วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

อนุกมธ.ยัน"ชายชุดดำ"มีจริง ชี้ดีเอสไอมีหลักฐานแต่เมินทำคดี โดย TnewsOnline เมื่อ 9 เม.ย.56




อนุกมธ.ยัน"ชายชุดดำ"มีจริง ชี้ดีเอสไอมีหลักฐานแต่เมินทำคดี
โดย    TnewsOnline
อนุกมธ.แถลงยัน"ชายชุดดำ"มีจริงทำงานร่วมนปช.ชุมนุมปี 53 ระบุดีเอสไอเมินคดี"ร่มเกล้า"แม้หลักฐานชัด คาด"วสันต์"ตายฝีมือพวกเดียวกัน 
   
         วันนี้ ( 9 เม.ย.)  คณะอนุกรรมาธิการ(กมธ.)ตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามความคืบหน้าทางคดีของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ทางการเมืองในคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่มีนายสมชาย แสวงการ สว.สรรหา เป็นประธาน ได้แถลงข่าวสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.21 รอ.)และผู้ชุมนุมเมื่อ 10 เมษายน 2553
          
         ด้าน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ หนึ่งในอนุกมธ.กล่าวว่า อนุกมธ.ได้มีศึกษาคลิปวีดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งมีการรวบรวมหลักฐาน และพยานบุคคลกว่า 100 ปาก ซึ่งผลการศึกษาได้ข้อสรุปใน 4 ประเด็นคือ 1.อะไรเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความรุนแรง โดยในประเด็นนี้อนุกมธ.เห็นว่าเหตุการณ์ทางการเมืองในวันที่ 10 เมษายนปี 53นั้นไม่ได้เกิดจากการเริ่มต้นโดยฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ 2.ในเรื่องขอบเขต ความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในวันดังกล่าวนั้น อนุกมธ.มองว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เพราะการชุมนุมของกลุ่มนปช.ในขณะนั้นซึ่งในตอนแรกมีการชุมนุมอยู่แค่บริเวณแยกผ่านฟ้า แต่ภายหลังได้เลยมาที่ถนนราชดำเนิน จนมีการชุมนุมที่บริเวณแยกราชประสงค์
          
         นอกจากนี้ 3.ในประเด็นเรื่องชายชุดดำนั้น จากหลักฐานซึ่งเป็นคลิปวีดีโอที่อนุกมธ.ได้รับนั้นปรากฎภาพชายชุดดำได้เข้ามาทำงานร่วมกับกลุ่มนปช. อีกทั้งยังมีพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านได้ระบุว่า มีรถตู้ขับมาส่งชายชุดดำจากนั้นกลุ่มชายชุดดำก็ได้เดินเข้าไปยังกลุ่มผุ้ชุมนุมที่อยู่บริเวณโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งในขณะนั้นมีนักข่าวอิสระจากต่างประเทศสามารถบันทึกภาพไว้แต่แต่ก็ถูกชายชุดดำกลุ่มดังกล่าวใช้ปืนจี้หัวและยึดกล้องที่บันทึกภาพไป ดังนั้นเมื่อมีบุคคลที่พบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวหลายคนจึงเชื่อได้ว่า กลุ่มชายชุดดำมีส่วนร่วมในการใช้อาวุธยิงใสเจ้าหน้าที่ทหารโดยอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มนปช. และประเด็นที่ 4 ในเรื่องความคืบหน้าการเสียชีวิตของพล.อ.ร่มเกล้า ทางอนุกมธ.เห็นว่า ในวันเกิดเหตุนั้นมีผู้ที่เก็บกระเดื่องระเบิดชนิดเอ็ม 67 จำนวน 2 ลูกซึ่งถูกขว้างมามาจากบ้านซึ่งอยู่บริเวณด้านข้างโรงเรียนสตรีวิทยาซึ่งเป็นบริเวณที่กลุ่มนปช.มีการชุมนุม แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)กลับไม่ดำเนิการสอบสวน ดังนั้นทางอนุกมธ.จึงเห็นว่าทางดีเอศไอมีการดำเนินการที่ล่าช้าทั้งที่มีพยานหลักฐานชัดเจน
          
         ด้านนพ.วิรัตน์ พาณิชย์พงษ์ สว.สรรหา ในฐานะอนุกมธ.กล่าวว่าในคดีของพล.อ.ร่มเกล้านั้นเมื่อกลับมาดูที่เกิดเหตุนั้นพบว่า มีหลุมซึ่งเกิดจากระเบิดชนิดเอ็ม 67 ซึ่งนั่นน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พล.อ.ร่มเกล้าเสียชีวิต นอกจากนี้ในกรณีการเสียชีวิตของนายวสันต์ ภู่ทอง กลุ่มผู้ชุมนุมนั้นตนเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่กระสุนจะถูกยิงมาจากฝ่ายทหาร เพราะบริเวณที่เกิดเหตุมีผู้ชุมนุมเป็นจำนวนมากจึงเชื่อว่า นายวสันต์น่าจะเสียชีวิตด้วยฝีมือกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยกันเอง เพราะขณะนั้นไม่มีทหารอยู่ในบริเวณดังกล่าว
          
         ทั้งนี้นายสมชายได้กล่าวสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของอนุกมธ.ว่า 1.มีชายชุดดำอยู่ในวันที่ 10 เมษายน โดยมีการเตรียมการก่อนหน้าวันเกิดเหตุในการใช้อาวุธปืนอาก้า ,เอ็ม77 ,ระเบิดเอ็ม 67 และแก๊ซน้ำตา ยิงใส่เจ้าหน้าที่ที่ขณะนั้นมีเพียงโล่ห์และกระบองเท่านั้น 2.อนุกมธ.มีข้อสงสัยว่าผู้เสียชีวิตจำนวน26ที่พบในวันดังกล่าวจะถูกลำเลียงมาจากที่อื่นหรือไม่ เพราะหากดูจากรอยเลือดหรือดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุนั้นก็ขัดกับผลการตรวจสอบ อีกทั้งจากพยานหลักฐานก็ไม่สามารถระบุว่ามีผู้เสียชีวิตในบริเวณดังกล่าวมากถึง26ศพ ดังนั้นจึงอยากให้ดีเอสไอเร่งตรวจสอบในคดีนี้ และ3.ในเรื่องการดำเนินคดีใน4กลุ่มคดีนั้น อนุกมธ.เห็นว่าขณะนี้แทบจะไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งยังมีความสงสัยว่าในส่วนการดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะจำเลยที่1นั้นทางอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องไปยังพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วหรือไม่ นอกจากนี้ยังตนมองว่ากระบวนการสอบสวนของดีเอสไอยังไม่ครอบคลุมผู้เสียชีวิต จำนวน 89 ราย
          
         อย่างไรก็ตามทางคณะอนุกรรมาธิการจะเสนอผลการพิจารณาเข้าสู่ที่ประชุมกมธ.ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ เพื่อเสนอเรื่องต่อไปยังวุฒิสภาต่อไป นอกจากนี้จะมีการแจ้งผลการศึกษาให้ญาติผู้เสียชีวิตได้รับทราบ ทั้งนี้ขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่รัฐที่ดำเนินการในเรื่องนี้ให้ดำเนินการตามกฎหมาย อย่างเป็นธรรมทุกฝ่าย ตรงไปตรงมา ขอให้หาข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ได้ก่อนแล้วค่อยดำเนินการข้ามขั้นไปสู่การนิรโทษกรรม ในส่วนของอนุกมธ.นั้นยืนยันว่าปฏิบัติตามหน้าที่ฝ่ายนิติบัญยัติอย่างตรงไปตรงมา และเป็นธรรมที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น