วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การปะทะระหว่างประชาธิปไตย 2 แบบ ท่านขุนน้อย 20 November 2555 - 00:00



ไม่ใช่แค่ระดับลิ่วล้อเท่านั้น...ที่ออกอาการ สติแตก ต่อกรณีม็อบ 
เสธ.อ้าย ซึ่งจะได้ฤกษ์เบิกโรง ในช่วงวันเสาร์ที่จะถึงนี้เท่านั้น กระทั่ง นายใหญ่ ยังถึงกับแหกปาก ส่ง วิดีโอลึงค์ มาถึงบรรดาไพร่ทาสทั้งหลาย ฟาดงวง ฟาดงา เล่นงานไปถึงป๋า-ลูกป๋า ไล่เรียงชนิดเป็นลูกระนาด เฮ้ออ์อ์อ์...อะไรมันจะประสาททั้งลูก ทั้งพ่อ ทั้งครอบครัวและบริวาร เท่านี้ย่อมไม่มีอีกแล้ว...
                               --------------------------------------------------
    ว่าไปแล้ว...การก่อม็อบของ เสธ.อ้าย คงไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการแสดงออกตามแบบแผน แนวทาง ในระบอบประชาธิปไตยธรรมดาๆนั่นแหละ ถ้าหากเอาไปเปรียบเทียบกับคนนับเป็นล้านๆ ที่ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นกรีซ สเปน อังกฤษ อิตาลี ฯลฯ แค่ไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นต้น ก็ไม่ได้มีอะไรผิดแผก แตกต่าง กันไปเลยแม้แต่นิด ซึ่งก็ไม่ได้มีใครคิดจะแจ้งความจับในข้อหากบฏ หรือคิดจะระดมพล เอาม็อบมาชนม็อบ ทั้งๆ ที่ผู้ชุมนุม ผู้ประท้วง ต่างป่าวประกาศเอาไว้ชัด ถึงความไม่พอใจต่อนักการเมือง ไม่ว่าฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหนก็ตาม แถมยังเสนอให้เปลี่ยนระบบประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง มาเป็นประชาธิปไตยทางตรง ซะอีกด้วย...
                              -----------------------------------------------
    พูดง่ายๆ ก็คือ...การรวมตัวของมวลชน เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อระบบ หรือตัวบุคคลใดๆ ก็ตามแต่ ถ้าหากไม่ได้มีการขนเอาน้ำมันใส่ขวดมาคนละขวด สองขวด แสดงอาการกระเหี้ยน กระหือรือ ว่าเตรียมจะมาเผาบ้าน เผาเมือง เผาศาลากลางจังหวัด อยู่แล้วแน่ๆ ไม่ได้แอบซุกอาร์พีจี มายิงถล่มใส่คลังน้ำมัน ใส่วัดพระแก้ว ไม่ได้ขนเอาปืนอาก้า มาแจกจ่ายให้หน่วยการ์ดของตัวเอง คอยลอบยิงเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย หรือกระทั่งยิงประชาชนด้วยกันเอง เพื่อจุดชนวนความบ้าคลั่งให้กับม็อบ ฯลฯ แต่มากันแบบสองมือเปล่า มาแสดงออกถึงความคิดและเจตนารมณ์ของตัวเองโดยสันติ ไม่ว่าจะเป็นประเทศหน้าเขา หรือหลังเขาก็แล้วแต่ ย่อมต้องถือเป็นการแสดงออกตามวิถีทางประชาธิปไตย อย่างมิอาจปฏิเสธได้โดยเด็ดขาด...
                                --------------------------------------------------
    ส่วนใครจะขนใครมา มีเทคนิค กรรมวิธี ในการระดมผู้เข้ามาร่วมชุมนุมกันแบบไหน อย่างไร อันนั้น...ย่อมต้องถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของม็อบทั้งหลาย ถ้าหากไม่ถึงกับส่งแม่ยาย น้องเมีย น้องสาว ไปยืนแจกเงิน ส่งน้ำ ส่งข้าว ให้ม็อบแบบประเจิดประเจ้ออยู่หลังเวที หรือข้างๆ เวที มันคงไม่ถึงกับน่าเกลียด น่าชัง อะไรมากมาย เพราะขนาด นางสาวยิ่งลักษณ์ ของ นายใหญ่ ก็เคยทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว แต่ในเมื่อคราวนั้น มันกลายเป็นประชาธิปไตยจ๋า แล้วทำไมคราวนี้กลับดันกลายเป็นเรื่องของกบฏ เป็นเรื่องของอำมาตย์วางแผน คิดจะเล่นงานไพร่กันไปซะอีกจนได้...
                                  -----------------------------------------------
    ซึ่งก็ด้วยเหตุที่มันเป็นซะยังงี้นี่แหละ...ที่ทำให้ใครต่อใคร เค้าเลยทนไม่ไหว กับประชาธิปไตยประเภทพวกกู ของกู ประชาธิปไตยประเภทใครยอมข้าอยู่ ใครขวางข้าตาย ที่ไม่เพียงแต่พยายามยัดเยียดความฉิบหายให้กับพวกมึง และฝ่ายตรงข้าม มาโดยตลอด แต่ยังพร้อมจะยัดเยียดความฉิบหาย ให้กับชาติบ้านเมือง ไม่ว่าตั้งแต่ระดับยอดถึงฐาน ไม่ว่าจะในแง่การปกป้องสิ่งซึ่งมีความสำคัญต่อความสามัคคีในชาติ การโกงแล้วเอามาแบ่งกันมั่ง การไล่ล่า รังควาน ผู้ที่เป็นอุปสรรค ขัดขวาง ต่อการแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเองและพรรคพวก ด้วยการแสดงออกถึงความรู้สึกดังกล่าวทั้งในเวทีสภา และนอกสภา อย่างเป็นกิจจะลักษณะ...
                               ------------------------------------------------
    ส่วนการแสดงออกถึงความไม่พอใจเหล่านี้ มันจะยกระดับไปถึงขั้นไหน อันนี้...ก็ขึ้นอยู่กับผู้ซึ่งมีหน้าที่ในการบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง หรือรัฐบาลเองนั่นแหละ ถ้าหากเป็นรัฐบาลที่ฉลาดๆ หรือรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แทนที่จะไปออกอาการสติแตก หันไปไล่ล่า เล่นงาน ใครต่อใครที่คิดเอง เออเอง ว่าร่วมควักเงินลงขันกันถึง 6,000 ล้าน หรือส่งวิดีโอลึงค์ มาถึงไพร่ทาส ให้เตรียมตอบโต้ รับมือเตรียมพร้อมในที่ตั้ง สู้หันมา ขจัดเงื่อนไข หาทางลดความไม่พอใจต่อรัฐบาล ในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี ย่อมถือเป็นหนทางที่ถูกต้อง ทางที่เหมาะ ที่ควร ยิ่งกว่าการพล่านไป พล่านมา อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ในทุกวันนี้...
                                   ---------------------------------------------
    เรียกว่า...แทบไม่ต้องไปพะวงกับ เสธ.อ้าย ให้เหนื่อยแรง สู้หันมากำหราบบรรดา เสธ.อ้วก ที่พยายามชูหัว ชูคอ อยู่ในกลุ่มก้อนตัวเองน่าจะเหมาะกว่า หรือผู้ที่เป็นตัว สร้างเงื่อนไข ให้ผู้คนเกิดความไม่พอใจต่อรัฐบาล เพิ่มขึ้นๆ ตามลำดับ ผู้ที่ควักเงินไปจำนำข้าว ซะจนธนาคาร ธ.ก.ส.แทบล้มละลาย ผู้ที่หันไปถอดยศหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม ทั้งๆ ที่ไม่เคยใช้ยศนำหน้ามาตลอดยี่สิบสามสิบปี แต่ดันไม่คิดจะถอดยศหัวหน้าพรรคตัวเอง ทั้งๆ ที่มีกฎหมายบังคับอยู่จะจะ ผู้ที่คิดจะยกอำนาจอธิปไตยไปให้กับต่างชาติ เพียงเพื่อจะปกป้องรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของตัวเอง เอาไว้ให้มั่นคงแข็งแรง ผู้ที่เอาเงินไปไซฟอนที่ฮ่องกงคราวละเป็นร้อยล้าน พันล้าน ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ ที่จะทำให้ เสธ.อ้าย สามารถหมดฤทธิ์ หมดเดช ลงไปได้ไม่ยาก หรือไม่มี เงื่อนไข ใดๆ พอที่จะระดมผู้คนมาแสดงออกถึง ความไม่พอใจต่อรัฐบาล...
                                -------------------------------------------------
    แต่ก็อย่างว่า...กรรมวิธีเช่นนี้ มันอาจจะไม่ถึงกับง่ายเท่าไหร่ โดยเฉพาะถ้าหากบรรดา เสธ.อ้วก หรือผู้ที่น่าอ้วกทั้งหลาย ดันเป็นตัวของตัวเอง เป็นโคตรเหง้า เหล่าตระกูล เป็นพรรคพวกบริวารที่ตัดไม่ได้ ขายไม่ขาด ด้วยกันทั้งสิ้น การปะทะกันระหว่าง ประชาธิปไตยเพื่อตัวกู-ของกูกับ ประชาธิปไตยอันมีชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง มันจึงกลายเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ส่วนใครชนะ-ใครแพ้...อันนี้ คงต้องลองไปถาม พระสยามเทวาธิราช ดูเอาเองก็แล้วกัน...
                              ------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Abraham Lincoln...Let us have faith that right makes might, and in that faith let us do our duty as we understand it. - ขอให้เรามีความเชื่อมั่น ศรัทธา ว่า ความถูกต้องเป็นธรรมคืออำนาจ และด้วยความเชื่อ ความศรัทธาเช่นนี้ เราจงปฏิบัติหน้าที่ไปตามที่เราเข้าใจ...
                               -----------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น