วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

เขื่อนแม่วงก์-ปลอดฯ สะสม เรียกแขกมาให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์แบบน่าชื่นใจ!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กันยายน 2556 06:12 น.

เขื่อนแม่วงก์-ปลอดฯ สะสม เรียกแขกมาให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์แบบน่าชื่นใจ!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์25 กันยายน 2556 06:12 น.

ผ่าประเด็นร้อน 
       
       ไม่น่าเชื่อว่าการเดินทางไกลกว่าสามร้อยกิโลเมตร...จากป่าสู่เมืองของ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร “ศศิน เฉลิมลาภ” เพื่อปลุกกระแสการคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ที่จังหวัดนครสวรรค์บริเวณลุ่มน้ำสะแกกรัง นานนับสัปดาห์ จะสามารถสร้างกระแสการต่อต้านการสร้างเขื่อนดังกล่าวให้ขยายออกไปในวงกว้าง เพราะหลายคนมองว่านั่นไม่ใช่แค่ต้านเขื่อน แต่ยังอาจหมายรวมถึงการต่อต้านอีกหลายเรื่องต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หากยังลุแก่อำนาจไม่สนใจเสียงคัดค้าน และความรู้สึกของชาวบ้านทั่วไป
       
       น่าสังเกตก็คือ การออกมาร่วมกันต่อต้านครั้งนี้กลับมีคนรุ่นใหม่ คนหนุ่มสาว คนทำงาน คนชั้นกลาง นิสิตนักศึกษาเข้าร่วมเดินคล้องแขนกันยาวเหยียดพอสมควร เรียกได้ว่าสร้าง “ปรากฏการณ์ใหม่” ให้เกิดขึ้นอย่างน่าแปลกใจและน่าชื่นใจขึ้นมาพร้อมๆ กัน 
       
       อย่างไรก็ดี กระแสดังกล่าวที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบทบาทของ “พญาปลอด” ปลอดประสพ สุรัสวดี ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลได้แสดงออกมาได้อย่างยั่วยวนกวนบาทาอย่างคงเส้นวงวา ทั้งท่าทีและคำพูดที่ถือว่าถ้าเป็นวัยรุ่นก็ต้องบอกว่า “เจ๋งว่ะปลอด” โดยเฉพาะคำว่า “ป่าสร้างได้ สัตว์สร้างได้” และต้องสร้างเขื่อนให้ได้ ใครก็อย่ามาขวางให้เสียเวลา เพราะทุกอย่างได้เตรียมความพร้อมเอาไว้หมดแล้ว จะต้องเดินหน้าทันที ซึ่งมันก็ได้ผล สามารถ “เรียกแขก” มารุมถล่มทั้งปลอดประสพ และรัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ให้สัมภาษณ์เบลอๆ บลาๆ แต่จับความได้ว่า “ต้องมองภาพรวมและปลายน้ำ” โดยคราวนี้ไม่มีต้นน้ำกับกลางน้ำ
       
       สรุปแบบบูรณาการก็คือ ต้องเดินหน้าสร้างเขื่อนแม่วงก์นั่นแหละ ซึ่งก็ต้องรอกันอีกนิดหนึ่งว่ารัฐบาลจะเดินหน้ากันอย่างไร หรือว่าจะยุดพักหลบกระแสที่กำลังขึ้นสูงอยู่ในเวลานี้ออกไปชั่วคราวก่อนหรือไม่ เพราะยังมีศึกอื่นที่ต้องเผชิญ ล้วนแล้วแต่ใหญ่หลวงชี้เป็นชี้ตาย อย่างเช่น ศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรณีเงินกู้สองล้านล้านบาทหากผ่านวุฒิสภา ศาลโลกกรณีตีความให้เขมรได้ครอบครองพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร รวมทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจะชี้มูลกรณีทุจริตโครงการจำนำข้าว
       
       นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่อง “ของแพง” ที่เป็นเรื่องกระทบปากท้องชาวบ้านส่วนใหญ่ การทุจริตคอรัปชั่น ความล้มเหลวจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำทุกรายการ ภาระค่าใช้จ่ายประจำวันที่เพิ่มขึ้นจากการปรับราคาพลังงานของรัฐบาลได้สร้างอารมณ์หงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แน่นอนว่าอารมณ์ความไม่พอใจที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้อาจยังไม่มากพอที่จะล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ภายใต้การชักใยชี้นำของ ทักษิณ ชินวัตร แต่รับรองว่านี่คือ “แต้มสะสม” ที่มากขึ้นเรื่อยๆ และระยะหลังทำท่าจะมีระดับที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าแต่ก่อน และข้ออ้างและข้อแก้ตัวที่มักนำมาใช้บ่อยก่อนหน้านี้ อย่างพวกอำมาตย์กลั่นแกล้ง ระยะหลังก็ชักจะเบาลงไป แต่ยังมีการกล่าวหา “องค์กรอิสระ” ว่ายังจ้องล้มรัฐบาลอยู่ ซึ่งถ้าให้เดาความหมายจากคำพูดของทักษิณ ชินวัตร ที่พูดดักคอไว้ว่าในวันที่ 8 ตุลาคมนี้จะมีการสุมหัวล้มรัฐบาล ความหมายก็น่าจะหมายถึงองค์อิสระหรือศาลอะไรทำนองนี้แหละ เพราะเมื่อพิจารณาจากตารางเวลามันก็ถึงกำหนดเวลาใกล้เคียงแล้วจริงๆ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญที่อาจชี้ขาดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชานิอาจจะชี้มูลการทุจริตโครงการจำนำข้าวฯ
       
       อย่างไรก็ดี หากเกิดขึ้นจริงก็ไม่ใช่ลักษณะของการจ้องล้ม แต่จะมาจากการที่รัฐบาลทำผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรีถูกชี้นำให้ทำผิดกฎหมาย รวมทั้งรัฐบาลทุจริต เพราะนี้คือกติกาไม่ใช่หรือ ไม่ใช่กติกาในความหมายที่ว่าเมื่อได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแล้วต้องรอให่ครบวาระ 4 ปีเสียก่อนแล้วค่อยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเราจะมีศาลยุติธรรม มีองค์กรอิสระไว้ตรวจสอบรัฐบาลที่ทำผิดทำไม และที่สำคัญความผิดถูกไม่ใช่ตัดสินด้วยการเลือกตั้งอย่างเดียว ไม่ใช่การชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงท่วมท้นแล้วจะเป็นใบเบิกทางให้เข้ามาทำอะไรตามใจชอบ
       
       มองอีกด้านหนึ่งคำพูดดังกล่าวของทักษิณก็แค่เพียงดักคอ เพื่อหวังบิดกระแสต้านจากสังคมที่กำลังรุมพุ่งเป้ามาที่ “รัฐบาลหุ่นเชิด” ของเขา เพื่อลดแรงเสียดทานต่อน้องสาวของเขาคือยิ่งลักษณ์ นั่นเอง
       
       แต่อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นแล้วก็คือ เวลานี้กระแสความไม่พอใจได้สะสมขึ้นมามากขึ้น อย่างกรณีที่เกิดขึ้นจากกรณีต้านเขื่อนแม่วงก์ ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะของการอนุรักษ์ธรรมชาติ ยังอาจไม่ใช่การต้านรัฐบาลแบบดุเดือดเลือดพล่านโดยตรง แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะนั่นเป็นโครงการรัฐบาล มีรัฐบาลตั้งแต่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ และปลอดประสพ สุรัสวดีดูแล สั่งเดินหน้าพร้อมคำพูดท้าทายอยู่ทุกวัน ซึ่งกรณีหลังนี่แหละที่สามารถ “เรียกแขก” มาให้ถล่มรัฐบาลได้เป็นกอบเป็นกำ ให้เสื่อมทรุดติดดินได้ก่อนถึงเวลาสหบาทาได้ดีจริงๆ!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น