วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

ฉายซ้ำดัน กม.ล้างผิด ต้มเปื่อยคนเสื้อแดง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2556 07:58 น.

ฉายซ้ำดัน กม.ล้างผิด ต้มเปื่อยคนเสื้อแดง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์19 เมษายน 2556 07:58 น.


รายงานการเมือง
       
       เอาจนได้ สำหรับพลพรรคเพื่อไทยของ “นายใหญ่” หลังจากเก้ๆ กังๆ ยึกๆ ยักๆ ทำท่าจะดัน ไม่ดันมานานนม วันนี้เอาเสียที แถมเป็นมติพรรคห้ามแตกแถวให้ยกมือสนับสนุนการเลื่อนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม (พ.ร.บ.นิรโทษกรรม) ฉบับ 42 ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่นำโดย “เดอะเงาะ” วรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ที่ไปยื่นคาสภาผู้แทนราษฎรจนฝุ่นเกาะมาพักใหญ่ๆ มาพิจารณากันเสียที
       
       อย่างไรก็ดี แต่การเลื่อนครั้งนี้ก็ยังออกไปในแนวปากกล้าขาสั่น เพราะแม้จะโชว์บทไม่กลัวแนวต้าน ไม่กลัวองค์กรอิสระ วัดใจเลื่อนวาระขึ้นมาพิจารณาแบบเร่งด่วน แต่ก็ยังต้องรอการประชุมสภาในสมัยหน้าเปิดเสียก่อน เพราะมาเลื่อนวาระเอาวันสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุม
       
       ไม่เท่านั้นยังต้องหลีกทางให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาเรื่องกำหนดการแปรญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตราที่คาราคาซังว่าจะเอา 15 วัน ตามแบบฉบับแนวร่วมรัฐบาล หรือจะเอา 60 วัน ตามแบบฉบับพรรคประชาธิปัตย์ ที่อย่างไรแบบแรกก็เข้าวินไปนอนรออยู่แล้วด้วยเสียงข้างมาก
       
       ตามคิวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญคือเป้าหลัก ส่วนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแค่ตัวหลอก เวลาสภาสมัยนี้เหลือแค่ 1 วัน พวกตัวหลอกก็ต้องหลีกทางให้ของจริงไปก่อนกันตามเนื้อผ้าอยู่แล้ว
       
       แม้จะยังไม่ถึงคิวต้องพิจารณาในสมัยนี้ แต่ก็เอาเป็นว่าการที่พรรคเพื่อไทยหยิบเผือกร้อนมาวางไว้ในสภาก็กระตุกอารมณ์แนวต้านให้หุนหันควันออกหูออกจมูกได้พอสมควร เพราะเจ้า “ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม” ฉบับนี้มีเนื้อหาเพียงไม่กี่หน้า แถมยังไม่เคลียร์เรื่องนัยยะซ่อนเร้นที่อาจเหน็บชื่อ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีคดีทุจริตคอรัปชั่นติดหางเป็นดินพอกหางหมูเข้าไปให้ได้รับอานิสงส์ด้วย
       
       เรียกว่า อารมณ์ได้คุกรุ่นกันแน่ๆ หลังจากนี้
       
       จับจังหวะพรรคเพื่อไทยกล้าขยับหยิบร่างพ.ร.บ.ร้อนฉบับนี้ขึ้นมา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ทั้งรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยออกแนวแขยงไม่กล้าแตะ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเมื่อไหร่ที่หยิบจับ สถานการณ์บ้านเมืองจะเบนทิศเข้าสู่วังวนแห่งความขัดแย้งกันอีกระลอกได้ง่ายๆ
       
       ที่สำคัญ “ฝ่ายต้าน” ที่ง้างเท้ารอจะรีบคว้าเอาไปเป็นเงื่อนไขแล้วเฮโลกันมาขับไล่รัฐบาลกันถึงรัฐสภา และทำเนียบรัฐบาลแบบทันที ดังนั้น ที่ผ่านมา “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” จึงเลือกจะทำแบบขอไปที สไตล์ผักชีโรยหน้าด้วยการโยนไปให้มือกฎหมายของรัฐบาลอย่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปศึกษา เพื่อลูบอารมณ์มวลชนไม่ให้ออกมาเกะกะสร้างความวุ่นวาย
       
       ทั้งๆที่จริงๆ วิธีนี้มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า มันเป็นการหมักดอง โดยที่ไม่มีความคืบหน้าเลยแม้แต่กระเบียดนิ้วเดียว
       
       แต่การรุกคืบครั้งนี้แบบเป็นกิจลักษณะครั้งนี้ เพราะพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้องแดงที่สยายกลายร่างเป็นอำมาตย์ในปัจจุบันต้องการสื่อให้บรรดาคนเสื้อแดงที่ชักจะออกแนวเหวี่ยงๆ กับพฤติกรรม “ขี้กลัว” และ “เห็นแก่ตัว”ของรัฐบาลสงบลง
       
       หลังจากเริ่มรู้ๆอารมณ์ว่า มีทั้งแกนนำคนเสื้อแดงสายวิชาการ และมวลชนบางส่วนไม่ปลื้ม จนมีแววว่าจะออกมาตีโพยตีพายอาละวาดพวกเดียวกันเองอย่างรัฐบาล บางทีอาจถึงขั้นยกพลมาเป็นม็อบแบบเมื่อครั้ง “อาจารย์หวาน - สุดา รังกุพันธุ์” อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขนโขยงกันมายื่นถึงรั้วทำเนียบรัฐบาล
       
       แต่รอบนี้ถ้าไม่มีความคืบหน้า อาจจะรุนแรงกว่าเก่า!
       
       กับอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องรีบขยับ เพราะระยะหลังแกนนำคนเสื้อแดงอิงฝ่ายบริหารชักได้กลิ่นไม่ดี หลังโดนฝ่ายตรงข้ามขยันเสี้ยม และประจานว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะกลัวสั่นคลอนเสถียรภาพของตัวเอง และฉีกหน้ากากว่า การขยับเขยื้อนนิรโทษกรรมหลายๆครั้งของรัฐบาลเป็นเพียงการเลี้ยงอารมณ์มวลชนเท่านั้น
       
       ระยะหลังแกนนำคนเสื้อแดงเลยโดนข้อหา “ต้มเสื้อแดง” กันเสียเปื่อย
       
       เมื่อเป็นเช่นนี้ การเดินหน้าแบบเป็นรูปธรรมให้คนเสื้อแดงได้เห็นเพื่อสยบข้อหาที่ถูกโจมตีในช่วงระยะเวลาที่มวลชนเริ่มหงุดหงิด และเสี่ยงที่จะแตกแถวจนอาจทำให้เสียแนวร่วม รวมถึงสถานการณ์การเมืองชักจะส่อไปในทางแหลมคมมากขึ้นเรื่อยๆ ไว้ใจไม่ได้ จึงเป็นอะไรที่พอเหมาะพอเจาะที่ต้องรีบทำ
       
       หากจับพฤติกรรมการขอเลื่อนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ “เดอะเงาะ” ของพรรคเพื่อไทยเที่ยวนี้ แม้ดูว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะกล้าเสี่ยงวัดใจพิจารณากัน แต่ดักทางกันให้ชัดก็ออกแนวเข้าอีหรอบอาจ “ต้มเสื้อแดง” กันรอบสอง เพราะแม้จะเป็นการเลื่อนมาพิจารณา แต่ก็เกิดขึ้นในสมัยการประชุมหน้า ไม่ใช่สมัยประชุมนี้ แถมถึงเวลาจริงเจอแรงต้าน ไม่รู้จะกล้าดันต่อหรือเปล่า
       
       ขณะเดียวกัน เรื่องน้ำหนักการให้ความสำคัญของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ก็ค่อนข้างชัดว่าไม่มากเท่าที่ควร เพราะหากนำไปเทียบกับเมื่อครั้ง “วัฒนา เมืองสุข” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ “พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ (พ.ร.บ.ปรองดอง) ต้องถือว่าต่างกันมาก
       
       เพราะตอนนั้นพรรคเพื่อไทยพยายามเร่งเพื่อปิดเกมให้เร็วที่สุด ขนาดจะปิดประชุมสภาอยู่ไม่กี่วัน ยังขออนุมัติขยายเวลาออกไปเรื่อยๆ เพื่อพิจารณา “พ.ร.บ.ปรองเดือด” ฉบับนั้นให้เสร็จในสมัยประชุมดังกล่าว ก่อนที่สุดท้ายจะไปไม่รอด
       
       แต่ “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” ฉบับนี้ ที่บรรดาผู้ยื่นอ้างว่า ทำเพื่อประชาชนที่กำลังทนทุกข์ คนเสื้อแดงที่ติดคุกมาแรมปี กลับถูกโยนไปไว้สมัยหน้า แถมไม่ขยายเวลาเหมือนฉบับข้างต้น
       
       และที่สำคัญว่าครั้งนี้จะเป็นการเลี้ยงอารมณ์มวลชนอีกครั้งก็คือ เป้าหลักของรัฐบาลที่แท้จริงคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 68 เพื่อปลดเงื่อนตายให้คลายเพื่อนำไปสู่การฉีกทั้งฉบับ
       
       การจะมาเสี่ยงดัน “กฎหมายนิรโทษกรรม” ที่มีความแหลมคมไม่ยิ่งหย่อนกว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับก่อนที่มีแนวต้านออกมาขับไล่ และมีวี่แววจะโดนขับไล่ในรอบนี้จึงได้ไม่คุ้มเสีย แถมอาจกระทบต่อความมั่นคงของรัฐบาลอีกด้วย
       
       ความเป็นไปได้ว่าจะสำเร็จเลยยาก!
       
       ขมวดภาพชัดๆ เรื่องนี้ชักจะวกกลับออกแนวเดจาวู ภาพยนตร์เรื่อง “ต้มเสื้อแดงภาค 2” กันอีกแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น