22ธ.ค.ไล่ยิ่งลักษณ์ ‘เทือก’ดีเดย์รอบ3นัดใหญ่‘ปู’ด้าน!กอดเก้าอี้หาเสียง
“ปู” อาศัยตำแหน่งนายกฯ รักษาการ ดอดลงพื้นที่หาเสียงกับคนอีสานล่วงหน้า แบไต๋คัมแบ็กนายกฯ สมัย 2 แถลงยันหัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่ลาออกตามข้อเรียกร้องของ “กปปส.” อย่างแน่นอน “เทือก” ฉุนท้าทายมวลมหาประชาชน ประกาศดีเดย์ครั้งใหญ่ไล่ยิ่งลักษณ์ 22 ธ.ค. ลั่นไล่จนกว่าจะออกไป ด้านขี้ข้าเริ่มทำงาน รวมกว่า 20 คดีไว้เป็นคดีพิเศษ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคาร ที่สโมสรทหารบก ถึงกรณีคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งรักษาการ นายกรัฐมนตรี ว่าตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ถือเป็นความรับผิดชอบของนายกฯ ที่ต้องบริหารประเทศจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ ไม่ใช่ว่าจะลาออกได้เลย และมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งขึ้นมาแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนจะต้องไปเลือกตั้งตามพระราชกฤษฎีกาวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า ต้องเรียนว่าตนมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา หากจะขอไป ก็ขอไปโดยกระบวนการของการเลือกตั้ง และเชิญชวนทุกคนให้ใช้กติกาการเลือกตั้งที่ถือเป็นกติกาที่นานาประเทศยอมรับในการตัดสินผู้ที่จะมาเป็นผู้นำรัฐบาล ส่วนผู้ที่จะมานำเรื่องการปฏิรูปประเทศก็มีกลไกอยู่ และอยากเชิญชวนทุกคนว่า กลไกนี้เป็นกลไกที่ได้รับการยอมรับ จึงขอความเห็นใจว่าเรามาจากการเลือกตั้ง ก็อยากให้การเลือกตั้งเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังมีเวลา เพราะจะมีการเปิดรับสมัครระบบบัญชีรายชื่อในวันที่ 23-27 ธันวาคมนี้ ให้พรรคเพื่อไทยประชุมกันก่อน ทั้งนี้ ย้ำว่าอยากเชิญชวนให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ในต่างจังหวัดที่เห็นด้วยกับการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเสียงของประชาชนทุกคนที่เป็นเจ้าของการตัดสินใจอนาคตของประเทศ จะถือเป็นการสะท้อนความต้องการของประชาชนโดยแท้จริง
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นรัฐบาลรักษาการ จะทำอย่างไรให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์และยุติธรรม น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.ได้มีการขอความร่วมมือ เพราะรัฐบาลต้องประสานกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้ง รัฐบาลยินดีให้ความร่วมมือในการจัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม และโปร่งใส อีกทั้งขอเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งให้ผลการเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับของทุกคน
รักษาการนายกฯ กล่าวถึงการจัดเวทีเพื่อเสวนาหาทางออกประเทศว่า หลายเวทีเริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้น และมีสิ่งหนึ่งที่เราเห็นตรงกันคือ ทุกคนอยากเห็นการปฏิรูปประเทศ รัฐบาลอยากเห็นการสนับสนุนเช่นนี้ เพราะถึงเวลาแล้วที่จะพัฒนาในสิ่งที่เป็นความต้องการของประชาชน ส่วนเนื้อหารายละเอียดของแต่ละเวทีเริ่มมีมากขึ้น จึงขอเชิญชวนให้ทุกเวทีเปิดให้มีการพูดคุยมากขึ้น เพื่อให้เห็นกรอบเวลาของการปฏิรูปว่าจะทำให้เกิดเวทีปฏิรูปได้อย่างไร
“การจะทำให้การปฏิรูปเกิดขึ้นแล้วมีผลบังคับใช้นั้น ต้องกลับไปอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องอาศัยรัฐบาลชุดใหม่เข้ามานำกรอบของการดำเนินการดังกล่าวไปตราเป็นกฎหมายเพื่อบังคับใช้เป็นหลักสากลตามระบอบประชาธิปไตย” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว และตอบคำถามที่ว่า ถ้ามีโอกาสอยากจะกลับมาทำงานบริหารประเทศและแก้ปัญหาให้กับประชาชนอีกหรือไม่ ว่าต้องรอให้มีการเลือกตั้งก่อน ยังไม่ขอพูดประเด็นนี้ ส่วนตัวสนับสนุนให้มีการปฏิรูป เพราะเราได้เสนอให้มีเวทีปฏิรูปมาก่อนหน้านี้แล้ว
ยิ่งลักษณ์อ้าง ปชช.
เธอย้ำว่า “ดิฉันเป็นคนไทย เกิดบนแผ่นดินไทย ก็อยากทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน น้อมรับในทุกบทบาท ที่พี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินให้ดิฉัน และจะขอยืนเคียงข้างรับใช้พี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน”
“การจะทำให้การปฏิรูปเกิดขึ้นแล้วมีผลบังคับใช้นั้น ต้องกลับไปอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องอาศัยรัฐบาลชุดใหม่เข้ามานำกรอบของการดำเนินการดังกล่าวไปตราเป็นกฎหมายเพื่อบังคับใช้เป็นหลักสากลตามระบอบประชาธิปไตย” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว และตอบคำถามที่ว่า ถ้ามีโอกาสอยากจะกลับมาทำงานบริหารประเทศและแก้ปัญหาให้กับประชาชนอีกหรือไม่ ว่าต้องรอให้มีการเลือกตั้งก่อน ยังไม่ขอพูดประเด็นนี้ ส่วนตัวสนับสนุนให้มีการปฏิรูป เพราะเราได้เสนอให้มีเวทีปฏิรูปมาก่อนหน้านี้แล้ว
ยิ่งลักษณ์อ้าง ปชช.
เธอย้ำว่า “ดิฉันเป็นคนไทย เกิดบนแผ่นดินไทย ก็อยากทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน น้อมรับในทุกบทบาท ที่พี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินให้ดิฉัน และจะขอยืนเคียงข้างรับใช้พี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุม ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รักษาการ รมว.คมนาคม, นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รักษาการ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ, นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รักษาการ รมช.การคลัง, นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รักษาการ รมช.มหาดไทย, นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย,
พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกฯ เดินทางจากกองบัญชาการกองทัพอากาศ กองบินที่ 6 ด้วยเครื่องบินกองทัพอากาศ ถึงท่าอากาศยาน จ.บุรีรัมย์ โดยมีนายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าฯ จ.บุรีรัมย์ ข้าราชการและประชาชนมารอต้อนรับจำนวนมาก ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์พูดกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับว่า “มาอย่างนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย”
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะเดินทางต่อไปยัง จ.สุรินทร์ โดยระหว่างที่ขบวนรถนายกฯ และสื่อมวลกำลังมุ่งหน้าเดินทางไปยัง จ.สุรินทร์ เมื่อถึงจุดโรงพยาบาลนางรอง ปรากฏว่ามีกลุ่มมวลชนสองข้างทางจำนวนหลายร้อยคนยืนโบกธงชาติไทย เป่านกหวีด และมือตบ ตะโกนขับไล่ “ยิ่งลักษณ์ออกไป” จากตำแหน่งรักษาการนายกฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 1 กองร้อยยืนสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มมวลชนเข้ามายังบริเวณพื้นถนน โดยไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงแต่อย่างใด
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กปปส.ต้องการให้มีการเลื่อนเลือกตั้งออกไปว่า เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องพิจารณา ทราบว่ามีการขนผู้ชุมนุมจากภาคใต้ จะเข้ามาในวันที่ 22 ธ.ค. เพราะวันที่ 23 ธ.ค. เป็นวันรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ เพื่อปิดล้อมไม่ให้ผู้สมัครสามารถเข้าไปสมัครได้ ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร แต่รู้ว่าทำการใหญ่แน่ จึงถือว่าเป็นขัดขวางพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ผิดกฎหมาย อาจจะถึงข้อหากบฏ เชื่อว่าบ้านเมืองยอมไม่ได้ และไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง สิ่งใดที่ไม่พอใจรัฐบาลนั้น เคารพทุกอย่าง แต่การปิดสถานที่การเลือกตั้ง เท่ากับเป็นการไม่ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า ขอถามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ถึงการปฏิรูปการเมือง ว่ารูปแบบคืออะไร กปปส.มาจากไหน ตอนเป็นรัฐบาล 2 ปี 6 เดือนทำไมไม่ทำ ตนอ่านว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังสองจิตสองใจ ห้าสิบห้าสิบจะไม่ลงเลือกตั้ง เพราะรู้ว่าลงก็แพ้ ขอเตือนนายสุเทพว่า ขณะนี้ประชาชนออกมาสูงสุดได้แค่ 220,000 คน ไม่ได้มี 4-5 ล้านคน จะเอาที่ไหนมายืน แต่คนอีกส่วนหนึ่งที่รอดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นธรรม
“เขากำลังคิดว่าสิ่งที่ กปปส.ทำมีกฎหมายรองรับหรือไม่ วันนี้ทั้งตุ๊ดทั้งแต๋วก็ต้องออกมาด่าผม หากผมไม่พูดบ้างก็จะเสียบุคลิก ที่ไม่ให้ความจริงต่อประชาชน ผมก็เรียนหนังสือมาไม่น้อยกว่าพวกมัน”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว และว่า ในมุมมองของตนถ้ารัฐบาลใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตามคำร้องของ กกต. มั่นใจว่ามีการเลือกตั้ง ส่วนที่ระบุว่า กกต.มีอำนาจเลื่อนการเลือกตั้งนั้น ไม่มี เอากฎหมายมาจากไหน นั่นต้องเกิดอาเพศเหตุร้าย ฝนตกฟ้าร้อง พายุ น้ำท่วม คนเดินทางไปมาไม่ได้ แต่ในลักษณะปกติอย่างนี้ไม่มีเหตุ
วอน กกต.เลื่อนเลือกตั้ง
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กปปส.ที่ประกอบด้วย นายสาธิต เซกัล, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ, นพ.ระวี มาศฉมาดล, นายคมสันต์ ทองศิริ, พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี ได้เดินทางเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ กกต.ทั้ง 5 คน เพื่อขอให้พิจารณาเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งออกไปก่อน จนกว่าจะมีการปฏิรูปประเทศไทยเสร็จสิ้น ทั้งนี้ นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ได้นำทีม กกต.หารือกับ กปปส. ขาดเพียงนายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยเพียงคนเดียว
โดยนายสมศักดิ์ได้อ่านจดหมายเปิดผนึกว่า กปปส.มีเจตนารมณ์ร่วมกันกำจัดระบอบทักษิณให้สิ้นไปจากประเทศไทย ทั้งมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดยวิธีการปฏิรูปประเทศไทยอย่างน้อย 5 ด้าน ซึ่งการปฏิรูปดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยประชาชนได้แสดงออกถึงความต้องการในการกำจัดระบอบทักษิณ และต้องการปฏิรูปประเทศไทยโดยเปิดเผยตัวตนบนท้องถนนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคนในวันที่ 24 พ.ย.56 และไม่น้อยกว่า 5 ล้านคนในวันที่ 9 ธ.ค.56
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า เมื่อมีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 มวลมหาประชาชนไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง แต่มีความเห็นเป็นหนึ่งเดียวว่า ต้องมีการปฏิรูปประเทศไทยให้เสร็จสิ้นก่อน ทั้งการเลือกตั้งในวันดังกล่าวมิอาจแก้ไขปัญหาของประเทศไทยในขณะนี้ได้ มิอาจหยุดยั้งวงจรอุบาทว์ทางการเมืองได้
"กปปส.ขอเสนอความเห็นต่อ กกต. โปรดพิจารณาเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งออกไปก่อน จนกว่าการปฏิรูปประเทศไทยจะเสร็จสิ้น ทั้งนี้ กกต.สามารถใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเสนอความเห็น คำปรึกษา คำแนะนำต่อรัฐบาลรักษาการ ทั้งการเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งสามารถกระทำได้ตามบทบัญญัติ มาตรา 184 และมาตรา 187 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย" นายสมศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวว่า พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งเป็นพระราชอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กปปส.ต้องเห็นใจ กกต.ด้วย เราก็เพิ่งรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เราเห็นด้วยกับการปฏิรูปการเลือกตั้ง ถ้าเลื่อนวันเลือกตั้งไม่ได้จริงๆ ก็อยากให้เข้ามามีส่วนร่วม
"ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจ เราเห็น เรารับทราบปัญหา แต่ กกต.มีหน้าที่ตามกฎหมาย คือจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม ข้อเสนอของ กปปส.เราไม่ได้นิ่งดูดาย จะนำไปหารือกัน เราเห็นใจท่าน แต่ท่านก็ต้องเห็นใจเราด้วย ถ้าเรามีอำนาจเราทำได้ เราเข้ามาก็อยากให้บ้านเมืองสงบ นี่พูดด้วยใจ ตอนนี้บ้านเมืองอยู่ในวิกฤติ เราต้องยอมเสียสละ ทุกคนเข้ามาด้วยใจ ผมเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เรามาอยู่ตรงนี้รู้ว่าการเลือกตั้งเป็นอย่างไร" ประธาน กกต.กล่าว
ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส.กล่าวว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยืนยันจะไม่ลาออกจากตำแหน่งรักษาการนั้น ถือว่านายกฯ กำลังทำตัวเป็นอุปสรรค และไม่มีความรับผิดชอบต่อการปฏิรูปประเทศ ยืนยันว่าการลาออกจากตำแหน่งรักษาการนั้น จะเป็นการปูทางไปสู่การปฏิรูป ดังนั้น ขอให้นายกฯ ทบทวนบทบาทตัวเอง รวมทั้งให้เตือนบริวารอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน ให้หยุดท้าทายประชาชน เพราะเป็นการเติมเชื้ออารมณ์ความรู้สึก
นายเอกนัฏกล่าวต่อว่า ส่วนการที่ กปปส.ได้ส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือต่อ กกต.นั้น กกต.ได้ตอบรับข้อเสนอของ กปปส.เป็นอย่างดี ในเรื่องการขอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป โดยจะนำกลับไปพิจารณา ซึ่ง กปปส.ได้ย้ำว่าหาก กกต.เดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมาและเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ อย่างไรก็ตาม อยากให้ประชาชนติดตามการขึ้นเวทีปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ถึงท่าทีการชุมนุมต่อไป
นัดดีเดย์วันที่ 22 ธ.ค.
เวลา 20.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงแนวทางการเคลื่อนไหวว่า วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงยืนยันชัดเจนแล้วว่า หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมลาออก ซึ่งถือเป็นการท้าทายประชาชนอย่างจงใจที่สุด เราชุมนุมมา 40-50 วัน มีคนหลายล้านคนแสดงพลังให้เห็น แต่เขาไม่แคร์ ไม่กลัว หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ออก แสดงว่าเป็นการท้าทายเราอย่างเต็มที
"ดังนั้น พวกกำนันอย่างเราก็ต้องรับคำท้า วันนี้กรรมการ กปปส.ชุดใหญ่ประชุมเสร็จ โดยให้ผมมาเรียนกับประชาชน โดยต้องลุกขึ้นไล่ยิ่งลักษณ์ทั้งประเทศไทย การต่อสู้ต่อไปจะตรงไปตรงมาชัดเจน ไล่ยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่ง และเราจะไล่ทุกวัน ไล่ไม่เลิก ไล่จนกว่าจะไป ไม่ต้องมีกำหนด ไล่ไม่หยุด ไล่ทุกวัน พี่น้องทั้งหลาย ไล่เป็นระลอกๆ ให้มันขาดใจตาย กดดันเข้าไป กรรมการ กปปส. ให้ผมมากราบเรียนกับพี่น้อง กำหนดนัดหมายไล่ยิ่งลักษณ์ คือวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งต้องประกาศล่วงหน้า เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดได้เตรียมตัว ได้ยินแล้วให้จัดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางได้"
นายสุเทพกล่าวอีกว่า ขอให้ อบจ., อบต., เทศบาล ช่วยเป็นเจ้าภาพดูแล อำนวยความสะดวกในการเดินทาง ของพี่น้องต่างจังหวัดด้วย โดยให้ตั้งเต็นท์บนถนน หาข้าวหาน้ำให้กิน ในกรณีที่ตำรวจสกัดกั้นไม่ให้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ให้หาวิดีโอเพื่อถ่ายพฤติกรรมของตำรวจ
"เพื่อให้พี่น้องมีความฮึกเหิม ผมจะเดินนำขบวนพาพี่น้องออกจากราชดำเนินในวันที่ 19 ธันวาคม และ 20 ธันวาคม เพื่อเดินขบวนเชิญชวนพี่น้องออกมาร่วมกัน และในวันที่ 21 ธันวาคม เราจะพักผ่อนฟังปราศรัย ไม่เดินไปไหน ก่อนจะดีเดย์ในเช้าวันที่ 22 ธันวาคม เดินขับไล่ยิ่งลักษณ์" นายสุเทพกล่าวและว่า จะเดินจนถึงวันที่ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร เห็นใจประชาชนแล้วทิ้งมันมาอยู่ข้างเรา
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า มีคนมาแนะนำว่าในวันที่ 22 ธ.ค.อาจจะขออาสาสมัครที่เป็นผู้หญิงล้วนๆ ถือดอกไม้ไปที่บ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดอกคุยกันอย่าอยู่ต่อไปเลย หากเราเอาผู้ชายไปเดี๋ยวจะหาว่าเป็นการคุกคาม
เป็นที่สังเกตว่า ในวันที่ 23 ธ.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเปิดรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองเป็นวันแรก
วันเดียวกัน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.), นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองประธาน กคพ.พร้อมด้วยคณะกรรมการคดีพิเศษ ร่วมประชุมเพื่อพิจารณารับคดีอาญาเป็นคดีพิเศษ โดยมีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นเลขานุการ กคพ.ประมวลเรื่องเข้าสู่การพิจารณา โดยหลังการประชุมประมาณ 2 ช.ม.ที่ประชุมมีมติรับคดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.พร้อมพวก ที่เกิดในช่วงการชุมนุมทั้งสิ้น 20 คดีเป็นคดีพิเศษ
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอเมริกา ได้ลงบทวิเคราะห์การเมืองไทย โดยโธมัส ฟุลเลอร์ อีกครั้งเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา มีเนื้อหาวิจารณ์การชุมนุมประท้วงในไทยเวลานี้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงที่พิลึกพิลั่น สวนกระแสการเรียกร้องประชาธิปไตยทั่วโลก ไม่ว่าอาหรับสปริง หรือการปฏิวัติกำมะหยี่และปฏิวัติสีส้ม เพราะผู้ประท้วงกำลังเรียกร้องให้มีความเป็นประชาธิปไตยน้อยลง ไม่ใช่เพิ่มขึ้น
บทความกล่าวว่า ผู้ประท้วงต้องการให้มี "สภาประชาชน" จากการแต่งตั้งบุคคลหลายสาขาอาชีพมาแทนที่สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง แม้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะพยายามหาทางออกด้วยการเลือกตั้งใหม่ แต่ผู้ประท้วงหาได้ต้องการไม่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ ยืนกรานว่าไม่เอาเลือกตั้ง และยังกล่าวกับกลุ่มนักธุรกิจด้วยว่า การประท้วงยืดเยื้ออาจกระทบต่อธุรกิจ แต่จะเป็นแค่ระยะสั้นเท่านั้น.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า ขอถามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ถึงการปฏิรูปการเมือง ว่ารูปแบบคืออะไร กปปส.มาจากไหน ตอนเป็นรัฐบาล 2 ปี 6 เดือนทำไมไม่ทำ ตนอ่านว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังสองจิตสองใจ ห้าสิบห้าสิบจะไม่ลงเลือกตั้ง เพราะรู้ว่าลงก็แพ้ ขอเตือนนายสุเทพว่า ขณะนี้ประชาชนออกมาสูงสุดได้แค่ 220,000 คน ไม่ได้มี 4-5 ล้านคน จะเอาที่ไหนมายืน แต่คนอีกส่วนหนึ่งที่รอดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นธรรม
“เขากำลังคิดว่าสิ่งที่ กปปส.ทำมีกฎหมายรองรับหรือไม่ วันนี้ทั้งตุ๊ดทั้งแต๋วก็ต้องออกมาด่าผม หากผมไม่พูดบ้างก็จะเสียบุคลิก ที่ไม่ให้ความจริงต่อประชาชน ผมก็เรียนหนังสือมาไม่น้อยกว่าพวกมัน”ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว และว่า ในมุมมองของตนถ้ารัฐบาลใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตามคำร้องของ กกต. มั่นใจว่ามีการเลือกตั้ง ส่วนที่ระบุว่า กกต.มีอำนาจเลื่อนการเลือกตั้งนั้น ไม่มี เอากฎหมายมาจากไหน นั่นต้องเกิดอาเพศเหตุร้าย ฝนตกฟ้าร้อง พายุ น้ำท่วม คนเดินทางไปมาไม่ได้ แต่ในลักษณะปกติอย่างนี้ไม่มีเหตุ
วอน กกต.เลื่อนเลือกตั้ง
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กปปส.ที่ประกอบด้วย นายสาธิต เซกัล, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ, นพ.ระวี มาศฉมาดล, นายคมสันต์ ทองศิริ, พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี ได้เดินทางเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ กกต.ทั้ง 5 คน เพื่อขอให้พิจารณาเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งออกไปก่อน จนกว่าจะมีการปฏิรูปประเทศไทยเสร็จสิ้น ทั้งนี้ นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ได้นำทีม กกต.หารือกับ กปปส. ขาดเพียงนายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยเพียงคนเดียว
โดยนายสมศักดิ์ได้อ่านจดหมายเปิดผนึกว่า กปปส.มีเจตนารมณ์ร่วมกันกำจัดระบอบทักษิณให้สิ้นไปจากประเทศไทย ทั้งมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดยวิธีการปฏิรูปประเทศไทยอย่างน้อย 5 ด้าน ซึ่งการปฏิรูปดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยประชาชนได้แสดงออกถึงความต้องการในการกำจัดระบอบทักษิณ และต้องการปฏิรูปประเทศไทยโดยเปิดเผยตัวตนบนท้องถนนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคนในวันที่ 24 พ.ย.56 และไม่น้อยกว่า 5 ล้านคนในวันที่ 9 ธ.ค.56
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า เมื่อมีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 มวลมหาประชาชนไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง แต่มีความเห็นเป็นหนึ่งเดียวว่า ต้องมีการปฏิรูปประเทศไทยให้เสร็จสิ้นก่อน ทั้งการเลือกตั้งในวันดังกล่าวมิอาจแก้ไขปัญหาของประเทศไทยในขณะนี้ได้ มิอาจหยุดยั้งวงจรอุบาทว์ทางการเมืองได้
"กปปส.ขอเสนอความเห็นต่อ กกต. โปรดพิจารณาเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งออกไปก่อน จนกว่าการปฏิรูปประเทศไทยจะเสร็จสิ้น ทั้งนี้ กกต.สามารถใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเสนอความเห็น คำปรึกษา คำแนะนำต่อรัฐบาลรักษาการ ทั้งการเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งสามารถกระทำได้ตามบทบัญญัติ มาตรา 184 และมาตรา 187 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย" นายสมศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวว่า พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งเป็นพระราชอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กปปส.ต้องเห็นใจ กกต.ด้วย เราก็เพิ่งรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เราเห็นด้วยกับการปฏิรูปการเลือกตั้ง ถ้าเลื่อนวันเลือกตั้งไม่ได้จริงๆ ก็อยากให้เข้ามามีส่วนร่วม
"ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจ เราเห็น เรารับทราบปัญหา แต่ กกต.มีหน้าที่ตามกฎหมาย คือจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม ข้อเสนอของ กปปส.เราไม่ได้นิ่งดูดาย จะนำไปหารือกัน เราเห็นใจท่าน แต่ท่านก็ต้องเห็นใจเราด้วย ถ้าเรามีอำนาจเราทำได้ เราเข้ามาก็อยากให้บ้านเมืองสงบ นี่พูดด้วยใจ ตอนนี้บ้านเมืองอยู่ในวิกฤติ เราต้องยอมเสียสละ ทุกคนเข้ามาด้วยใจ ผมเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เรามาอยู่ตรงนี้รู้ว่าการเลือกตั้งเป็นอย่างไร" ประธาน กกต.กล่าว
ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส.กล่าวว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยืนยันจะไม่ลาออกจากตำแหน่งรักษาการนั้น ถือว่านายกฯ กำลังทำตัวเป็นอุปสรรค และไม่มีความรับผิดชอบต่อการปฏิรูปประเทศ ยืนยันว่าการลาออกจากตำแหน่งรักษาการนั้น จะเป็นการปูทางไปสู่การปฏิรูป ดังนั้น ขอให้นายกฯ ทบทวนบทบาทตัวเอง รวมทั้งให้เตือนบริวารอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน ให้หยุดท้าทายประชาชน เพราะเป็นการเติมเชื้ออารมณ์ความรู้สึก
นายเอกนัฏกล่าวต่อว่า ส่วนการที่ กปปส.ได้ส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือต่อ กกต.นั้น กกต.ได้ตอบรับข้อเสนอของ กปปส.เป็นอย่างดี ในเรื่องการขอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป โดยจะนำกลับไปพิจารณา ซึ่ง กปปส.ได้ย้ำว่าหาก กกต.เดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมาและเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ อย่างไรก็ตาม อยากให้ประชาชนติดตามการขึ้นเวทีปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ถึงท่าทีการชุมนุมต่อไป
นัดดีเดย์วันที่ 22 ธ.ค.
เวลา 20.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงแนวทางการเคลื่อนไหวว่า วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงยืนยันชัดเจนแล้วว่า หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมลาออก ซึ่งถือเป็นการท้าทายประชาชนอย่างจงใจที่สุด เราชุมนุมมา 40-50 วัน มีคนหลายล้านคนแสดงพลังให้เห็น แต่เขาไม่แคร์ ไม่กลัว หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ออก แสดงว่าเป็นการท้าทายเราอย่างเต็มที
"ดังนั้น พวกกำนันอย่างเราก็ต้องรับคำท้า วันนี้กรรมการ กปปส.ชุดใหญ่ประชุมเสร็จ โดยให้ผมมาเรียนกับประชาชน โดยต้องลุกขึ้นไล่ยิ่งลักษณ์ทั้งประเทศไทย การต่อสู้ต่อไปจะตรงไปตรงมาชัดเจน ไล่ยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่ง และเราจะไล่ทุกวัน ไล่ไม่เลิก ไล่จนกว่าจะไป ไม่ต้องมีกำหนด ไล่ไม่หยุด ไล่ทุกวัน พี่น้องทั้งหลาย ไล่เป็นระลอกๆ ให้มันขาดใจตาย กดดันเข้าไป กรรมการ กปปส. ให้ผมมากราบเรียนกับพี่น้อง กำหนดนัดหมายไล่ยิ่งลักษณ์ คือวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งต้องประกาศล่วงหน้า เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดได้เตรียมตัว ได้ยินแล้วให้จัดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางได้"
นายสุเทพกล่าวอีกว่า ขอให้ อบจ., อบต., เทศบาล ช่วยเป็นเจ้าภาพดูแล อำนวยความสะดวกในการเดินทาง ของพี่น้องต่างจังหวัดด้วย โดยให้ตั้งเต็นท์บนถนน หาข้าวหาน้ำให้กิน ในกรณีที่ตำรวจสกัดกั้นไม่ให้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ให้หาวิดีโอเพื่อถ่ายพฤติกรรมของตำรวจ
"เพื่อให้พี่น้องมีความฮึกเหิม ผมจะเดินนำขบวนพาพี่น้องออกจากราชดำเนินในวันที่ 19 ธันวาคม และ 20 ธันวาคม เพื่อเดินขบวนเชิญชวนพี่น้องออกมาร่วมกัน และในวันที่ 21 ธันวาคม เราจะพักผ่อนฟังปราศรัย ไม่เดินไปไหน ก่อนจะดีเดย์ในเช้าวันที่ 22 ธันวาคม เดินขับไล่ยิ่งลักษณ์" นายสุเทพกล่าวและว่า จะเดินจนถึงวันที่ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร เห็นใจประชาชนแล้วทิ้งมันมาอยู่ข้างเรา
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า มีคนมาแนะนำว่าในวันที่ 22 ธ.ค.อาจจะขออาสาสมัครที่เป็นผู้หญิงล้วนๆ ถือดอกไม้ไปที่บ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดอกคุยกันอย่าอยู่ต่อไปเลย หากเราเอาผู้ชายไปเดี๋ยวจะหาว่าเป็นการคุกคาม
เป็นที่สังเกตว่า ในวันที่ 23 ธ.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเปิดรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองเป็นวันแรก
วันเดียวกัน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.), นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองประธาน กคพ.พร้อมด้วยคณะกรรมการคดีพิเศษ ร่วมประชุมเพื่อพิจารณารับคดีอาญาเป็นคดีพิเศษ โดยมีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นเลขานุการ กคพ.ประมวลเรื่องเข้าสู่การพิจารณา โดยหลังการประชุมประมาณ 2 ช.ม.ที่ประชุมมีมติรับคดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.พร้อมพวก ที่เกิดในช่วงการชุมนุมทั้งสิ้น 20 คดีเป็นคดีพิเศษ
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอเมริกา ได้ลงบทวิเคราะห์การเมืองไทย โดยโธมัส ฟุลเลอร์ อีกครั้งเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา มีเนื้อหาวิจารณ์การชุมนุมประท้วงในไทยเวลานี้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงที่พิลึกพิลั่น สวนกระแสการเรียกร้องประชาธิปไตยทั่วโลก ไม่ว่าอาหรับสปริง หรือการปฏิวัติกำมะหยี่และปฏิวัติสีส้ม เพราะผู้ประท้วงกำลังเรียกร้องให้มีความเป็นประชาธิปไตยน้อยลง ไม่ใช่เพิ่มขึ้น
บทความกล่าวว่า ผู้ประท้วงต้องการให้มี "สภาประชาชน" จากการแต่งตั้งบุคคลหลายสาขาอาชีพมาแทนที่สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง แม้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะพยายามหาทางออกด้วยการเลือกตั้งใหม่ แต่ผู้ประท้วงหาได้ต้องการไม่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ ยืนกรานว่าไม่เอาเลือกตั้ง และยังกล่าวกับกลุ่มนักธุรกิจด้วยว่า การประท้วงยืดเยื้ออาจกระทบต่อธุรกิจ แต่จะเป็นแค่ระยะสั้นเท่านั้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น