อีกหนึ่งสถานการณ์หลักของประเทศ ณ ขณะนี้ ที่ต้องจับตาและเฝ้าตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ก็คือการเคลื่อนขบวนอย่างเป็นองคาพยพของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ดาหน้าออกมาไล่บี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยข้ออ้างที่ว่าเป็นพวกขัดขวางการพัฒนาของระบอบประชาธิปไตย
สถานการณ์ตอนนี้ได้เห็นว่า ส.ส.และ ส.ว. จำนวน 312 คน แสดงเจตนารมณ์ที่จะก้าวข้ามอำนาจของตุลาการรัฐธรรมนูญให้เห็นว่าอำนาจเป็นของประชาชนไม่ใช่ของอำมาตย์ เราขอสนับสนุนฝ่ายบริหารในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าจุดยืนอยู่กับประชาชนก็ต้องรับฟังเสียงของประชาชน ซึ่งการดำเนินการของ 312 ส.ส.และ ส.ว. ทำให้เห็นว่าอำนาจฝายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารนั้นมีจริง ถ้าเอาอำนาจไปใส่พานมอบให้อำมาตย์ทั้งหมดโดยลืมประชาชน คงทำไม่ได้แน่นอน สิ่งที่ทำจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอาญาหรือกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่มีที่มาไม่ถูกต้องก็ต้องดำเนินการด้วย ทั้งนี้ นปช. เคยทำจดหมายเพื่อยื่นถอดถอนตุลาการรัฐธรรมนูญ ขณะนี้เรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช. ซึ่งยืนยันว่าตุลาการรัฐธรรมนูญทำไม่ถูกต้องและยืนยันต้องให้มีการถอดถอนจากตำแหน่ง นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่ม นปช.กล่าว
การจะตัดสินใจถอดถอนใคร และอาจจะถึงขั้นยุบศาลรัฐธรรมนูญไปเลยนั้น ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจถึงที่มาที่ไปของศาลรัฐธรรมนูญว่าเกิดขึ้นมาจากรัฐธรรมนูญพ.ศ.2540 รัฐธรรมนูญฉบับที่คนเสื้อแดงบอกว่าเป็นประชธิปไตยที่สุด
เพราะฉะนั้นเราก็จะได้มาพิจารณากันต่อว่ากว่าจะได้มาซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อันเป็นข้อพิสูจน์ ถึงกระบวนการยุติธรรม ว่าสมควรหรือไม่ที่จะต้องดำเนินการถอดถอน ไม่ยอมรับอำนาจการตรวจสอบ หรือถึงขั้นต้องยุบทิ้งไปตามข้อเสนอของฝ่ายการเมือง
รัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 ส่วนที่ ๒ ศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๐๔ ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอื่นอีกแปดคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภาจากบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวนสามคน
(๒) ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดโดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวนสองคน
(๓) ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านนิติศาสตร์อย่างแท้จริงและได้รับเลือกตามมาตรา ๒๐๖ จำนวนสองคน
(๔) ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์อื่น ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการบริหารราชการแผ่นดินอย่างแท้จริงและได้รับเลือกตามมาตรา ๒๐๖ จำนวนสองคน
ในกรณีที่ไม่มีผู้พิพากษาในศาลฎีกาหรือตุลาการในศาลปกครองสูงสุดได้รับเลือกตาม (๑)หรือ (๒) ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาหรือที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด แล้วแต่กรณี
เลือกบุคคลอื่นซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๐๕ และมีความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านนิติศาสตร์ที่เหมาะสมจะปฏิบัติหน้าที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตาม (๑) หรือ (๒) แล้วแต่กรณี
ให้ผู้ได้รับเลือกตามวรรคหนึ่ง ประชุมและเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ แล้วแจ้งผลให้ประธานวุฒิสภาทราบให้ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
มาตรา ๒๐๕ ผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๒๐๔ (๓) และ (๔) ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
มาตรา ๒๐๕ ผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๒๐๔ (๓) และ (๔) ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
(๒) มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบห้าปีบริบูรณ์
(๓) เคยเป็นรัฐมนตรี ตุลาการพระธรรมนูญในศาลทหารสูงสุด กรรมการการเลือกตั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรรมการตรวจเงินแผ่นดินหรือกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุด อธิบดีหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางบริหารในหน่วยราชการที่มีอำนาจบริหารเทียบเท่าอธิบดี หรือดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าศาสตราจารย์ หรือเคยเป็นทนายความที่ประกอบวิชาชีพอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องไม่น้อยกว่าสามสิบปีนับถึงวันที่ได้รับการเสนอชื่อ
(๔) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๐๐ หรือมาตรา ๑๐๒ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๗) (๑๓) หรือ (๑๔)
(๔) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๐๐ หรือมาตรา ๑๐๒ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๗) (๑๓) หรือ (๑๔)
(๕) ไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(๖) ไม่เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นของพรรคการเมือง ในระยะสามปีก่อนดำรงตำแหน่ง
(๗) ไม่เป็นกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
มาตรา ๒๐๗ ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้อง
มาตรา ๒๐๗ ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้อง
(๑) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
(๒) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่นหรือไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือของหน่วยงานของรัฐ
(๓) ไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด
(๔) ไม่ประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใด
ในกรณีที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาหรือที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดเลือกบุคคลหรือวุฒิสภาให้ความเห็นชอบบุคคลตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) โดยได้รับความยินยอมของบุคคลนั้นผู้ได้รับเลือกจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อเมื่อตนได้ลาออกจากการเป็นบุคคลตาม (๑) (๒) หรือ (๓) หรือแสดงหลักฐานให้เป็นที่เชื่อได้ว่าตนได้เลิกประกอบวิชาชีพอิสระดังกล่าวแล้ว ซึ่งต้องกระทำภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับเลือกหรือได้รับความเห็นชอบ แต่ถ้าผู้นั้นมิได้ลาออกหรือเลิกประกอบวิชาชีพอิสระภายในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยรับเลือกหรือได้รับความเห็นชอบให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และให้นำบทบัญญัติมาตรา ๒๐๔ และมาตรา ๒๐๖ แล้วแต่กรณี มาใช้บังคับ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการได้มาซึ่งตุลากาลศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีขั้นตอนการกลั่นกรองที่ละเอียดเป็นอย่างยิ่ง โดยแทบจะเรียกว่า เทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำกับการคัดเลือก หรือระบบการเลือกตั้งต่างๆ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถามว่าเมื่อพิจารณาตามนี้สมควรที่จะยุบศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะบิดเบือนเรื่องที่มาของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปหลอกล่อ มวลชนให้เกิดความเข้าใจผิด เพื่อนำไปสู่การขับไล่อย่างไรเหตุผล จนครั้งหนึ่งนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เคยออกมารถบุว่า
ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะบิดเบือนเรื่องที่มาของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปหลอกล่อ มวลชนให้เกิดความเข้าใจผิด เพื่อนำไปสู่การขับไล่อย่างไรเหตุผล จนครั้งหนึ่งนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เคยออกมารถบุว่า
"คนเราสมัยนี้ไม่ค่อยที่จะยอมรับความจริง โกหกจนนึกว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด จึงควรมีหลักสูตรอะไรที่เชื่อมความเข้าใจให้ดีที่สุด แต่ก่อนเคยมีรุ่นน้องของตนที่เคยเป็นทหารเรือ ไม่เข้าใจภาษากฎหมายและมาถามผมเกี่ยวกับเรื่องข้อกฎหมายพร้อมบอกว่าภาษาเข้าใจยาก ซึ่งผมก็ได้นำมาปรับเปลี่ยนโดยจะพยายามเขียนให้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น โดยในภายหลังแม้แต่คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาก็จะพยายามใช้ถ้อยคำที่เข้าใจง่าย แต่กลับกลายเป็นว่า คนบางคนไม่ใช่ไม่เข้าใจแต่แกล้งโง่ไม่เข้าใจ คนที่แกล้งโง่ ผมก็ขอให้มันโง่จริง"
ล่าสุดนายนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่าศาลก็คงมีแต่เพียงปากกา ไม่ได้มีอำนาจอะไรมากมายไปกว่านั้น ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองในปัจจุบันนี้ เหมือนนักมวยไล่ต่อยกรรมการ
แต่ก็ถูกนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกนปช.ตอบโต้ทันควัน !!
" ..กรณีมีคนไปต่อต้านกับกระบวนการตุลาการภิวัฒน์คือศาลรัฐธรรมนูญ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ออกมาบอกว่าสถานการณ์ขณะนี้เหมือนกับนักมวยไล่ต่อยกรรมการ ผมจะบอกนายจรัญ คือนักมวยไล่ต่อยกรรมการ ถ้ากรรมการไม่เป็นกลางผมคิดว่าน่าจะถูกต้อง แต่ถ้ากรรมการไม่เป็นกลางไม่ใช่แต่เฉพาะนักมวยไล่ต่อยกรรมการเท่านั้น แต่คนเชียร์หรือประชาชนจะไล่กระทืบกรรมการด้วยซ้ำไป.."
ขณะที่ฝ่ายคนเสื้อแดง และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็รุกคืบกดดันศาลรัฐธรรมนูญอย่างหนัก!!
ที่บริเวณลานด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ กลุ่มคนเสื้อแดงหลัก100คน นำโดยนายพงษ์พิสิษฐ์ คงเสนา หรือเล็ก บ้านดอน ผู้อำนวยการสถานีวิทยุคนไทยหัวใจเดียวกัน และกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงปักหลักชุมนุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันข้อเรียกร้องให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยุติการทำหน้าที่
ในวันนี้ทางกลุ่มสื่อวิทยุฯ ยังได้ยื่นหนังสือต่อสำนักงบประมาณ เพื่อขอให้ยุติการจ่ายเงินเดือนให้แก่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน พร้อมกันนี้จะล่ารายชื่อประชาชนไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน เพื่อยื่นถอดถอนตุลาการฯต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของกลุ่มยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีกำหนดจะสลายการชุมนุม จนกว่าข้อเรียกร้องจะเป็นผล หรือมีทางออกที่สามารถตกลงกันได้ แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นทางตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีท่าทีรับฟังข้อเรียกร้องหรืออีกทั้งยังมีท่าที่เพิกเฉย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ประชาชนอาจมียุทธวิธีที่ตอบโต้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ตุลาการฯทำตามข้อเรียกร้อง
ขณะที่นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) เสนอบทความ เรื่อง “ข้อเสนอปรับปรุงศาลรัฐธรรมนูญ” ดังนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับการวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ได้เฉพาะแต่กรณีที่เป็นร่างกฎหมายที่รัฐสภาเห็นชอบแล้ว และก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เท่านั้น ส่วนวิธีการที่จะทำให้บทบัญญัติใดของกฎหมายตกไป หรือเป็นอันใช้บังคับไม่ได้ เฉพาะแต่ฝ่ายนิติบัญญัติ ในฐานะผู้แทนปวงชนเท่านั้นที่จะปรับปรุง หรือทำการแก้ไขเพิ่มเติม
2. แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่ง และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนอื่นอีก 14 คน รวมเป็น 15 คน และองค์คณะนั่งพิจารณาและในการทำคดีวินิจฉัย ต้องประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่า 10 คน สำหรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนตุลาการทั้งหมด
3. ควรกำหนดให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีวาระการดำรงตำแหน่งเพียง 4 ปี และให้ดำรงตำแหน่งเพียงวาระเดียว ขณะที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญควรมีที่มายึดโยงกับประชาชน
4. แก้ไขเพิ่มเติมกระบวนการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเร่งดำเนินการจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะต้องมีการกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญใน แต่ละประเภทคดีไว้อย่างชัดเจน และจะต้องมีการกำหนดเวลาในการเผยแพร่คำวินิจฉัยกลาง และความเห็นในการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกคนในราชกิจานุเบกษา ภายใน 30 วัน
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเป็นกำลังใจให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหนักแน่นมั่นคง อย่าหวั่นไหวต่อกรณีนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ประกาศระดมมวลชน 5 หมื่นคนกดดันการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณไปยังนายวรชัย รวมถึงกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยศาลให้ชัดเจน เพราะหากปล่อยให้มีการกดดันการทำหน้าที่จะเกิดกระทบต่อบ้านเมือง โดยต้องปล่อยให้ทุกองค์กรทำหน้าที่ได้อย่างเป็นอิสระ และหากเกิดสิ่งใดขึ้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบ ขณะนี้ฝ่ายบริหารพยายามรุกคืบเพื่อยึดทุกกลไก ซึ่งสังคมต้องไม่ควรนิ่งเฉย
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวถึงกรณีที่คนเสื้อแดงกดดันให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลาออก ว่า เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการทำลายองค์กรอิสระและกลไกลถ่วงดุลตรวจสอบ พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการสมรู้ร่วมคิดของคนในรัฐบาล เพราะทันทีที่พรรคเพื่อไทยประกาศไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญก็มีการชุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญโดยคนเสื้อแดง ฉะนั้นพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องหรือไม่มีส่วนรู้เห็นไม่ได้ นี่เป็นการสร้างอำนาจเถื่อนเหนือศาล ซึ่งไม่ใช่แค่ศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้นแม้แต่ศาลยุติธรรมก็ถูกกดดันและมีการชุมนุมหน้าศาลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หากปล่อยให้ขบวนการเคลื่อนไหวที่ล้ำเส้นสิทธิ เสรีภาพตามกรอบรัฐธรรมนูญ มีความชอบธรรมและได้รับการสนับสนุนค้ำจุนจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก แต่กลับพบว่ามีการขยายตัวของอำนาจเถื่อนหรืออำนาจนอกระบบมากขึ้น ตัวนายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยห้ามปรามแต่อย่างใด
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า กลุ่มกรีนกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยตามมาตรา 68 เข้าข่ายการได้มาซึ่งอำนาจที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญ โดยจะเชื่อมโยงให้เห็นโฉมหน้าของอำนาจนอกรัฐธรรมนูญที่ทำงานเป็นขบวนการทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ที่สไกป์สั่งงานรัฐบาล บทบาทพรรคเพื่อไทยที่ต่อต้านอำนาจศาลผ่านการรื้อรัฐธรรมนูญและการคุกคามศาลของมวลชนเสื้อแดงที่เป็นทั้งสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น