แฮปปี้เอนดิ้ง และแฮปปี้นิวเยียร์
ยังไม่มีแนวโน้มใดๆ ว่ามวลมหาประชาชนท่านจะยอมถอย ยอมเหี่ยวปลาย เอาง่ายๆ มีแต่จะยิ่งคึกกับคึก จากที่เคยทำสถิติกรูกันออกมาทีละ 4 ล้าน 5 ล้าน เร็วๆนี้...เห็นว่าถึงขั้นจะเชิญกินเนสส์บุ๊กมาบันทึกสถิติกันใหม่ กะจะกดให้ทะลุไปถึง 10 ล้าน 15 ล้านเอาเลยโน่นแหละ...
------------------------------------------------
ตรงกันข้ามกับคุณน้อง ปู ยิ่งลักษณ์ ที่ถึงจะหนังเหนียว ทนทาน ระดับแรดเรียกพี่ แต่โดยสีหน้า สีตา โดยความหนาของรองพื้นที่พยายามฉาบเอาไว้บนใบหน้าปานประดุจแผ่นคอนกรีตถูกปิดทับด้วยวอลเปเปอร์ แต่คงมิอาจปฏิเสธได้ว่า แทบไม่สามารถปกปิดรอยฝ่าเท้าอีกา ที่ขยุ้มแล้ว ขยุ้มอีก อยู่แถวๆ ขอบหางตา ออกอาการ แก่แล้ว-แก่เลย อย่างเห็นได้โดยชัดเจน เรียกว่า...แค่วัดกันโดยสภาพ ใช้สรีระร่างกายเป็นตัวเปรียบเทียบ ก็พอสรุปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ว่า งานนี้...คุณพี่ เทพเทือก และพวก น่าจะเป็นต่ออยู่ประมาณ 5-2 เป็นอย่างน้อย...
-------------------------------------------------
คือไม่ต้องเสียเวลาไปพลิกตำรับ ตำรา ไล่เรียงรายละเอียดกฎหมายในแต่ละวรรค แต่ละมาตรา ให้ต้องปวดหัว เวียนเฮด โดยใช่เหตุ แบบประเภทนักวิชาการขี้ข้า นักกฎหมายขี้ข้า ผู้ที่พยายามยื้อยุดฉุดดึงในระดับสุดลิ่มทิ่มริดสีดวงทวารอยู่ในขณะนี้ เพราะอย่างที่เคยว่าๆ เอาไว้นั่นแหละว่า กฎหมายนั้นเป็นสิ่งมนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นมา เขียนขึ้นมา เพื่อที่จะนำมาซึ่งความสุข ความสงบ ภายในสังคมแต่ละสังคม ด้วยเหตุนี้มันจึงสามารถตีความ แปลความ ไปในลักษณะใดก็ได้ ขอเพียงแต่ให้สนองตอบซึ่งเจตนาสูงสุดของกฎหมาย อันก่อให้เกิดความมีสันติภาพ สันติธรรม ภายในสังคมนั้นๆ...
--------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...สิ่งที่จะกลายเป็นตัววัดตัดสิน ว่าใครจะอยู่ ใครจะไป ระหว่างมวลมหาประชาชนกับรัฐบาลที่หน้าด้านที่สุดในโลก มันจึงอยู่ที่ใครจะสามารถสร้าง ความชอบธรรม ให้กับกลุ่มก้อนหรือพลังตัวเองได้มากน้อยขนาดไหน ในขณะที่บรรดามวลมหาประชาชนนับล้านๆ สามารถหลอมใจ รวมใจ ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันยิ่งขึ้นทุกที จนมองเห็นอนาคตใหม่ สังคมใหม่ ที่รอคอยอยู่เบื้องหน้าแค่อีกไม่ใกล้ ไม่ไกล เพียงแต่ให้กระบวนการปฏิรูปสามารถดำเนินไปได้อย่างเป็นจริง เป็นจัง เบ็ดเสร็จ สมบูรณ์ ในขั้นตอนสำคัญ ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ฝ่ายที่พยายามดำรง คงความเป็นรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ กลับแทบไม่ได้หลงเหลือความชอบธรรมใดๆ ติดปลายนวมเอาไว้เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความชอบธรรมทางการเมือง หรือทางกฎหมาย ก็แล้วแต่ เหลืออยู่แต่ระบบราชการที่ยังก้ำๆ กึ่งๆ กลัวๆ กล้าๆ ช่วยเป็นตัวค้ำยันสถานะความเป็นรัฐบาลเอาไว้แบบชนิดไปแหล่ มิไปแหล่...
--------------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...ขณะที่ ความชอบธรรม ของมวลมหาประชาชนนับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สามารถสร้างแรงดึงดูดผู้คนตั้งแต่ระดับหลักหมื่น หลักแสน ไปจนกระทั่งหลักล้าน และกำลังเพิ่มขึ้นอีกเป็นสิบๆ ล้านในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล สิ่งที่เคยเป็นตัวสร้าง ความชอบธรรม ให้กับรัฐบาล กลับแห้งเหือด แห้งลงๆ อย่างเห็นได้โดยชัดเจน มวลชนฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลที่เคยพูดๆ กันว่ามีอยู่ประมาณ 15 ล้าน มาบัดนี้...แค่พยายามขอดออกมาซัก 1 หมื่น 1 แสน ยังแทบหาตัวไม่ได้ เหลืออยู่แต่บรรดากุ๊ยและอันธพาล ที่คอยตอดนิด ตอดหน่อย คอยไล่ขู่ ไล่บี้ มวลชนฝ่ายตรงกันข้ามอยู่ในจังหวัดต่างๆ แถมยังเป็นแค่เฉพาะจังหวัดที่กะจะเอาไว้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น เพียงไม่กี่จังหวัดเท่านั้นเอง...
---------------------------------------------------------
นอกเหนือไปจากนั้น...ก็มีเพียงแค่ เศษซากนักวิชาการ ไม่กี่หัว ไม่กี่ตัว ร่วมกับ สื่อมวลชนอีเวนต์ ที่พยายามออกมาผะงาบๆ ปรุงแต่งความชอบธรรมให้กับรัฐบาล จนลิ้นสึก ลิ้นสั้น ออกอาการอ้อๆ แอ้ๆ พูดอีกก็โดนโห่อีก ไม่ต่างไปจากคนเมายาบ้า เมาลาภ ยศ และสรรเสริญ จนหมดสภาพความเป็นนักวิชาการ ความเป็นสื่อมวลชนยิ่งเข้าไปทุกที แม้จะเคยฝัน เคยเพ้อ ถึงขั้นกะจะใช้ยุทธศาสตร์ โลกล้อมประเทศ จ้างล็อบบ้ง ล็อบบี้ มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมระดับโลก แต่เมื่อ ความจริง และ ข้อเท็จจริง ปรากฏตัวออกมาโดยธรรมชาติของมันเอง ล็อบบี้ย่อมต้องกลายสภาพไปเป็น ล็อบสเตอร์ งอก่อ งอขิง ไม่ต่างอะไรไปจากกุ้งก้ามกรามธรรมดาๆ เราดีๆ นี่เอง โดยเฉพาะเมื่อ ผลประโยชน์แห่งชาติ ของชาติใด ชาติหนึ่ง ย่อมมีความสำคัญยิ่งไปกว่า ผลประโยชน์ส่วนตัว ของกลุ่มคนกลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจะในระดับประเทศหรือระดับโลกก็ตามที...
----------------------------------------------------------
สิ่งเท่าที่เหลืออยู่ในมือของรัฐบาลขณะนี้...ก็เหลืออยู่เพียงแค่การอาศัยความกลัวๆ กล้าๆ ความก้ำๆ กึ่งๆ ของบรรดาข้าราชการหรือระบบราชการ ประคองตัวรอดไปวันๆ เท่านั้นเอง แต่กว่าจะค่อยๆ คลานไปให้ถึงจุดการจัดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภา.ปีหน้า โอกาสที่จะ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ถึงขั้นหงายท้อง เอาตีนชี้ฟ้า มันปาเข้าไปประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ไปแล้วในทุกวันนี้ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึง ธรรมชาติของข้าราชการ ที่พร้อมจะกระดิกหางไปตามการส่ายหัวได้ทุกเมื่อ และเมื่อคำนึงถึงจำนวนปริมาณของบรรดาพวกหัวๆ ที่ยังพร้อมจะ กอดศพ รัฐบาลอยู่ในทุกวันนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...นับวันมันมีแต่ลดกับลด ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาเลย แถมยังไม่สามารถประคับประคองให้อยู่ในระดับเสมอตัวได้อีกต่างหาก แค่ดูจากอากัปกิริยาของ ไอ้ริต กินแบล็ค ที่ไหลไป-ไหลมาได้เร็วซะยิ่งกว่าปรอท ก็น่าจะพอสรุปได้แล้วว่า เห็บหมา กำลังโดดหนีไปทางใด...
-----------------------------------------------------------
ดังนั้น...ทุกสิ่งทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับว่า บรรดามวลมหาประชาชนภายใต้การนำของคุณพี่ เทพเทือก และพวก จะสามารถอดทน อดกลั้น ประคับประคองชัยชนะไปสู่ชัยชนะได้อย่างราบรื่นเพียงใด และถ้าหากไม่มีอะไรคอยเป็นตัวกระตุกแข้ง กระตุกขา ขึ้นมาอีก การฉลองปีใหม่ไปพร้อมกับการฉลองชัยชนะของมวลมหาชน น่าจะนำมาซึ่งความสดชื่น รื่นเริง บันเทิงใจให้กับประเทศทั้งประเทศ ได้อย่างแฮปปี้เอนดิ้ง และแฮปปี้นิวเยียร์ โดยถ้วนหน้า
-------------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก 108 มงคลพระบรมราโชวาท... “สำคัญที่สุดคือความอดทน คือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือมันครึน่ะ ทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดี ไม่ครึ ต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอน ในความอดทนของตน ในความเพียรของตน...”.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น