วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

บิ๊กตู่เฉ่งป้ายเต็มเมืองไม่รู้ สั่งลากคอคนป่วน สมช.อ้ารับโจรถกมาเลย์ตรึงกำลัง เมื่อ 24 เม.ย.56




บิ๊กตู่เฉ่งป้ายเต็มเมืองไม่รู้ สั่งลากคอคนป่วน

สมช.อ้ารับโจรถกมาเลย์ตรึงกำลัง

“ประยุทธ์” กร้าวเฉ่งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น อบต. อบจ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลากคอโจรใต้ป่วนแขวนป้ายต้านถกสันติภาพ ลั่นอ้างไม่รู้ใครทำไม่ได้ ย้ำส่งกำลัง รปภ.พื้นที่ใต้เต็มที่ ขณะที่ “ภราดร” เลขาธิการ สมช. พร้อมอ้าแขนรับกลุ่มป่วนใต้ ร่วมโต๊ะถกสันติภาพทุกเวลา ขณะที่มาเลย์ส่งทหารตรึงจุดผ่อนปรน ป้องโจรใต้ล้มโต๊ะเจรจาสันติภาพ ด้านผู้ว่าฯ สงขลาสั่งคุมเข้ม อ.หาดใหญ่ ป้องกันก่อวินาศกรรม รับวันครบรอบกรือเซะ 9 ปี 28 เม.ย.นี้
ย้ำดับไฟใต้ใช้สันติวิธี
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า การแก้ไขปัญหาไม่ได้ปฏิบัติการทางทหารอย่างเต็มที่จำเป็นต้องใช้หลายมาตรการ หลายยุทธศาสตร์ เราต้องไม่สร้างเงื่อนไข และไม่ทำให้เกิดเงื่อนไขในอนาคตอีก ไม่อยากให้พวกเราใช้ความรู้สึกในการตัดสิน อยากให้ใช้เหตุและผล ขณะนี้งานพัฒนายังลงไปไม่ได้ทุกพื้นที่ เพราะการรักษาความปลอดภัยยังทำได้จำกัด ไม่เต็มที่ ถ้าทุกคนใช้ความรู้สึกผนวกกับการพูดคุยแล้วรู้สึกว่า จะได้ผลหรือไม่ได้ผล ถือเป็นเรื่องอันตราย และจะเข้าทางอีกฝ่าย เพราะเขาพยายามใช้การพูดคุยกดดันเจ้าหน้าที่ และพยายามเดินหลายด้านทั้งงานการเมือง ยุทธศาสตร์ และทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเขาได้รับชัยชนะแล้ว ทำให้ฝ่ายรัฐต้องไปคุยกับเขา ความจริงไม่ใช่การพูดคุยเป็นการแสดงให้สังคมภายนอกเห็นว่าเราแก้ปัญหาด้วยสันติ แต่การปฏิบัติการทางกฎหมายต้องทำอย่างเต็มที่ เราจับกุมเขาได้มาก แต่เขาพยายามตอบโต้กลับมาทั้งยิงเด็ก ผู้หญิง และการวางระเบิด
“อย่าใช้คำว่า ผิดถูกกับการพูดคุย เพราะการพูดคุยเป็นเพียงยุทธศาสตร์ภายใต้กฎหมายและนโยบายของรัฐบาล จะได้ผลหรือไม่ก็ต้องทำ ถ้าเรานำเสนอไม่ชัดเจน ไม่แบ่งแยกออกจากกันจะกลายเป็นการเกื้อกูลต่อฝ่ายตรงข้าม เหมือนเป็นการเปิดเวทีให้กลุ่มผู้ก่อเหตุพูด โดยเฉพาะเรื่องความไม่เป็นธรรมของเขา การแก้ไขปัญหาใช้ความรุนแรงไม่ได้ กฎหมายต้องใช้ให้อยู่ในกรอบ ให้ความเป็นธรรม และใช้เท่าที่จำเป็น เราจับคนด้วยกฎหมาย การพูดว่าจับแล้วปล่อยพูดไม่ถูก มันไม่ใช่ เพราะเมื่อไม่มีหลักฐานเราก็ต้องปล่อย เนื่องจากหาหลักฐานไม่ทัน เพราะกลุ่มที่ก่อเหตุได้รับการอบรมในลักษณะการปกปิด ซ่อนเร้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะได้หลักฐาน เพราะเวลาจำกัด และคดีเกิดขึ้นมาก เกิดทุกวัน ต้องเข้าใจหลักการในการแก้ปัญหา ซึ่งทั้งการจับและการปล่อยต้องมีกฎหมาย” ผบ.ทบ.กล่าว
จี้ อปท.ลากคอโจรใต้แขวนป้ายป่วน
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ติดป้ายต่อต้านการพูดคุย และต้องการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขามีมวลชนอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประสานกับ อบต. อบจ. และกำนันผู้ใหญ่บ้าน ต้องรู้ว่าใครออกมาทำ จะบอกไม่รู้ไม่ได้ เพราะถือว่าผิดกฎหมาย ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน อย่าปล่อยเรื่องนี้ ต้องหาคนผิดให้ได้ วันนี้มีโพลเห็นด้วยกับการมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินเกิน 50% แต่ขอให้ใช้ด้วยความเป็นธรรม และเห็นด้วยกับการมีทหารอยู่ในพื้นที่ เพราะเห็นว่าหากทหารน้อยกว่านี้จะเอาไม่อยู่ และยังไม่เห็นด้วยที่จะส่งมอบพื้นที่ให้กับฝ่ายท้องถิ่น เพราะวันนี้เขายังรับไม่ไหว
“ผมไม่ทำงานเข้าข้างใคร ผมทำงานตามความรู้สึกไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราอยู่ไม่ได้ ส่วนเหตุการณ์ระเบิดจนทำให้เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) เสียชีวิตนั้น ผมเสียใจกับคนที่ได้รับการสูญเสียไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม วันนี้กองทัพบกดูแลเรื่องประกันชีวิต เงินตอบแทนและขณะนี้กำลังคิดดูแลผู้พิการในระยะยาว และเบี้ยรายเดือน ส่วนที่ผู้ก่อเหตุจุดชนวนระเบิดไว้ 2 ชั้นนั้น กองทัพได้ศึกษาเรื่องนี้มาตลอด ซึ่งคนที่เก็บกู้คิดว่า ได้ตรวจสอบขั้นต้นไปแล้ว เพราะถ้าระเบิดจริง คงระเบิดตั้งแต่มีการเคลื่อนย้าย ดังนั้น จะต้องไปดูสาเหตุว่าเกิดจากที่เราไปรื้อ หรือ เปิดระบบอะไรหรือไม่ ภาคใต้มีการสูญเสียแน่นอน เพราะมีการรบด้วยกองกำลังอยู่ ดังนั้นเราจะต้องสลายกองกำลังเหล่านี้ให้ได้ วันนี้เราสลายไปเยอะแล้ว แต่ถ้าเราใช้ความรุนแรงมากคนรุ่นใหม่จะเกิดขึ้นมาอีก เราต้องอดทนต่อการยั่วยุ อย่าไปเข้าทางของเขา และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยมาดูแลภัยแทรกซ้อน เช่น ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล การเมืองท้องถิ่น วันนี้ผมนอนไม่หลับเพราะลูกน้องตายทุกวัน ผมไม่ได้ดีใจอะไรที่จะต้องมาจ่ายเงินลูกน้อง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทุ่มกำลังรักษาพื้นที่ใต้เต็มที่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนต้องรักษาสภาวะแวดล้อมในพื้นที่ภาคใต้ไว้ให้ได้ วันนี้ยังแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยไม่ได้ ก็ต้องทุ่มกำลังให้เต็มที่ และแผนการดำเนินงานต้องเปลี่ยนทุกวัน ยุทธวิธีต่างๆ ต้องเปลี่ยนจากรุกเป็นรับ จากรับเป็นรุกตามสถานการณ์ การปิดล้อมตรวจค้นทำกันทุกวัน ส่วนการลงพื้นที่ภาคใต้ ตนไม่สามารถไปได้ทุกวัน แต่ตนไปด้วยใจ 24 ชั่วโมง อยู่แล้ว ยืนยันว่า การสั่งการต่างๆ ที่อยู่ในอำนาจรับผิดชอบ ตนจะลงไปเร่งรัดและติดตามผลงาน อันไหนที่อยู่นอกเหนือการสั่งการของตน ตนก็ต้องประสานนายกฯ เพื่อสั่งการให้กระทรวง ทบวงกรม ไปเร่งรัดงานในด้านต่างๆ การแก้ปัญหาอย่าใช้ความรู้สึก เพราะจะทำให้ตนรู้สึกแย่ และเจ้าหน้าที่ทำตัวไม่ถูก ทุกวันนี้ขีดความสามารถในเชิงรุกของเราลดลงไป เนื่องจากเราต้องทำงานอื่นด้วย อยากขอร้องไปยังสื่อ ว่าการนำเสนอข่าวใดๆ ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบอาจนำไปใช้ประโยชน์ ที่บอกว่าฝ่ายรัฐเสียเปรียบ ฝ่ายรัฐแพ้ ขอยืนยันว่าเรายังไม่แพ้ เพราะเราถือกฎหมายอยู่
เลขาฯ สมช.อ้าแขนรับกลุ่มป่วนใต้นั่งโต๊ะเจรจา
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงมีการก่อเหตุขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่า ยืนยันว่า ไม่ว่าจะมีการพูดคุยกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็นหรือไม่ เหตุการณ์ความรุนแรงก็ยังจะเกิดขึ้นอยู่ ซึ่งเหตุดังกล่าวมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น เกิดจากกระบวนการบีอาร์เอ็นเอง เกิดการกระบวนการอื่น นอกจากนี้ยังมีภัยแทรกซ้อน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ปัญหายาเสพติด การค้าของเถื่อน ซึ่งยังคงมีอยู่ อย่างไรก็ดีตาม ประวัติศาสตร์ของการพูดคุยย่อมมีผู้ที่เห็นต่าง และพยายามก่อเหตุเพื่อให้การพูดคุยไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย จึงจำเป็นต้องใช้ความอดทนเพื่อที่จะผ่านช่วงนี้ไปให้ได้
พล.ท.ภราดร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีการติดป้ายผ้าต่อต้านการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ฉะนั้น ต้องมีการพูดคุยให้ครบทุมกลุ่ม แต่จริงๆ แล้ว เราพร้อมพูดคุยกับทุกกลุ่ม แต่เราไปเริ่มที่บีอาร์เอ็นก่อน ซึ่งสุดท้ายต้องมีการพูดคุยกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว เพราะจะทำให้ทราบปัญหาทุกปัญหา เมื่อพูดคุยกับทุกกลุ่มแล้วจะเห็นปัญหาองค์รวมแล้วสามารถแก้ปัญหาแบบบูรณาการได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้รัฐบาลส่งสัญญาณในการเชิญและพร้อมให้ทุกกลุ่มเข้ามาพูดคุย ทั้งนี้ กำลังหาวิธีการอยู่ การพูดคุยเบื้องต้นยังคงเป็นบีอาร์เอ็น เพราะถือเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นว่า บีอาร์เอ็นไม่สามารถควบคุมกลุ่มอื่นๆ ได้ใช่หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า บีอาร์เอ็นยอมรับอยู่แล้ว ว่าการพูดคุยครั้งนี้ยังมีผู้ที่เห็นต่างอยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งเขาจะไปพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจต่อไป ซึ่งการพูดคุยในวันที่ 29 เมษายน จะมีการทวงถามว่า 1 เดือนที่ผ่านมา จะแก้ไขปัญหาอย่างไรจากปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า การที่รัฐบาลนำกลุ่มวาดะห์เข้ามาช่วยแก้ปัญหาความไม่สงบนั้น ทำให้ผู้ก่อความไม่สงบไม่พอใจ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เป็นข้อคิดเห็นที่แตกต่างกันไป แต่ข้อเท็จจริงแล้ว กลุ่มวาดะห์ เป็นผู้มีประสบการณ์ เพื่อสื่อสารให้ทางรัฐบาลทราบข้อมูลในสิ่งที่เคยดำเนินการในอดีต นับว่าเป็นประโยชน์ส่วนหนึ่ง ส่วนข้อคิดเห็นอื่นๆ ก็คิดเห็นกันได้
เมื่อถามว่ามีรายงานว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้นำสไนเปอร์เข้ามาในพื้นที่ เพื่อเตรียมปฏิบัติการ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า “ยังไม่มีรายงานในเรื่องดังกล่าว”
เร่งสอบเหตุระเบิดในค่ายนาวิกฯ
น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจ นาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ เปิดเผยว่า เหตุระเบิดภายในกองบังคับการชุด เฉพาะกิจนราธิวาส 32 อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส วันที่ 22 เม.ย. 56 จนส่งผลให้กำลังพลเสียชีวิต 3 นาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย ยังคงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ว่าสาเหตุที่เกิดระเบิด เป็นเพราะแรงกระแทกระหว่างนำกลับไปที่ฐานหรือไม่ หรือว่าจะเกิดจากวงจรที่ทำงานเป็นระบบ 2 ชั้น ที่คนร้ายได้วางระเบิดไว้ตบตาเจ้าหน้าที่
สำหรับชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดชุดเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดขึ้นภายในฐานมีด้วยกัน 3 นาย ประกอบด้วย 1.ร.ท.ไชยสิทธิ์ เตชะสว่างวงศ์ 2.พ.จ.อ.ทัศนัย ชมพูทวีป และ 3.จ.อ.เรวัติ คงนาค ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมีด้วยกัน 6 นาย ขณะนี้นอนรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จำนวน 2 นาย คือ พ.จ.อ.สมเพชร ญาณปัญญา และ จ.อ.ธีรวัฒน์ สุขรอดรู้ ส่วนอีก 3 นายคือ จ.อ.สายัณห์ ชินบุตร จ.อ.ธงชัย สุยวงศ์ และ จ.อ.ศราวุฒิ ตาปนานนท์ นอนรักษาตัวอยู่ที่ตึกศัลยกรรมชาย สำหรับอีก 1 รายคือ จ.อ.องอาจ ศักดา ซึ่งมีอาการสาหัส ถูกส่งไปรักษาต่อที่ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นั้น อาจจะต้องสูญเสียดวงตาข้างซ้าย จากถูกสะเก็ดของระเบิด
ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดปรับแผนรับเหตุร้าย
พ.ท.สมควร คงยิ่ง หัวหน้าชุดทำลายล้างวัตถุระเบิดอโณทัย กองทัพบก กล่าวว่า การสูญเสียกำลังพล 3 นาย ขณะพิสูจน์ทราบวัตถุระเบิด เป็นการสะท้อนว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดนับจากนี้จะต้องใช้ความระมัดวังมากยิ่งขึ้น โดยทุกครั้งที่เข้าทำการตรวจสอบ จะต้องมีการทำลายวัตถุระเบิด ณ ในสถานที่ที่มีการใช้ก่อเหตุทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีก ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถึงแม้จะมีการเก็บกู้ไปแล้วนั้น ส่วนตัวมองว่า ไม่น่าจะเป็นการลวงของกลุ่มคนร้าย ที่มีการต่อชนวนไว้ 2 ชั้น แต่น่าจะมาจากการกระแทกของประจุไฟฟ้าที่อยู่ภายในทำให้เกิดแรงปะทุขึ้นอีกครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น