วันนี้ ( 26 พ.ย.) พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม แถลงภายหลังมีการยุติการชุมชุมนุมว่า ที่มีการประกาศยุติการชุมนุมไม่ใช่เพราะคนไม่มา แต่เป็นการเสียท่าให้กับตำรวจมากกว่า เพราะทราบว่าต้องเกิดเหตุการณ์รุนแรง ทั้งนี้ ยังยอมรับว่าผู้ชุมนุมน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และไม่มีเงินสนับสนุน เลยทำให้ม็อบไม่มีประสิทธิภาพมากพอ และขณะที่ประกาศยุติการชุมนุมอยู่บนเวทีก็มีคนโทรศัพท์มาต่อว่า และบอกว่ามีคนอีกหลายร้อยคนกำลังเดินทางมา
นอกจากนี้ พล.อ.บุญเลิศ ยังกล่าวปฏิเสธถึงกระแสข่าวที่มีคนบอกว่าตนรับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ยกเลิกการชุมนุม และไม่เป็นความจริงด้วย เพราะก่อนหน้านี้ตนเคยถูกเสนอให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสมัยนายสมัครสุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ตนยังไม่เอาเลย ส่วนสาเหตุหลักที่ต้องยุติการชุมนุมคือ ไม่อยากให้คนบาดเจ็บและล้มตาย
ขณะที่การเปิดเส้นทางเข้า 2 เส้นทางหลักของตำรวจนั้น ก็ไม่เพียงพอ เพราะผู้ชุมนุมที่มาจากเส้นทางอื่น เช่น ถนนพระราม 8 ไม่สามารถเข้าได้ ตลอดจนการปิดสะพานมัฆวานรังสรรค์ก็ทำให้ประชาชนถูกแยกออกเป็นสองกลุ่ม และมีบางส่วนเข้าไปยังลานพระบรมรูปทรงม้าไม่ได้ จึงเป็นสาเหตุทำให้ผู้ชุมนุมต้องตัดลวดหนามและรื้อแบร์ริเออร์ ก่อนจะถูกยิงแก๊สน้ำตา และเห็นว่าการดำเนินการของตำรวจก็ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามข้อตกลง เพราะตนได้ยืนยันแล้วว่าจะไม่บุกรุกทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา ขณะเดียวกัน เมื่อมีผู้กำลังเข้าร่วมชุมนุมเห็นว่ามีการใช้แก๊สน้ำตา ก็ทำให้ไม่อยากมาชุมนุม เพราะกลัวอันตราย อีกทั้งมีกลุ่มผู้ชุมนุมเสนอให้มีการพังแบริเออร์ด้วยซ้ำ แต่ตนก็ไม่เห็นด้วย และคิดว่าให้ยกเลิกการชุมนุมดีกว่า ทั้งๆ ที่ยังดำเนินการต่อไปได้ มากกว่านั้นก็คิดว่าคนของเราคงสู้ตำรวจไม่ได้
ขณะที่การเปิดเส้นทางเข้า 2 เส้นทางหลักของตำรวจนั้น ก็ไม่เพียงพอ เพราะผู้ชุมนุมที่มาจากเส้นทางอื่น เช่น ถนนพระราม 8 ไม่สามารถเข้าได้ ตลอดจนการปิดสะพานมัฆวานรังสรรค์ก็ทำให้ประชาชนถูกแยกออกเป็นสองกลุ่ม และมีบางส่วนเข้าไปยังลานพระบรมรูปทรงม้าไม่ได้ จึงเป็นสาเหตุทำให้ผู้ชุมนุมต้องตัดลวดหนามและรื้อแบร์ริเออร์ ก่อนจะถูกยิงแก๊สน้ำตา และเห็นว่าการดำเนินการของตำรวจก็ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามข้อตกลง เพราะตนได้ยืนยันแล้วว่าจะไม่บุกรุกทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา ขณะเดียวกัน เมื่อมีผู้กำลังเข้าร่วมชุมนุมเห็นว่ามีการใช้แก๊สน้ำตา ก็ทำให้ไม่อยากมาชุมนุม เพราะกลัวอันตราย อีกทั้งมีกลุ่มผู้ชุมนุมเสนอให้มีการพังแบริเออร์ด้วยซ้ำ แต่ตนก็ไม่เห็นด้วย และคิดว่าให้ยกเลิกการชุมนุมดีกว่า ทั้งๆ ที่ยังดำเนินการต่อไปได้ มากกว่านั้นก็คิดว่าคนของเราคงสู้ตำรวจไม่ได้
เมื่อถามว่าคิดผิดหรือไม่ที่ตัดสินใจให้มีการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมานั้น พล.อ.บุญเลิศ บอกว่า คิดดีแล้ว และตั้งใจจะให้มีการชุมนุมในวันดังกล่าว สรุปก็คือว่า 1.ตำรวจขัดขวางการชุมนุมและไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ ซึ่งเรื่องนี้กำลังให้ทนายความพิจารณาอยู่ว่าจะฟ้องตำรวจทำผิดรัฐธรรมนูญ 2.หากดันทุรังให้ชุมนุมต่อ ก็อาจจะทำให้คนของเราเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จึงไม่เสี่ยงดีกว่า และยังยืนยันว่าไม่รับเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ยกเลิกการชุมนุม
พล.อ.บุญเลิศ ยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้กำลังเตรียมร่างหนังสือขอลาออกจากประธานมูลนิธิศิษย์เก่าเตรียมทหาร และองค์การพิทักษ์สยาม แต่ยังไม่ได้ประสานว่าจะให้ใครเป็นแกนนำต่อไป และยังไม่ได้มีการพูดคุยกับน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และพร้อมจะยุติการเคลื่อนไหวทั้งหมด เว้นมีการจาบจ้วงสภาบันพระมหากษัตริย์ และหากมีการชุมนุมหลังจากนี้ก็ไม่ใช่กลุ่มของตนแน่นอน และจะไม่เห็นตนอีกแล้ว เพราะเสธ.อ้าย ตายไปแล้ว มีเพียงแต่การกองทุนเยียวยาผู้ได้บาดเจ็บจากการชุมนุมและช่วยผู้ที่ถูกจับกุมเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พล.อ.บุญเลิศ บอกว่า รู้สึกน้อยใจตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่เรียนเตรียมทหารมา และน้อยใจทหารที่ไม่ให้การช่วยเหลือ ท้ายที่สุดก็คือว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เพราะเนื่องจากทราบข่าวว่ามีการเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ตำรวจเสียชีวิต 2 นาย และกระแสข่าวที่จะมีการชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค. ก็ไม่ทราบว่าออกมาจากไหน เพราะยืนยันแล้วว่าจะไม่มีการชุมนุม
อย่างไรก็ตาม พล.อ.บุญเลิศ บอกว่า รู้สึกน้อยใจตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ทั้งที่เรียนเตรียมทหารมา และน้อยใจทหารที่ไม่ให้การช่วยเหลือ ท้ายที่สุดก็คือว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เพราะเนื่องจากทราบข่าวว่ามีการเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ตำรวจเสียชีวิต 2 นาย และกระแสข่าวที่จะมีการชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค. ก็ไม่ทราบว่าออกมาจากไหน เพราะยืนยันแล้วว่าจะไม่มีการชุมนุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น