วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

จนท.ตายรายวันเรื่องปกติ! ‘สมช.’ยืนกรานเจรจาBRN เมื่อ 23 เม.ย.56


จนท.ตายรายวันเรื่องปกติ! ‘สมช.’ยืนกรานเจรจาBRN



"ยิ่งลักษณ์" หนุน "สมช." เดินหน้าเจรจา "บีอาร์เอ็น" ต่อ อ้างไม่มีทางเลือก พร้อมเร่ง "ครม." ส่งงบลงพัฒนาชายแดนใต้ กำชับคมนาคมดูแลถนนสัญจร "เลขาฯสมช." ชี้เหตุรุนแรงรายวันเรื่องปกติ อ้างช่วงเปลี่ยนผ่านต้องอดทน "ประยุทธ์" ย้ำดับไฟใต้ยึด กม.-เหตุผล อย่าใช้ความรู้สึก สั่งหาตัวคนติดป้ายแยกดินแดน คุยลงใต้ด้วยใจ 24 ชม. "ผบ.ฉก.นาวิกฯ" ตรวจชนวนระเบิดบึ้มคามืออีโอดี 
     ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 23 เม.ย. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ได้รับรายงานจากฝ่ายความมั่นคงแล้ว ซึ่งได้เน้นย้ำไปว่าต้องเร่งเรื่องมาตรการเพิ่มเติม โดยเฉพาะการดูแลความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่และประชาชน รวมทั้งการสำรวจข้อมูลข่าวกรองให้รวดเร็ว เพื่อให้พื้นที่ได้รับรายงานและเตรียมการให้ทันท่วงที
    น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ในการประชุม ครม. ได้มีการติดตามเรื่องปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยมีหลายส่วนที่เป็นเรื่องของงบประมาณ โดยเฉพาะงบที่จะนำลงไปพัฒนาในพื้นที่ เราได้ให้เร่งรัดเรื่องนี้ และบูรณาการกับฝ่ายความมั่นคง
    "วันนี้เราเร่งรัดเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครที่รับเพิ่ม เชื่อว่าอีกประมาณ 1-2 เดือน จะมีจำนวนบุคลากรลงไปช่วยเหลือในพื้นที่มากขึ้น  ดังนั้นช่วงนี้จะเป็นช่วงรอยต่อ นอกจากนี้ยังได้ให้มีการสำรวจเครื่องมือต่างๆ และสั่งให้กระทรวงคมนาคมลงไปดูถนนที่ประชาชนใช้สัญจร เพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยเฉพาะเส้นทางที่ต้องใช้ประจำ" น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
    ถามว่า ยังเชื่อมั่นการเจรจาร่วมกับกลุ่มบีอาร์เอ็นอยู่หรือไม่ เพราะหลังจากเจรจาแล้วยังคงเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นทุกวัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เชื่อว่าถ้าเรามีการพูดคุยกันบนหลักความเข้าใจ ซึ่งจริงๆ แล้วเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ชี้แจงผ่านสื่อมวลชนไปแล้วว่า การที่ได้มีการพูดคุยกันนั้น ต้องมีการให้ระยะเวลาในการยกระดับการไว้เนื้อเชื่อใจก่อน และต้องเรียนว่าเราไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าเราไม่มีการพูดคุยเลยเราต้องเจอสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง 
    พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯ สมช. กล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ต่อให้มีการพูดคุยหรือไม่พูดคุย เหตุการณ์ก็ยังจะคงมีอยู่ เพราะเป็นเหตุที่มีปัจจัยหลายประการ คือ ขบวนการบีอาร์เอ็นเอง และขบวนการอื่น รวมถึงภัยแทรกซ้อน ทั้งสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด การค้าน้ำมันเถื่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของผลประโยชน์ระหว่างกัน 
    "ฉะนั้นระหว่างมีการพูดคุย ตามประวัติศาสตร์ทุกที่จะมีการกลุ่มที่เห็นต่าง ซึ่งจะพยายามทำให้เกิดเหตุการณ์ เพื่อให้การพูดคุยไม่บรรลุเป้าหมาย ไม่บรรลุสันติภาพ เพราะฉะนั้นเหตุความรุนแรงถือว่าเป็นเรื่องปกติ เราจะต้องใช้ความอดทนที่จะต้องผ่านช่วงเปลี่ยนนี้ไปให้ได้" พล.ท.ภราดรกล่าว
    เลขาฯ สมช.กล่าวว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เริ่มมีการเจรจาสันติภาพ ได้มีการประเมินอยู่ตลอด ซึ่งเหตุการณ์ไม่ได้ถือว่ารุนแรงขึ้น แต่มีการก่อกวนที่มีสภาพถี่ขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในพื้นที่ที่มีการควบคุมได้อยู่ ไม่ได้มีการกระจายตัวออกไป ส่วนพื้นที่ที่เกิดเหตุซ้ำกันหลายครั้ง เรามีมาตรการการป้องกันโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะหน่วยนาวิกโยธิน ได้เพิ่มความเข้มข้นในพื้นที่อยู่แล้ว
    พล.ท.ภราดรกล่าวว่า กลุ่มที่ออกมาปฏิบัติการ เป็นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบรุ่นใหม่ ทราบแล้วว่าเป็นกลุ่มไหน แต่ขอไม่เปิดเผย การติดป้ายต่อต้านการเจรจา การก่อสถานการณ์เป็นการแสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยังมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นการพูดคุยต้องพูดคุยให้ครบทุกกลุ่ม เพียงแต่การเริ่มต้นการเจรจาจะเป็นการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นก่อน สุดท้ายแล้วต้องมีการพูดคุยกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว 
    "ในการพูดคุยวันที่ 29 เม.ย.นี้ ก็ต้องมีการสอบถามว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมายังมีบีอาร์เอ็นเข้าไปเกี่ยวข้องกับการก่อสถานการณ์จะดำเนินการอย่างไร เพื่อทำให้ได้ทราบข้อเท็จจริงขึ้น รวมทั้งคงจะได้รู้ระยะเวลาว่าจะสามารถลดการก่อเหตุได้ในระยะเวลาเท่าไร ตรงนี้อยู่ที่ความไว้เนื้อเชื่อใจ ต้องอดทนกันไปก่อน การเจรจายังคงต้องมีต่อไป ต้องเปิดช่องให้ผู้ที่มีความเห็นต่างในกลุ่มบีอาร์เอ็นเข้ามาคุยด้วยให้ได้" เลขาฯ สมช.กล่าว
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาไม่ได้ปฏิบัติการทางทหารอย่างเต็มที่ จำเป็นต้องใช้หลายมาตรการ หลายยุทธศาสตร์ เราต้องไม่สร้างเงื่อนไข และไม่ทำให้เกิดเงื่อนไขในอนาคตอีก ไม่อยากให้พวกเราใช้ความรู้สึกในการตัดสิน อยากให้ใช้เหตุและผล  ขณะนี้งานพัฒนายังลงไปไม่ได้ทุกพื้นที่ เพราะการรักษาความปลอดภัยยังทำได้จำกัด ถ้าทุกคนใช้ความรู้สึกผนวกกับการพูดคุยแล้วรู้สึกว่าจะได้ผลหรือไม่ได้ผล ถือเป็นเรื่องอันตรายจะเข้าทางอีกฝ่าย
    "ถ้าเราใช้ความรุนแรงมาก คนรุ่นใหม่จะเกิดขึ้นมาอีก เราต้องอดทนต่อการยั่วยุ อย่าไปเข้าทางของเขา และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยมาดูแลภัยแทรกซ้อน เช่น ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล การเมืองท้องถิ่น วันนี้ผมนอนไม่หลับ เพราะลูกน้องตายทุกวัน ผมไม่ได้ดีใจอะไรที่จะต้องมาจ่ายเงินลูกน้อง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว  
    ผบ.ทบ.กล่าวถึงการติดป้ายต่อต้านการเจรจาสันติภาพว่า เขามีมวลชนอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประสานกับ อบต. อบจ. และกำนันผู้ใหญ่บ้าน ต้องรู้ว่าใครออกมาทำ จะบอกไม่รู้ไม่ได้ เพราะถือว่าผิดกฎหมาย ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน อย่าปล่อยเรื่องนี้ ต้องหาคนผิดให้ได้
    "วันนี้ยังแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยไม่ได้ ก็ต้องทุ่มกำลังให้เต็มที่ และแผนการดำเนินงานต้องเปลี่ยนทุกวัน  ยุทธวิธีต่างๆ ต้องเปลี่ยนจากรุกเป็นรับ จากรับเป็นรุกตามสถานการณ์ การปิดล้อมตรวจค้นทำกันทุกวัน การลงพื้นที่ภาคใต้ผมไม่สามารถไปได้ทุกวัน แต่ผมไปด้วยใจ 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว" ผบ.ทบ.กล่าว
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ระเบิดจนทำให้เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) เสียชีวิต  วันนี้กองทัพบกดูแลเรื่องประกันชีวิต เงินตอบแทน และขณะนี้กำลังคิดดูแลผู้พิการในระยะยาว และเบี้ยรายเดือน ซึ่งการที่ผู้ก่อเหตุจุดชนวนระเบิดไว้ 2 ชั้น กองทัพก็ได้ศึกษาเรื่องนี้มาตลอด ซึ่งคนที่เก็บกู้คิดว่าได้ตรวจสอบขั้นต้นไปแล้ว เพราะถ้าระเบิดจริง คงระเบิดตั้งแต่มีการเคลื่อนย้าย ดังนั้นจะต้องไปดูสาเหตุว่าเกิดจากที่เราไปรื้อหรือเปิดระบบอะไรหรือไม่ 
    วันเดียวกัน น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ เป็นประธานส่งศพเจ้าหน้าที่ทหารจากชุดอีโอดีที่เสียชีวิตขณะทำการตรวจสอบวัตถุระเบิดที่เก็บกู้ได้ ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ฌาปนสถานกองทัพเรือ ฐานทัพเรือสัตหับ จ.ชลบุรี ก่อนที่จะมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีที่ภูมิลำเนา
    น.อ.สมเกียรติกล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นดังกล่าวต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ว่าสาเหตุที่เกิดระเบิดขึ้นขณะกำลังตรวจสอบเกิดจากแรงกระแทกระหว่างนำกลับไปที่ฐานหรือไม่ หรือว่าจะเกิดจากวงจรที่ทำงานเป็นระบบ 2 ชั้นที่คนร้ายได้วางระเบิดไว้ตบตาเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามถือว่าการทำงานของชุดเก็บกู้ชุดนี้ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาจนเกิดการสูญเสียก็ตาม
    ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ อ.หาดใหญ่ในระดับสูงสุด โดยมีการสนธิกำลังตำรวจทหารและ อส.ตรวจเข้มบริเวณจุดตรวจด้านความมั่นคงบนเส้นทางขาเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ โดยเฉพาะเส้นทางสายหลัก 3 เส้นทาง ทั้งถนนเพชรเกษม ถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ และถนนกาญจนวนิช เพื่อจับตาและเฝ้าระวังรถต้องสงสัยที่ฝ่ายความมั่นคงได้มีการแจ้งเตือน และทางกองบังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา ได้สั่งการด่วนให้เจ้าหน้าที่ตรวจเข้มต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงปลายเดือนนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงครบรอบ 9 ปีเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะและการเจรจากับแกนนำบีอาร์เอ็น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น