วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ว่าด้วยความซวย!!! ท่านขุนน้อย 13 November 2555 - 00:00



 เหตุการณ์แผ่นดินไหวระดับ 5.8 ริกเตอร์ในพม่า ช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา...ย่อมถือเป็น ความซวย อย่างไม่พึงต้องสงสัย แต่ความซวยที่ว่า มันจะเกี่ยวพันกับกำหนดการเดินทางไปเยือนพม่า ของประธานาธิบดีสหรัฐ อย่าง บารัก โอบามา ซึ่งจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หรือไม่ อย่างไร หรือจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโฉบไป โฉบมา แล้วแอ่นระแน้ร่อนลงที่ดงฝ้ายของ นายใหญ่ แห่งพรรคเผาไทย เมื่อไม่กี่วันมานี้...
                               ---------------------------------------------------
    ในเรื่องนี้...ผู้เชี่ยวชาญด้านลางร้ายแห่งประเทศไทย ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ใดๆ กับหมอดูอีทีแห่งพม่า ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า ถ้าหากไม่ใช้วิธีดูหมอ แบบบรรดาหมอดูทั่วๆ ไปทั้งหลาย แต่หันมาใช้วิธีนำเอาวิชาสถิติ มาเทียบเคียงอย่างเป็นขั้น เป็นตอน แบบพวกหมอดูฟุตบอล หรือนักทำนายผลบอลแล้วล่ะก็ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า โอบามา นั้น ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับความซวยดังกล่าว เอาเลยแม้แต่น้อย เพราะโดยสถิติที่เกี่ยวข้องกับความฉิบหายทั้งหลาย ทั้งปวง นั้น เมื่อเทียบกันแบบช็อตต่อช็อตแล้ว นายใหญ่ ของเราน่าจะมีภาษีดีกว่าเยอะแยะมากมาย เรียกว่า...พอๆ กับเอาสถิติของ แมนยูฯ ซึ่งอยู่อันดับหนึ่งของตาราง ไปเปรียบเทียบกับ ควีนส์ปาร์ค แรงเยอร์ ที่กำลังดิ้นรนอยู่ท้ายๆ ตาราง อะไรประมาณนั้น...
                                ------------------------------------------------
    ไม่ว่าจะไล่มาตั้งแต่ความซวย ที่เกิดขึ้นกับทีมเรือใบสีฟ้า แมนซิตีฯ ที่สโมสรแทบแตก ก็ไม่ใช่เหตุเพราะ นายใหญ่ เข้าไปซื้อสโมสรดอกหรือ หรืออภิมหาเศรษฐีดูไบ ที่เปิดพื้นที่ให้ นายใหญ่ ปักหลัก ปักฐาน อยู่ในทุกวันนี้ ก็หวิดจะเจ๊งกันไปทั้งเมือง ทั้งรัฐ แทบไม่เหลือเงินใช้หนี้ อันนี้ก็เรียกว่า ซวย กันเห็นๆ กระทั่งประธานาธิบดี สุสีโล บัมบัง ยุทโธโยโน ที่อุตส่าห์กอบกู้การเมือง เศรษฐกิจ ของอินโดนีเซีย จนเริ่มเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ขึ้นมาบ้างนิดๆ แต่พอเปิดพื้นที่ให้ นายใหญ่ โผล่เข้าไปเยือนอินโดนีเซีย นั่งหน้าบานถ่ายรูปอยู่ข้างๆ ตัวเท่านั้น แวบเดียว...เจอเข้ากับแผ่นดินไหวระดับ 6.6 ริกเตอร์ หวิดๆ จะหวนกลับไปสู่ความเจ๊ง แบบเส้นยาแดงผ่าแปด...
                                -----------------------------------------------
    แม้แต่ โอบามา ที่ว่ามีฤทธิ์ มีเดช มีอำนาจ บารมี ระดับผู้นำโลก หรือประมุขของโลกก็เถอะ...แค่ลองเปิดพื้นที่ออกวีซ่าให้ นายใหญ่ ไปเดินเล่นในอเมริกา ได้พักเดียวเท่านั้น ไม่เพียงแต่คนไทยในอเมริกา จะยกพวกตีกัน จนฐานเสียงของ โอบามา แทบจะแตกเป็นชิ้นๆ อีกซักพักต่อมา ยังต้องเจอกับพายุพิโรธ เจอกับไฟป่า ภาวะคลื่นความร้อน คุกคาม
อเมริกา ชนิดไม่ว่าทั้งรีพับลิกัน หรือเดโมแครต ถึงกับต้องหยุดหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายเอาเลยถึงขั้นนั้น กระทั่งเกาะเล็กๆ อย่างฮ่องกง ซึ่งเคยยอมเปิดพื้นที่ให้ นายใหญ่ ใช้เป็นสถานที่จัดงานวันเกิดไปหมาดๆ พอถึงช่วงงานวันเกิดของ นายใหญ่ เข้าจริงๆ พายุ วินเซนเต ที่ทำท่าว่าจะขึ้นฝั่งแถวๆ เวียดนาม ดันกลับหันหัว หันหาง พุ่งขึ้นไปถล่มเกาะไหหลำ และเกาะฮ่องกงกันเห็นๆ...
                               ------------------------------------------------
    ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากจะว่ากันถึงความซวยของชาวพม่า และรัฐบาลหม่อง ที่ต้องเจอกับฤทธิ์เดชแผ่นดินไหว แถวๆ เมืองมัณฑะเลย์ เล่นเอาสิ่งก่อสร้าง อาคาร ร้านค้า รวมทั้งชีวิตประชาชนนับสิบๆ ต้องพังพินาศ วอดวาย ไปตามๆ กัน โดยมุมมองทางไสยศาสตร์ หรือในแง่ลางร้ายวิทยาแล้ว สิ่งต่างๆ ที่ว่านี้น่าจะเกี่ยวพันกับ นายใหญ่ มากซะยิ่งกว่า โอบามา อย่างไม่พึงต้องสงสัย และถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะกิตติศัพท์ ว่าด้วยฤทธิ์เดชแห่งความซวย หรือความเป็น ตัวซวย ของ นายใหญ่ หนังสือพิมพ์ อีพอคไทมส์ ที่มียอดจำหน่ายกว่า 1.4 ล้านฉบับ คงไม่คิดจะยกย่อง เทิดทูน ให้ติดอันดับ 1 ใน 16 ของผู้นำ ที่สามารถสร้างความฉิบหายให้กับผู้อื่น ได้อย่างชนิดโกบิ๊ก โกอินเตอร์ ไปเรียบโร้ยย์ย์แล้ว...
                                -------------------------------------------------
    แต่ก็นั่นแหละ...ถึงแม้ว่าความเป็นตัวซวย หรือขีดความสามารถในการสร้างความซวยของ นายใหญ่ นับวันจะเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาแล้ว ผู้ที่พร้อมจะซวยไปด้วย หรือผู้ที่ปลาบปลื้ม ดื่มด่ำ หลงใหล อยู่ในความซวย พร้อมที่จะเอากงจักรมาประดับศีรษะแทนดอกบัว คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...ก็ยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมิใช่น้อย ไม่ว่าจะไล่มาตั้งแต่ปุถุชนคนธรรมดา นักธุรกิจ นักการเมือง ข้าราชการ สื่อมวลชน นักวิชาการ ไปจนกระทั่งพระสงฆ์องคเจ้าก็เถอะ ภายใต้สภาพเช่นนี้...แน่ล่ะว่ามันย่อมต้องส่งผลให้ประเทศไทย ตกอยู่ในสภาพ ซวยไม่เสร็จ กันซักที...
                               ---------------------------------------------------
    เรียกว่า...กว่าครึ่งทศวรรษเข้าไปแล้ว ตลอด 5 ปี 6 ปี ต่างตกอยู่ในสภาพซวยกันมาโดยตลอด มีทั้งเผาบ้าน เผาเมือง เผาศาลากลางจังหวัด แทบทั่วทั้งประเทศก็แล้ว พอไฟมอดลงไปได้ไม่เท่าไหร่ ยังดันต้องเจอกับสายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ ฉิบหาย วายวอด กันไปเป็นแถบๆ แต่พอจะลืมตา อ้าปาก ขึ้นมาบ้าง ก็ดันเจอกับนโยบายประชานิยม ที่มุ่งผลาญเงิน ผลาญทอง แบบสุดแสนจะสุรุ่ยสุร่าย ไม่ว่ารถคันแรก บ้านหลังแรก จำนำข้าว จำนำหอม กระเทียม ชนิดเน่าแล้วเน่าอีก ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้ผู้คนซึ่งไม่อยากที่จะซวยอีกต่อไป หรือพยายามดิ้นรน เพื่อให้พ้นไปจากความซวยให้จงได้ ถึงได้เกิดแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ คิดจะปิดฉาก ปิดกล่องรัฐบาล ไม่ว่าจะด้วยกรรมวิธีใดๆ ก็แล้วแต่...
                                ------------------------------------------------
    แต่จะไปคิดดิ้นรนปิดฉากความซวยในรัฐสภาล้วนๆ นั้น...มันคงลำบาก เนื่องจากสภาทั้งสภา มันเต็มไปด้วยความซวยและตัวซวย เดินเพ่นพ่านชนิดตัวเงิน-ตัวทองแท้ๆ ยังต้องยอมชิดซ้าย ตกคู ตกคลอง เอาดื้อๆ การอาศัยวิถีทางประชาธิปไตยนอกสภา มันจึงเป็นสิ่งซึ่งมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย เพียงแต่มันจะทำให้บรรดาความซวยทั้งหลายหมดสิ้นลงไป หรือจะทำให้ซวยเพิ่มขึ้นไปอีก อันนี้...ก็ขึ้นอยู่กับว่าบรรดาปวงชนชาวไทยทั้งหลายนั่นเอง ที่จะเป็นผู้ชี้ขาด ถ้าหากผู้ที่ยังมองไม่เห็นความซวย และตัวซวย ว่าคืออะไรกันแน่ แถมยังรักสมัครใจที่จะซวยต่อไปเรื่อยๆ กับผู้ที่ไม่อยากจะซวยต่อไปอีกแล้วโดยเด็ดขาด ดันต้องหันมาเล่นงานกันเอง ปะทะกันเอง ชนิดเลือดนองท้องช้าง ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย คงหนีไม่พ้นที่จะต้องถูกจัดให้เป็น ประเทศที่ซวยที่สุดในโลก อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อย...
                               ------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Gray (อีกครั้ง)...Where ignorance is bliss, it is folly to be wise. - ที่ใดที่ความโง่ดีกว่าความฉลาด ที่นั้นความฉลาดก็คือ ต้องโง่เข้าไว้...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น