบาย โดยมิได้คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงอย่างที่เป็นจริง ผลที่สุดก็ต้องล้มเหลว

และอาจจะล้มเหลวต่อไปหากไม่ปรับความคิดด้วยการหาสัจจะจากความจริงให้เข้มข้นขึ้น



ไม่เพียงแต่ อพส.จะวิเคราะห์สภาพของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผิดพลาดคลาดเคลื่อน หากยังอาศัยความเคยชินเก่ามาเป็นหนทางลัด

นั่นก็คือ เพ้อฝันที่จะก่อความรุนแรงขึ้นเพื่อเชื้อเชิญทหารให้ตัดสินใจ

ความพยายามของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ในการต่อสายไปยังแม่ทัพภาคที่ 1 ไปยังรอง ผบ.ทบ.หรือแม้กระทั่ง ผบ.ทบ. ก็เหมือนกับความพยายามของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในการต่อสายและเข้าพบ ผบ.ทบ.เมื่อปี 2549

เพราะรู้อยู่ว่าปัจจัยการเปลี่ยนแปลงย่อมมาจากการตัดสินใจของทหาร ของกองทัพ

แต่เมื่อได้รับการเมินเฉยจากกองทัพ แม้แต่การจะเข้าไปในกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

ปราสาททรายก็พังครืน

แม้ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ จะอำลาจากไปพร้อมกับบทเรียนอันแสนเจ็บปวดเพราะความอ่อนหัดทางการเมือง อ่อนหัดในการควบคุมมวลชน กระนั้น น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ก็ยังอยู่
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังอยู่

ขบวนการรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ก็ยังดำรงคงอยู่อย่างครบครัน เพียงแต่รอเวลาสอดประสานสำแดงตัวเข้ามาในเงื่อนไขอันเหมาะสมเท่านั้น

สงครามจึงยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร



การศึกยังมีอยู่ในหนทางรัฐสภา การศึกยังมีอยู่ในกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ องค์กรอิสระครบครัน

เพียงแต่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จักต้องบริหารราชการแผ่นดินด้วยความสุจริตโปร่งใส ยึดโยงอยู่กับผลประโยชน์ประชาชน สัมพันธ์กับมวลมหาประชาชนอย่างแนบแน่น

ประชาชนนั่นแหละจะเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็กให้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น