วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

ปิ๊งผุด "เลดี้แท็กซี่" รับเฉพาะผู้หญิง เมื่อ 2 ต.ค.56




ปิ๊งผุด "เลดี้แท็กซี่" รับเฉพาะผู้หญิง
 
นายอัษฌไธด์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมมีแนวคิดจัดทำโครงการ เลดี้ แท็กซี่ 
เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับการให้บริการแท็กซี่สำหรับผู้หญิง เพื่อให้ผู้หญิงสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย ทั้งผู้โดยสารและคนขับรถ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด เพื่อจัดทำเป็นร่างกฎกระทรวง ซึ่งจะมีประเด็นกำหนดใน 3 หัวข้อใหญ่ ได้แก่ คุณสมบัติผู้ขับรถจะต้องมีอะไร รูปแบบตัวรถจะต้องมีอุปกรณ์ สี หรือป้ายรถแบบใดเพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งอาจให้เป็นสีชมพูทุกคัน มีป้ายบ่งบอกความเป็นเลดี้แท็กซี่ที่ชัดเจน และการกำหนดอัตราค่าโดยสารซึ่งราคาอาจสูงกว่าปกติ เพราะจะห้ามผู้ชายใช้บริการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ ก่อนเสนอให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม พิจารณาเห็นชอบให้นโยบายต่อไป

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาได้มีการรวมกลุ่มเพื่อเปิดบริการแท็กซี่สำหรับผู้หญิงแล้ว อย่างในเชียงใหม่มีการให้บริการแท็กซี่ที่มีคนขับเป็นผู้หญิง 
โดยคิดอัตราเหมาจ่ายตามสถานที่เริ่มต้น 150 บาทต่อครั้งสำหรับในตัวเมือง 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ครม.ต่ออายุรถไฟ-รถเมล์ฟรีไปอีก 6 เดือน เมื่อ 2 ต.ค.56



ครม.ต่ออายุรถไฟ-รถเมล์ฟรีไปอีก 6 เดือน
 
ภาพจาก ครอบครัวข่าว
ภาพจาก ครอบครัวข่าว

คณะรัฐมนตรี มีมติต่ออายุมาตรการรถเมล์-รถไฟฟรี ไปอีก 6 เดือน ตั้งงบชดเชย 2,085 ล้านบาท
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ขยายเวลามาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง หรือ มาตรการรถเมล์-รถไฟฟรี ต่อเป็นระยะที่ 13 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีผลตั้งแต่วันนี้ (1 ต.ค.56-31 มี.ค.57 ) เป็นระยะเวลา 6 เดือน วงเงินชดเชย 2,085 ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบชดเชย ค่าใช้จ่ายการดำเนินมาตรการต่อไป ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวดำเนินการมาแล้ว 12 ระยะ นับตั้งแต่ 1 กย.2552 ถึง 30 กย.2556 โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายไปแล้วกว่า 14,453 ล้านบาท พบว่ามีผู้ใช้บริการรวมทั้งสิ้น ราว 829 ล้านคน เฉลี่ยผู้ใช้บริการเดือนละเกือบ 15 ล้านคน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติบ ในโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 56/57 อีก 2 ,390.25 ล้านบาท จากวงเงินงบประมาณเดิมที่มีอยู่ 1,907.25 ล้านบาท รวมเป็นทั้งสิ้น 4,297.5 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อขยายความช่วยเหลือ หลังจากที่เกษตรกรมีปัญหาในการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ซึ่งพบว่ายังมีเกษตรกรอีกราว 245,000 ราย หรืออีก 47 เปอร์เซ็นต์ ที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการ แต่ยังไม่สามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้ รวมทั้งเพื่อเข้าไปแทรกแซงการรับซื้อข้าวโพดเมล็ดจากเกษตรกร ในราคากิโลกรัมละ 7 บาท ณ ความชื้น 30 เปอร์เซ็นต์ และกิโลกรัมละ 9 บาท ณ ความชื้น 14.5 เปอร์เซ็นต์ จากเป้าหมาย 1 ล้านตันเมล็ด เพิ่มขึ้นอีก 875,000 ล้านตันเมล็ด พร้อมกับชดเชยค่าขนส่งให้ผู้รวบรวมใน 6 จังหวัดภาคเหนือ การเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และผลักดันการส่งออก

ขอบคุณ : www.krobkruakao.com

(ชมคลิป) ส.ส.ปินส์ขอแต่งงานสาวกลางสภา เมื่อ 2 ต.ค.56



ส.ส.ปินส์ขอแต่งงานสาวกลางสภา
 
เมื่อ 1 ต.ค. เอเอฟพีรายงานว่า นายฟรานซิสโก แอชลีย์ อาเซดิลโล ส.ส.หนุ่มฟิลิปปินส์วัย 36 ปี อดีตทหารอากาศยศนาวาโท
สร้างความฮือฮากลางสภาผู้แทนราษฎรซึ่งกำลังมีการพิจารณาร่างงบประมาณและมีการถ่ายทอดสด ด้วยการประกาศขอแต่งงานกับ น.ส.มาเรีย ปาซ โอคัมโป คนรักวัย 28 ปี ลูกสาวของนายเก่าที่คบหากันมานาน 3 ปี
 นายอาเซดิลโลกล่าวว่า เบื้องต้นไม่มั่นใจระเบียบของสภาว่าทำได้หรือไม่แต่ประธานสภาอนุญาต ตนจึงชวนคนรักให้มานั่งในส่วนของวีไอพี 
โดยหลอกว่าจะอภิปรายประเด็นสำคัญ ต้องการกำลังใจ จากนั้นขณะประชุมอยู่จึงลุกขึ้นกล่าวความในใจออกไมโครโฟนและเดินไปจูงคนรักมาด้านหน้า ก่อนคุกเข่าขอแต่งงาน ท่ามกลางความตื่นเต้นฮือฮาของส.ส.และสื่อมวลชน ขณะที่น.ส.โอคัมโปกล่าวว่า ตกใจมากและตอนแรกไม่คิดจะมาด้วยซ้ำเพราะเป็นวันศุกร์ ฝนตกรถติด ทั้งนี้ น.ส.โอคัมโปเป็นลูกสาวของผู้บังคับบัญชาของนายอาเซดิลโลสมัยรับราชการทหาร โดยพบกันครั้งแรกในงานวันเกิดของพ่อฝ่ายหญิง แต่มารักกันหลังจากฝ่ายชายปลดประจำการแล้ว
 ด้านนายเฟลิเซียโน เบลมอนเต จูเนียร์ ประธานสภาแสดงความยินดีกับทั้งคู่และหยอกส.ส.หนุ่มอีกคนว่าน่าจะเป็นคู่ต่อไป
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์และเป็นสีสันในข่าวของฟิลิปปินส์ โดยทำให้นายอาเซดิลโลได้รับเสียงเชียร์จากประชาชนว่าเป็นหนุ่มโรแมนติก


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

อดีตทหารเกษียณ หึงโหดยิงกิ๊กสาวรุ่นลูกเจ็บสาหัส เมื่อ 2 ต.ค.56


 อดีตทหารเกษียณ หึงโหดยิงกิ๊กสาวรุ่นลูกเจ็บสาหัส
 
เมื่อเวลา 21.00 น.  วันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา   พ.ต.ท.อนันต์ หูแก้ว สารวัตรเวรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา
ได้รับแจ้งมีผู้ถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณบ่อน้ำหน้าวัดศาลาทอง ต.หัวทะเล อ.เมืองนครราชสีมา  จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมรายงาน  พ.ต.ท.อนันต์ พิมพ์เจริญ รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา แพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างเมตตาธรรมสถาน

ในที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนร้องขอความช่วยเหลืออยู่ริมบ่อน้ำ ทราบชื่อต่อมาคือ นางสาวดวงใจ แทนเกษม อายุ 33 ปี
ชาว ต.อรพิมพ์ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่บริเวณใต้ราวนมด้านขวา 1 นัด และที่โคนขาด้านขวาอีก 1 นัด อาการสาหัส เจ้าหน้าที่จึงรีบนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ห่างไปเกือบ 10 เมตร พบศพ ร.ต.สมหมาย สุบงกช อายุ 62 ปี ข้าราชการเกษียณอายุราชการ อดีตสารวัตรทหารบก กองร้อยสารวัตรทหาร มณฑลทหารบกที่ 21 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา สภาพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ขมับด้านซ้าย 1 นัด นอนเสียชีวิตคาที่ โดยในมือด้านซ้ายยังกำอาวุธปืนชนิดเดียวกัน ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังพบปลอกกระสุนชนิดเดียวกันตกอยู่ รวม 3 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวน นางสาวโสภา แทนเกษม อายุ 25 ปี น้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบว่า
นางสาวดวงใจ พี่สาวของตนเอง เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ร.ต.สมหมาย  ที่หลังจากเกษียณราชการทหารแล้ว ก็ยังเปิดธุรกิจหอพัก และได้ให้ นางสาว ดวงใจ พักอยู่ในหอดังกล่าว โดยช่วงที่ผ่านมาทั้งคู่ได้เลิกรากันมานานเกือบ 1 ปี แล้ว แต่ ร.ต.สมหมาย มักมีอาการหึงหวง และมักเอาปืนมาขู่จะยิงให้ตายหากพี่สาวตนไปคบกับชายอื่น ซึ่งที่ผ่านมาพี่สาวพยายามแอบคบกับชายคนใหม่ แต่ร.ต. สมหมาย ก็แอบสืบรู้ จนกระทั่งช่วงหัวค่ำ  ได้มาหาที่ห้องพี่สาวพร้อมกับจูงเงินพี่สาวไปกดเงินสดที่ตู้ เอทีเอ็ม   โดยพากันเดินไปที่ริมบ่อน้ำที่อยู่ใกล้เคียง ด้วยความเป็นห่วงตนจึงเดินตามไป จนกระทั่งไปถึงที่เกิดเหตุ  อยู่ๆ ร.ต.สมหมาย ก็ชักอาวุธปืนที่ซุกซ่อนมา ยิงใส่พี่สาวตน 3 นัดซ้อน ด้วยความตกใจ จึงรีบวิ่งมาตามชาวบ้านใกล้เคียงให้ไปช่วย และระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ก็พากันมาดู ก่อนจะพบว่า ร.ต.สมหมาย ได้ใช้ปืนยิงตัวเองเสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องชู้สาว และเกิดความหึงหวง ซึ่งจะได้สอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

สยองฆ่าเปลือยสาวใหญ่ เฉือนเหวอะของลับคา บขส.เมื่อ 2 ต.ค.56



สยองฆ่าเปลือยสาวใหญ่ เฉือนเหวอะของลับคา บขส.
 
ตำรวจเร่งตรวจวงจรปิดแกะรอยล่าฆาตกรโหดรายนี้อลหม่าน เพราะก่อคดีสุดอุกอาจและโหดเหี้ยม คาดฝีมือคนคุ้นเคยที่ร่ำสุราด้วยกันแล้วมีปากเสียงหรือมีปัญหาชู้สาว
เมื่อวันที่  2 ต.ค.  พ.ต.ท.คำมูล  สีสะอาด  สารวัตรสอบสวน  สภ.ชุมแพ  จ.ขอนแก่น  รับแจ้งเหตุพบศพผู้หญิงถูกฆ่าปาดคอเสียชีวิตที่ บริเวณริมถนนข้างสระน้ำหนองอีเลิง เขตเทศบาลเมืองชุมแพ ต.ชุมแพ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.จีราวัฒน์ คงกระพันธ์ ผกก.พ.ต.ท.พานิชย์  เชษฐสิงห์ รอง ผกก.สส.ทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยจีแชเกาะและแพทย์เวร รพ.ชุมแพ
ในที่เกิดเหตุพบศพนางสบาย  ระยับศรี  อายุ  46  ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่  136  หมู่ 10  บ้านหนองหล่ม  ต.หนองไผ่  อ.ชุมแพ  จ.ขอนแก่น
แต่ปัจจุบันเป็นคนเร่ร่อนและมีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง อาชีพเก็บของเก่าขายเลี้ยงชีพ สภาพเปลือยกายนอนหงายเหยียดยาว ที่บริเวณลำคอถูกของมีคมปาดลึกหลอดลมและเส้นเลือดขาดเหวอะหวะ ที่หน้าท้องมีรอยถูกแทง 5 แผลและบริเวณอวัยวะเพศโดนเฉือนออกไป ใกล้กันมีกางเกงยีนสีน้ำเงินเสื้อแขนยาวสีเทาวางอยู่ 1 ตัว โดยมีเงินสด 111 บาทอยู่ในกระเป๋าเสื้อ และข้าวผัดยังไม่ได้รับประทานวางอยู่ 1 กล่อง เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายชอบดื่มสุราเมาแล้วเดินเพ่นพ่านทั่วบขส.ชุมแพ  เป็นประจำ 
ก่อนจะถูกสังหารเสียชีวิตอย่างเหี้ยมโหด ส่วนคนร้ายจะเป็นใครยังไม่ทราบข้อมูลชัดเจน ซึ่งนายตำรวจระดับสูงได้สั่งการชุดสืบสวนลงพื้นที่ออกหาข่าวด้วนแล้ว โดยตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามแยกต่าง ๆ เพื่อติดตามตัวฆาตกรโหดรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ และศพของผู้เสียชีวิตมอบให้ทาง รพ.ชุมแพ ผ่าพิสูจน์ว่าได้ถูกล่วงละเมิดทางเพศด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่เคยไปนั่งดื่มเหล้ากับผู้ตายมาแล้ว 7 คน รวมถึงสามีของผู้ตายด้วย เพื่อทำการสอบสวนหาเบาะแสฆาตกรเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ชอบ  คิสาลัง  ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เปิดเผยว่าเบื้องต้นได้ตั้งประเด็นการสังหารเอาไว้ 2 ประเด็น 
ประเด็นแรกน่าจะเกิดจากปัญหาการเมาสุราแล้วเกิดทะลาะวิวาทกัน และปัญหาชู้สาวระหว่างสามีภรรยา เพราะสามีของผู้ตายมีภรรยา 2 คน อีกทั้งผู้ตายและสามีรวมถึงพวกกลุ่มเร่ร่อนมักมาล้อมวงดื่มกินเหล้ากันทุกคืน.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ช็อกโลก"เด็กชายสองขวบ"คลอดลูกแฝด" หลังเกิด"ตัวอ่อน"ในท้อง เมื่อ 2 ต.ค.56



ช็อกโลก"เด็กชายสองขวบ"คลอดลูกแฝด" หลังเกิด"ตัวอ่อน"ในท้อง
 
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมว่า โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหัวซี ของจีนได้ทำการ"ผ่าคลอด"เด็กชายวัย 2 ขวบซึ่งเกิดการท้องอย่างผิดธรรมชาติ และได้ให้กำเนิดลูกแฝด ซึ่งออกมาจากท้องของเขา

รายงานระบุว่า เด็กชายนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการท้องโตจนหายใจลำบาก
ก่อนที่แพทย์จะทำการเอ็กซ์เรย์และสแกนร่างอย่างละเอียดก่อนพบว่า เด็กน้อยมีตัวอ่อนแฝดตายแล้วอยู่ในท้อง แพทย์จึงได้รีบทำการผ่าตัดให้แก่เด็กชายน้อยรายนี้ โดยตัวอ่อนดังกล่าวมีขนาดตัวยาว 20 ซม.และพัฒนาถึงขึ้นมีกระดูกสันหลัง มีเล็บ และนิ้วเท้า โดยตัวอ่อนได้พัฒนาเติบโตใหญ่เกือบ 2 ใน 3 ของท้องเด็กชายน้อย


ขณะที่กรณีนี้ถือเป็นการให้กำเนิดตัวอ่อนทารกแฝดในท้องเด็กน้อยที่หาได้ยากมากที่สุด และเชื่อว่าไม่เคยเกิดขึ้นเลยในวงการแพทย์ โดยตัวอ่อนแฝดดังกล่าวได้ก่อตัวหลังจากที่ไข่ที่มีการเจริญพันธุ์ในตัวเด็กไม่สามารถแยกออกจากกันได้

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

แผนเผชิญเหตุเมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2553 สำนักอนามัย



แผนเผชิญเหตุเมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2553
สำนักอนามัย
กิจกรรม รายละเอียดการปฏิบัติ หน่วยงาน
ผู้รับผิดชอบ
ก่อนน้ำท่วม 1 จัดเตรียมเวชภัณฑ์ วัสดุ อุปกรณ์ ในการดำเนินงานป้องกันโรค   กองควบคุมโรคติดต่อ
  และภัยที่เกิดจากน้ำท่วม   ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อ
  2 จัดทำข่าวประชาสัมพันธ์ต่อสื่อมวลชนเพื่อเตือนให้ประชาชน   โทร.  0  2245  8005
  ระวังโรคและภัยที่เกิดจากน้ำท่วม    
  3 จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันโรคและภัยที่เกิดจากน้ำท่วม  
"
  เพื่อเป็นหน่วยงานกลาง เบิก - จ่าย  เวชภัณฑ์น้ำท่วมและวัสดุ    
  อุปกรณ์ที่จำเป็นให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง    
  4 จัดเตรียมเอกสารการป้องกันโรคและภัยที่เกิดจากน้ำท่วม   
"
  เพื่อแจกจ่ายให้กับทุกหน่วยงาน เช่น ศูนย์บริการสาธารณสุข    
  โรงพยาบาล และสำนักงานเขตทุกเขต  เพื่อประชาสัมพันธ์ให้    
  ประชาชนรู้ถึงวิธีป้องกันโรคและภัยที่เกิดจากน้ำท่วม    
  5 จัดเตรียมเซรุ่มแก้พิษงู ให้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุข ที่อยู่ใน  
"
  พื้นที่รอบนอก    
  6 จัดเตรียมเวชภัณฑ์ป้องกันโรคน้ำกัดเท้าเพื่อสนับสนุนให้  
"
  ผู้บริหารและหน่วยงานต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้อง    
  7 เฝ้าระวังโรคที่เกิดจากน้ำท่วมโดยมีบันทึกแจ้งเตือนศูนย์บริการ -  
"
  สาธารณสุข และโรงพยาบาลทุกแห่งให้เฝ้าระวังโรคที่เกิดจาก    
  น้ำท่วมเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและ    
  สามารถควบคุมโรคให้สงบโดยเร็วพร้อมทั้งให้รายงานตามแบบ    
  ฟอร์มที่กำหนด  รวบรวมข้อมูล  วิเคราะห์สถานการณ์และ    
  ความชุกของการเกิดโรคเสนอผู้บริหาร  เพื่อกำหนดนโยบาย    
  และแนวทางการบริหารจัดการแก้ปัญหาต่อไป    
  8 จัดเตรียมหน่วยบริการสาธารณสุขเคลื่อนที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือ  
"
  ประชาชนที่ประสบภาวะน้ำท่วมเสริมกรณีศูนย์บริการ -    
    สาธารณสุข  มีหน่วยฯ  ไม่เพียงพอ    
  1 จัดเตรียมและผลิตเวชภัณฑ์สำหรับใช้ในกิจกรรมป้องกันโรค   กองเภสัชกรรม
  และภัยที่เกิดจากน้ำท่วม ได้แก่  วิทฟิวส์  ป้องกันโรคน้ำกัดเท้า   ผู้อำนวยการกองเภสัชกรรม
   ยาใส่แผล  ผงเกลือแร่  ยาแก้ปวดลดไข้ ฯลฯ   โทร. 0  2580  9881
     
         
  1 จัดเตรียมรถหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนใน   กองสร้างเสริมสุขภาพ
  พื้นที่ที่ประสบภาวะน้ำท่วม   ผู้อำนวยการกองสร้างเสริม
    สุขภาพ
    โทร. 0  2247  6024
         
  1 สำรวจพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง  เพื่อดำเนินการช่วยเหลือและเฝ้าระวัง   ศูนย์บริการสาธารณสุข 
  ป้องกันควบคุมโรคที่อาจเกิดขึ้นในภาวะดังกล่าว   68 แห่ง  (ศูนย์ประสานงานกลุ่มที่ 1 - 6) 
  2 จัดเตรียมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่และหน่วยสาธารณสุข เคลื่อนที่   ศูนย์ประสานงานกลุ่มที่ 1
  ปฎิบัติงานช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภาวะน้ำท่วม โดยมี    - กลุ่มที่ 1.1 ผู้อำนวยการ
  กองสร้างเสริมสุขภาพ  และกองควบคุมโรคติดต่อ   ศูนย์บริการสาธารณสุข 23
  เป็นหน่วยงานเสริม   สี่พระยา
    โทร.  0  2233 6329
     - กลุ่มที่ 1.2 ผู้อำนวยการ
    ศูนย์บริการสาธารณสุข 9
    ประชาธิปไตย
    โทร. 0 2282 8494
    ศูนย์ประสานงานกลุ่มที่ 2
     - กลุ่มที่ 2.1 ผู้อำนวยการ
    ศูนย์บริการสาธารณสุข 41
    คลองเตย
    โทร. 0 2240 2056
     - กลุ่มที่ 2.2 ผู้อำนวยการ
    ศูนย์บริการสาธารณสุข 21
    วัดธาตุทอง
    โทร. 0 2391 6082
    ศูนย์ประสานงานกลุ่มที่ 3
     - กลุ่มที่ 3.1 ผู้อำนวยการ
    ศูนย์บริการสาธารณสุข 44
    ลำผักชี
        โทร. 0 2988 1633
     - กลุ่มที่ 3.2 ผู้อำนวยการ
    ศูนย์บริการสาธารณสุข 4
    ดินแดง
    โทร. 0 2-2484955
    ศูนย์ประสานงานกลุ่มที่ 4
     - กลุ่มที่ 4.1 ผู้อำนวยการ
    ศูนย์บริการสาธารณสุข 61
    สังวาลย์ทัศนารมย์
    โทร. 0 2536 0163
     - กลุ่มที่ 4.2 ผู้อำนวยการ
    ศูนย์บริการสาธารณสุข 19
    วงศ์สว่าง
    โทร. 0 2910 7314 - 5
    ศูนย์ประสานงานกลุ่มที่ 5
     - กลุ่มที่ 5.1 ผู้อำนวยการ
    ศูนย์บริการสาธารณสุข 40
    บางแค โทร. 0 2454 7070
     - กลุ่มที่ 5.2 ผู้อำนวยการ
    ศูนย์บริการสาธารณสุข 33
    วัดหงส์รัตนาราม
    โทร. 0 2472 5895
    ศูนย์ประสานงานกลุ่มที่ 6
     - กลุ่มที่ 6.1 ผู้อำนวยการ
    ศูนย์บริการสาธารณสุข 29
    ช่วงนุชเนตร
    โทร. 0 2476 6493
     - กลุ่มที่ 6.2 ผู้อำนวยการ
    ศูนย์บริการสาธารณสุข 42
    ถนอมทองสิมา
        โทร. 0 2415 2052
ขณะน้ำท่วม 1 จัดจ่ายเวชภัณฑ์ วัสดุ อุปกรณ์  และสื่อประชาสัมพันธ์ ดังนี้   กองควบคุมโรคติดต่อ
   - วันราชการ เวลา 08.30  -  16.30  น.      ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อ
  นอกเวลาราชการ เวลา 16.30  -  20.30 น.   โทร.  0  2245  8005
  ณ  ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันโรคและภัยที่เกิดจากน้ำท่วม    
  กองควบคุมโรคติดต่อ  สำนักอนามัย    
  2 เฝ้าระวังและรายงานผลการปฏิบัติงานให้ผู้บริหารทราบ   กองควบคุมโรคติดต่อ
  กรณีพบว่ามีโรคระบาด เช่น โรคตาแดง  โรคเลปโตสไปโรซิส    
  โรคอุจจาระร่วง ฯลฯ  ทีม  SRRT  จะออกดำเนินการสอบสวนโรค    
  เพื่อควบคุมโรคให้สงบโดยเร็ว    
  3 จัดหน่วยบริการสาธารณสุข เคลื่อนที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือ  
"
  ประชาชนที่ประสบภาวะน้ำท่วมเสริมกรณีศูนย์บริการ -    
  สาธารณสุข  มีหน่วยฯ  ไม่เพียงพอ    
  4 ทำแผนปฏิบัติการกำจัดยุงภายหลังน้ำลด  
"
  5 จัดทีมพ่นสารเคมีกำจัดยุงลายป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก  
"
  เสริมการปฏิบัติการพ่นสารเคมีกำจัดยุงที่บ้าน    
  6 สรุปรวบรวมรายงานผลการปฏิบัติงานป้องกันโรคและภัยที่เกิด  
"
    จากน้ำท่วมเสนอผู้บริหาร    
  1 จัดหน่วยพ่นสารเคมีกำจัดยุงในชุมชน   สำนักงานเขต  50  เขต
        ฝ่ายสิ่งแวดล้อม และสุขาภิบาล
  1 ผลิตเวชภัณฑ์  เช่น  วิทฟิลด์ ป้องกันโรคน้ำกัดเท้ากรณีน้ำท่วม   กองเภสัชกรรม
  มากในภาวะฉุกเฉินที่องค์การเภสัชกรรมผลิตยาไม่ทัน   ผู้อำนวยการกองเภสัชกรรม
  2 จัดเตรียมและจัดจ่ายเวชภัณฑ์ป้องกันโรคที่เกิดจากน้ำท่วมให้กับ   โทร 0  2580  9881 
  หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  เช่น  กองควบคุมโรคติดต่อ  ศูนย์บริการ -    
  สาธารณสุข    
  3 รายงานผลการจ่ายเวชภัณฑ์ไปยังกองควบคุมโรคติดต่อ  เพื่อ  
"
    กองควบคุมโรคติดต่อ  สรุปรายงานเสนอผู้บริหารต่อไป    
         
  1 จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนที่ประสบ   กองสร้างเสริมสุขภาพ
  ภาวะน้ำท่วม    
         
  2 รายงานผลการปฏิบัติงานเป็นรายวันส่งกองควบคุมโรคติดต่อ   ผู้อำนวยการกองสร้างเสริม
    สุขภาพ
        โทร.  0  2247  6024
  1 ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่  และหน่วยบริการสาธารณสุข   ศูนย์บริการสาธารณสุข
  เคลื่อนที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภาวะน้ำท่วม   68  แห่ง  (ศูนย์ประสานงานกลุ่มที่ 1 -6)
  โดยมีกองสร้างเสริมสุขภาพและกองควบคุมโรคติดต่อ    
  เป็นหน่วยงานเสริม    
  2 ให้สุขศึกษาประชาสัมพันธ์แจกเอกสารแผ่นพับ  แผ่นปลิว    
"
  เตือนประชาชนให้ระวังโรคระบาดในช่วงน้ำท่วม  เช่น  โรค    
  เลปโตสไปโรซิส    โรคตาแดง ฯลฯ    
  3 สำรวจพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังที่คาดว่าจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของ  
"
  ยุงภายหลังน้ำลด    
  4 เฝ้าระวังโรคและภัยที่เกิดจากน้ำท่วม  เพื่อลดการแพร่ระบาดของ  
"
  โรคขณะน้ำท่วม    
  5 รายงานผลการปฏิบัติงานส่งกองควบคุมโรคติดต่อ  
"
         
หลังน้ำลด 1 สัปดาห์ที่  1 - 2  ดำเนินการฉีดพ่นสารเคมีกำจัดลูกน้ำยุงลายและ   สำนักงานเขต 50 เขต
  ยุงรำคาญในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำท่วมขังตามแผนปฏิบัติการและ   ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล
  ดำเนินการซ้ำในสัปดาห์ที่  3 - 4  ซึ่งห่างจากครั้งแรก  2 สัปดาห์    
         
  1 สรุปและรายงานผลการปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันโรค   กองควบคุมโรคติดต่อ
  และภัยที่เกิดจากน้ำท่วมเสนอผู้บริหาร   ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อ
  2 เฝ้าระวังโรคที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังน้ำลดเพื่อป้องกันควบคุมโรค   โทร.  0  2245  8005
    ให้อยู่ในภาวะปกติต่อไป    
  1 สำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง   ศูนย์บริการสาธารณสุข
  2 เฝ้าระวังโรคที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังน้ำลดเพื่อป้องกันควบคุมโรค   68  แห่ง  (ศูนย์ประสานงานกลุ่มที่ 1 -6)
  ให้อยู่ในภาวะปกติ    
  3 รายงานผลการปฏิบัติงานให้กองควบคุมโรคติดต่อ  เพื่อสรุป   
"
    รวบรวมนำเสนอผู้บริหาร