"ไพศาล" ลั่น!! นักการเมืองไทยคอรัปชั่นมากสุด ชี้ประเทศกำลังเดินไปสู่วันสิ้นชาติ!!
ไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ลั่นชัดประเทศไทยคอรัปชั่นทุจริตงบประมาณมากที่สุด ชี้พฤติกรรมนักการเมืองกำลังทำให้ประเทศเดินไปสู่วันสิ้นชาติ
วันนี้ ( 24 กันยายน56 ) นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวกับสำนักข่าวทีนิวส์ ถึงกรณีที่เหมาเจ๋อตุงอดีตประธานาธิปดีจีนทำการปฏิวัติวัฒนธรรมกวาดล้างคอรัปชั่นครั้งใหญ่ โดยเริ่มต้นจากการนำคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามานั่งในตำแหน่งตรวจสอบ โดยคนที่มานั่งในตำแหน่งนี้คือ นายหวัง ฉีซาน รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งท่านเป็นคนที่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจอย่างที่สุด แต่จำเป็นต้องให้มานั่งในตำแหน่งตรวจสอบตรงนี้ เพราะเขาเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน เมื่อเทียบกับกรณีของประเทศไทยในขณะนี้ มีการทุจริตคอรัปชั่นที่ใหญ่มาก ไม่มีประเทศไหนที่ทุจริตงบประมาณได้ขนาดนี้ และนอกจากนั้นพฤติกรรมของนักการเมืองที่กระทำ มันต้องถึงวันสิ้นชาติอย่างแน่นอน
สำราญ : กรณีปั๋ว ซีไหล อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเทศบาลนครฉงชิ่ง ซึ่งศาลได้ลงโทษไปเมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา อันนี้เป็นภาพสะท้อนใช่หรือไม่ว่า จีนเขาเอาจริงเอาจังในการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น
ไพศาล : อันนี้แน่นอนครับ ตั้งแต่ประชุมสมัชชาครั้งที่ 18 แล้ว และก่อนหน้านั้นศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า ถ้าปล่อยให้มีการคอรัปชั่นต่อไป พรรคคอมมิวนิสต์จีน และประเทศจีนก็จะอยู่ไม่ได้ และหลังจากประชุมสมัชชาครั้งที่ 18 แล้ว นายสีจิ้นผิง ( คณะกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ) เขาก็ได้ออกมาประกาศโดยมีเรื่อที่สำคัญอยู่ 2-3 เรื่อง เรื่องแรกก็เป็นการเตือนทั่วทั้งพรรค ทั่วทั้งประเทศว่า "ต้องรอวันกระสุนเคลือบน้ำตาล" ถ้าเราฟังเฉยๆ ก็จะไม่รู้สึกอะไรนัก
แต่สำหรับผู้ที่ศึกษาลัทธิความคิดเหมา เจ๋อตุงก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แล้ว เพราะว่าคำพูดคำนี้เป็นคำพูดแบบบริบทที่เหมาเจ๋อตงใช้ ก่อนที่กองทัพปลดแอกจะเข้าสู่กรุงปักกิ่ง ดังนั้นพรรคคอมมิวนิสต์ก็ได้รับชัยชนะทางการทหาร กำลังจะเคลื่อนพลเข้าไป แล้วเหมาเรียกประชุมทั่วทั้งพรรคเลย แล้วก็ประกาศเตือนสหายทั้งหลายว่า บัดนี้สิ่งที่พวกเราถนัดก็คือ การใช้กระสุนเหล็กในการทำศึกสงครามกำลังจะไม่ได้ใช้แล้ว แต่กำลังจะเผชิญหน้ากับกระสุนเคลือบน้ำตาล ซึ่งหมายถึงการบริหารบ้านเมือง มีผลประโยชน์ในการทุจริตคอรัปชั่นซึ่งเป็นการเตือนครั้งสำคัญ และหลังจากนั้นมันก็มีอีกหลาย 10 ปี จนในที่สุดก็มีการปฏิวัติวัฒนธรรม มีการกวาดล้างมากมายก่ายกอง ดังนั้นการที่เขาประกาศเตือนโดยใช้วลีคำนี้ซึ่งในทางการเมืองจีน เป็นการให้สัญญาณที่รุนแรงมากว่า จะปราบปรามเอาจริงเอาจัง นั่นเป็นจุดที่หนึ่ง
ประการที่ 2 ในพรรคคอมมิวนิสต์จีน 6-7 คน ก็ได้วางเอาคนที่มีความเก่งกาจสามารถในด้านเศรษฐกิจการเงิน ชั้นเยี่ยมยอดของประเทศ แทนที่จะวางไว้ในตำแหน่งรองนายกฯเศรษฐกิจ กลับเอาคนนี้ไปวางไว้ในตำแหน่งตรวจสอบ นั่นก็คือท่านหวัง ฉีซาน ซึ่งท่านหวัง ฉีซาน เคยเป็นรองนายกฯเศรษฐกิจ มีความรู้ มีความชำนาญ เรื่องเศรษฐกิจ สูงส่งที่สุดแล้วนะ แต่กลับเอาไปวางไว้ในจุดตรวจสอบ ดังนั้นการที่จีนยอมเสียคนพวกนี้ไป และให้ไปอยู่ในการตรวจสอบ มันไม่ใช่ธรรมดาแน่ เพราะหมายความว่า จะมุ่งเน้นให้ความเป็นธรรมต่อการตรวจสอบ จับผิดบรรดาทุจริตคอรัปชั่นทั้งหลาย โดยที่ไม่ไว้หน้า เพราะคนนี้เขาเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดินเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นมันจึงมีการกวาดล้างผู้มีอำนาจ ที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ อย่างคึกคัก ครึกโครม ข่าวที่ออกไปภายนอกบางส่วน แท้จริงมีการจับกุมนักการเมืองที่มีอำนาจระดับรัฐมนตรี หรือผู้ที่มีอำนาจในส่วนกลางของพรรค หรือผู้ที่มีอำนาจมากมาย รวมทั้งการออกกฎเหล็ก 11 ข้อ 8 ข้อมันเป็นวิธีปฏิบัติสำหรับภาคกลางทั่วไป แต่อีก 3 ข้อ สำหรับผู้นำ และผู้ที่มีอำนาจระดับสูง 3 ข้อที่ว่านี้คืออะไร เฉพาะผู้ที่มีอำนาจขั้นสูงนะครับ
ประการที่ 1. มีลูกไปเรียนต่างประเทศต้องเอากลับ ซึ่งเขาไม่ให้เอาเป็นแบบอย่าง ประการที่ 2. ถ้ามีเงินฝากในต่างประเทศให้เอากลับ หากตรวจพบก็จะยึดทรัพย์และประหารชีวิต ประการที่ 3. หากมีทรัพย์สินที่มีค่า ก็ต้องชี้แจงแสดงถึงที่มา เพราะฉะนั้นในกรณีของปั๋ว ซีไหล เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่มีการประชุมสมัชชาพรรคนะครับ แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องการตรวจสอบทุจริตก่อน แต่เป็นการเกิดขึ้นเนื่องจากคดีฆาตกรรม และธุรกิจที่ผิดๆ ซึ่งบังเอิญหน่วยราชการลับได้ทำการสืบสวนสอบสวน และทำการส่งผลตรวจสอบมายังรัฐบาลจีน ประกอบทั้งอธิบดีกรมตำรวจก็ได้ทำการหลบหนี เข้าไปอยู่ในสถานกงสุลของสหรัฐอเมริกา และมีการจับได้ และผู้ที่จับได้ก็กลายเป็นว่า เป็นตำรวจส่วนกลาง มาจากหน่วยงานความมั่นคงที่ขึ้นต่อประธานาธิบดี
และในที่สุดก็มีการสอบสวนเรื่องนี้พบว่า ภรรยาท่านปั๋ว ซีไหล เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เป็นตัวการสำคัญ ก็ได้นำตัวขึ้นศาลประหารชีวิต ให้ไปรอการลงโทษไว้ก่อน ส่วนปั๋ว ซีไหล ก็มีความผิดอยู่หลายข้อ แม้ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับในคดีฆาตกรรมนั้น แต่ก็มีผลปรากฏการณ์สอบสวนอย่างชัดเจนว่า มีการทุจริต มีการใช้อำนาจมิชอบ ในที่สุดศาลก็ได้ลงโทษจำคุกประหารชีวิต ท่านปั๋ว ซีไหล เป็นผู้นำจีนที่มีความโด่งดังมาก ผมเองก็เคยไปเยี่ยมท่านมา 2-3 ครั้ง เคยยกย่องท่านว่าเป็นมังกร ด้วยความที่เร่าร้อนในการทำงานสูงมาก เป็นรัฐมนตรี เป็นดาวรุ่งมาก เป็นลูกหลานกลุ่มไทยจีน พ่อของปั๋ว ซีไหล เป็นนักปฏิวัติรุ่นเดียวกับประธานเหมา เจ๋อตุง ดังนั้นการที่จีนทำการตรวจสอบสอบสวน และดำเนินคดีลงโทษเป๋า ซีไหลครั้งนี้ จึงเป็นการส่งสัญญาณที่รุนแรงต่อทั่วทั้งพรรคว่า ไม่มีการไว้หน้าใคร กลุ่มลูกท่านหลานเธอก็ไม่ยกเว้น
สำราญ : ก่อนหน้านี้พอสมัชชาครั้งที่ 18 ตอนที่ผู้นำคนใหม่ขึ้นมา แสดงว่า ก่อนหน้านั้นมีความหละหลวม จีนถึงได้เกิดการหมักหมมเรื่องการคอรัปชั่นเป็นอย่างมาก
ไพศาล : การเมืองแบบจีนก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับ ผมได้คุยกับนักปราชญ์อิหร่านท่านหนึ่ง ท่านก็บอกว่า การที่เหมา เจ๋อตุงปฏิวิติวัฒนธรรมนั้นที่จริงเป็นความเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ของเหมา เจ๋อตุง แต่มีการประเมินฐานะทางประวัติศาสตร์ หลังจากเหตุการณ์ปฏิวิติวัฒนธรรม ดังนั้นการดำเนินการมันอาจจคลาดเคลื่อน เขาให้ความเห็นว่า นับตั้งแต่ เหมาเจ๋อตุง ออกคำเตือนให้ระวังกระสุนเคลือบน้ำตาลแล้ว
เวลา 40 ปี สังคมเป็นไปด้วยการทุจริตคอรัปชั่น จนเกิดเป็นกระแสคดี เหมา เจ๋อตุงเลยยึดอำนาจ เลยเกิดเป็นกระแสคดีปฏิวิติวัฒนธรรม ซึ่งถ้าไม่มีการปฏิวัติวัฒนธรรม เขาคงล่มสลายไปในยุคนั้นแล้ว จีนอาจจะเป็นแบบสหภาพโซเวียตแล้ว และหลังจากปฏิวิติวัฒนธรรมจนมาถึงวันนี้ การทุจริตคอรัปชั่นก็ยังงอกงามโดนการเมืองจีน จนกระทั่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเห็นว่า มันไม่ไหวแล้ว ในมติที่ประชุมสมัชชาครั้งที่ 18 ได้ถือว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องวาระแห่งชาติเลย ขณะนี้เป็นการจับกุม งบประมาณที่ไม่เข้าท่า หรือมีพฤติกรรมที่เหลวไหลอย่างการบริหารจัดการน้ำอย่างนี้
สำราญ : โดยรวมๆ แล้วกระแสของคนจีนพันกว่าล้านคน โดยหลักแล้วสังคมเขาตอบรับนโยบายของผู้นำคนใหม่ หรือว่ามีความอิหลักอิเหลื่อ อีกด้านหนึ่ง จีนก็พัฒนาตัวเองไปเยอะอีกเหมือนกัน ไปปฏิสัมพันธ์กับต่างประเทศมากมายก่ายกอง
ไพศาล : คือตอนนี้รัฐบาลจีนต้องจัดการการบริหารให้เป็นแบบนิติรัฐ แบบธรรมรัฐ เขาก็ต้องใช้วิธีนี้ ในเมืองไทยไม่ได้ทำให้เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าคุณจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน คุณจะไม่ได้รับการยกเว้น และเครื่องมือตรวจสอบแผ่นดินอันดับ 1 ด้วย ที่ไปดูแลเรื่องนี้
สำราญ : ท่านหวัง ฉี ซาน ก็เป็น 1 ใน 7 อรหันต์
ไพศาล : ใช่ครับตอนนี้ก็เปิดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม มีการรับฟังข้อมูลจากโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีโอกาสที่จะตกเก้าอี้ค่อนข้างสูง
สำราญ : มีท่านผู้ชมถามว่า ศาลจีนมีของพรรคคอมมิวนิสต์หรือเปล่า
ไพศาล : ในการเมืองของจีน คนที่จะดำรงตำแหน่งสำคัญ จะต้องเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งสมาชิกพรรคคอมมมิวนิสต์ล่าสุดมีทั้งหมด 75 ล้านคน มากกว่าสมาชิกในประเทศไทย แต่สมาชิกของพรรคถูกอบรมบ่มเพาะให้อุทิศตนเพื่อประเทศชาติ และประชาชน จะว่าเขาอยู่ภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์ก็ไม่น่าใช่ แต่ว่าต้องอยู่ภายใต้แนวทางที่ต้องปฏิบัติด้วยความเสียสละ
สำราญ : เหลือเวลาอีกไม่มากนักครับ อุทาหรณ์จากประเทศจีน ถ้าย้อนมาดูเราบ้าง คุณไพศาลคิดว่า ประเทศไทยมันจะต้องทำยังไงดี ถึงการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น ได้อย่างบรรลุผล
ไพศาล : คือประเทศไทยในขณะนี้มันมีการทุจริตคอรัปชั่น มันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก มันไม่มีประเทศไหนที่ทุจริตงบประมาณได้ขนาดนี้ และนอกจากนั้นพฤติกรรมของนักการเมืองที่กระทำ มันต้องถึงวันสิ้นชาติแน่นอน ในภาวะอย่างนี้แล้ว ของเก่ามันล่มสลายไป ของใหม่มันก็ต้องอุบัติขึ้นแน่นอน ปัญหาก็คือว่า มันจะอุบัติขึ้นในภาวะไหน ในภาวะแรกมันสิ้นชาติก่อน และเกิดการเปลี่ยนแปลง การสิ้นชาติ แต่ตอนนี้มันถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ สภาพนี้มันดำรงอยู่ไม่ได้ มันต้องมีการเปลี่ยนแปลงแน่
สำราญ : คำถามสุดท้ายแล้ว ถ้าคุณไพศาลหายตัวไป และนั่งทางใน มันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงภายใต้ซากปรักหักพัง หรือว่าจะต้องเกิดก่อนซากปรักหักพังที่ว่า
ไพศาล : มันน่าจะก่อนนะครับ เพราะมันไม่มีใครยอม แม้เริ่มต้นด้วยการต่อสู้ด้วยกำลังที่น้อย ยกตัวอย่าง พระเจ้าตากสินมหาราช ที่ทรงดึงเอาคน 100 คนออกจากรุงศรีอยุธยา และในที่สุดท่านก็ทรงกอบกู้เอกราชได้ วันนี้คนไทยผ่านการต่อสู้ 14 ตุลาคม ผ่านการต่อสู้ของกลุ่มพฤษภาทมิฬ ผ่านการต่อสู้มาจนถึงจุดหนึ่งแล้ว คุณสำราญลองมองปรากกฏการณ์ดูสิครับ ม็อบกำลังเดินทางเข้าสู่กรุง ถนนทุกสาย แหล่งปัญหา กำลังไหลหลั่งเข้าสู่กรุงเทพฯ นี่มันเป็นปรากฏการณ์ที่ใหม่ ช้างกำลังจะมา น้ำก็กำลังจะมา ยางก็กำลังจะมา ชาวนาก็กำลังจะมา สีเล็กๆ กำลังจะเกิดขึ้น มันก็ตายได้เหมือนกัน ปัญหาปากท้องเล็กๆ น้อยๆ มีคนร่วมมือกันทั้งประเทศ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้ฉันนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น