|
ภาพจาก ข่าวสด |
เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 30 พ.ย. ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบถามการเพิกถอนคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวกลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.จำเลยคดีก่อการร้ายรวม 6 คน
ประกอบด้วย นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 นพ. เหวง โตจิราการ จำเลยที่ 4 , นาย ก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่ 5 ,นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย จำเลยที่ 10 ซึ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย , นาย การุณ หรือเก่ง โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 9 และนายภูมิกิติหรือ พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง จำเลยที่ 11 โดยเฉพาะนายก่อแก้ว ถูกนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ และสำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ ยื่นคำร้อง และส่งพยานวัตถุแผ่นซีดีการให้สัมภาษณ์สื่อต่าง ๆต่อศาลว่า นายก่อแก้วมีพฤติการณ์ข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 และตัดงบประมาณ ศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่ากระทำผิดเงื่อนไขการประกัน
โดยวันนี้ ศาลนัดให้นายก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่ 5 เพียงคนเดียว นำพยาน 3 คนเข้าเบิกความตอบคำถามทนายความเพื่อหักล้างคำร้องของนายนิพิฏฐ์และ สำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญรวมโดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช.เบิกความสุรปว่า ปกติแล้วนายก่อแก้วเป็นคนเงียบขรึม และปราศรัยให้ความรู้กับมวลชน ซึ่งแกนนำทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ แต่การจะขับเคลื่อนมวลชนนั้น ซึ่งจะรับคำสั่งเป็นทางการ ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นแนวทางของ นปช. แต่กลับถูกจำกัดโดยศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นแรงผลักดันให้นายก่อแก้ว ที่มีอาชีพวิศวกรด้วย จะต้องมีการคาดการณ์ล่วงหน้า ทั้งเรื่องที่ดีที่สุด และเรื่องแย่ที่สุด กรณีที่แย่ที่สุดก็ต้องหาทางรับมือ แต่กรณีนี้ไม่ได้เป็นการยุให้คนเสื้อแดง ทำร้ายตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือประเทศชาติ เป็นเพียงแค่คำพูดขยายความ และไม่มีเหตุผลใดที่นายก่อแก้วจะก่อความวุ่นวายเสียหายให้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และตัวเอง เพราะนายก่อแก้วก็ประกอบธุรกิจหลายอย่างด้วย และนายก่อแก้วก็เป็นแกนนำคนสำคัญของกลุ่มนปช.ที่ทำให้เกิดความสงบ ทั้งนี้การพูดของนายก่อแก้วบางครั้งอาจจะมีอารมณ์บ้าง แต่ไม่ได้มีผลต่อการปฏิบัติ ไม่ควรนำมาให้เป็นเรื่องเป็นราว พยานจึงขอความกรุณาและความเห็นใจจากศาลด้วย
ต่อมานายก่อแก้วเข้าเบิกความสรุปว่า เหตุที่ตนต้องไปพูดบนเวทีปราศรัย เนื่องจากการเลือกตั้งเมื่อปี 54 ที่พรรคเพื่อไทยชูนโยบายแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตนได้ดำเนินการตามที่ได้หาเสียงไว้ สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะแก้ไขทั้งฉบับ ยกเว้นหมวดพระมหากษัตริย์ โดยเมื่อร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ก็ต้องขอประชามติจากประชาชน ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านวาระ 2 ในสภาแล้ว ต่อมามีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ซึ่งรัฐบาลก็เห็นด้วย ทำให้ฝ่ายค้านออกมาโต้แย้ง รวมทั้งกลุ่ม พันธมิตรฯ ออกมาเคลื่อนไหวปิดล้อมหน้ารัฐสภา ทำให้ พ.ร.บ.ปรองดองไม่สามารถเดินต่อได้ โดยกลุ่มพันธมิตรฯได้สื่อสารให้ทราบกันทั่วกันว่า พ.ร.บ.ปรองดอง เป็นการช่วยเหลือคนคนเดียวและชักชวนให้ประชาชนออกมาชุมนุมคัดค้าน ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า พ.ร.บ.ปรองดอง จะมีประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก ทำให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งเวทีปราศรัยทั่วประเทศรวม 20 เวทีให้ความรู้แก่ประชาชน 2 เรือง คือ ทำไมต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ ทำไมต้องปรองดอง โดยตนขึ้นเวทีปราศรัย 5 เวทีเท่านั้น
นายก่อแก้ว แถลงว่า ส่วนกรณีที่สนง.เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ ส่งเอกสารการถอดคำปราศรัยของตนที่ข่มขู่ เกี่ยวกับการตัดงบประมาณของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตนเป็นกรรมาธิการงบประมาณ ของสภาฯ มีหน้าที่พิจารณา และติชมทุกหน่วยงานที่เข้ามาชี้แจง รวมทั้งมีสิทธิเสนอปรับลดงบประมาณให้หน่วยงานใดก็ได้ แต่จะมีผลอย่างไรนั้นก็เป็นการลงมติของที่ประชุม โดยตนไม่มีสิทธิไปบังคับใครให้เห็นชอบ หรือคัดค้าน การที่ศาลรัฐธรรมนูญอ้างว่า ตนใช้อำนาจหน้าที่ข่มขู่จะตัดงบประมาณ นั้น ไม่เป็นความจริง ที่ตนบอกว่าจะตัดงบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็นเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ในฐานะกรรมาธิการเพื่อ ประหยัดงบประมาณของชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีอาจารย์หลายสถาบันเสนอให้ยุบศาลรัฐธรรมนูญ ตนก็มีความเห็นคัดค้าน เพราะองค์กรศาลรัฐธรรมนูญไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาที่ตัวบุคคล
นายก่อแก้ว แถลงว่า ส่วนที่ตนไปปราศรัยย่านมีนบุรีเป็นช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ตนรับข่าวหลายกระแส ไปในทางลบ จนเกิดวิตกว่า รัฐบาลชุดนี้จะถูกยุบโดยศาลรัฐธรรมนูญอีก ทั้งเกรงว่า ตนจะถูกกล่าวหาว่า ล้มล้างการปกครองเป็นกบฏ มีโทษประหารชีวิต จนเกิดวิตกกังวลมาก ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ส่วนที่อ้างว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครอง และคนเสื้อแดงจะไป จับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตนยอมรับว่า เป็นคนพูดจริง แค่เพียงต้องการไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญใช้อารมณ์วินิจฉัยบิดเบือนข้อกฎหมาย ขอยืนยันว่า ไม่ได้ข่มขู่ แต่แสดงความห่วงใย ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ส่วนถ้อยคำที่ว่า จะให้คนเสื้อแดงจับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นการสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกมวลชนคนเสื้อแดงประชดประชันให้สังคมได้รับรู้ ที่ผ่านมาก็มีคนเสื้อแดงมาระบายความรู้สึกเช่นกับที่ที่ตนพูดออกไป ซึ่งตนก็ห้ามปรามให้ ใจเย็นๆ และเป็นการสะท้อนอารมณ์ด้านมืดเท่านั้น
ด้านนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีต ประธาน นปช. เบิกความสรุปว่า ฝ่ายที่มีแนวคิดประชาธิปไตย ถือเป็นแนวทางถูกต้อง ดูจากข้อกล่าวหาที่นายนิพิฏฐ์ และศาลรัฐธรรมนูญร้องนายก่อแก้วเข้ามานั้น ตนคิดว่านายก่อแก้ว ทำถูกแล้วที่กล้าเสนอความคิดเห็นของตนเอง เป็นแนวทางของสังคม ซึ่งเป็นการวิเคราะห์และห้ามปรามเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง หากใครรู้จักคบหานายก่อแก้วจะรู้ว่า ไม่ใช่คนเกเร เชื่อว่านายก่อแก้วมีเจตนาดีต่อระบอบ ประชาธิปไตย เท่าที่ตนทราบมานายก่อแก้วไม่เคยผิดเงื่อนไขสัญญาประกันต่อศาลเลย
ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. หลังจากที่ศาลอาญาได้นัดสอบถามพยานฝ่ายนายก่อแก้ว พิกุลทอง และนัดฟังคำสั่งว่าจะถอนประกันหรือไม่ ซึ่งศาลได้สั่งเพิกถอนประกันนายก่อแก้ว (จำเลยที่5) เนื่องจากศาลเห็นว่าในการแถลงข่าวที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2555 และกรณีไปปราศรัยที่มีนบุรีผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว เพราะคำแถลงดังกล่าวเป็นการมุ่งร้าย ข่มขู่ต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนจำเลยอีก 4 ราย ไม่เพิกถอนประกัน แต่ห้ามออกนอกประเทศ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น