วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ลำดับเหตุการณ์ ม็อบเสธ.อ้าย 2012-11-24 17:53:40




ลำดับเหตุการณ์ ม็อบเสธ.อ้าย

2012-11-24 17:53:40 | อ่าน 78 ครั้ง

7.09 น.  ม็อบกองทัพธรรมเคลื่อนขบวนออกจากสนามม้านางเลิ้ง
 


8.45 น.เกิดเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุมเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามจะเดินทางเข้ามายังลานพระบรมรูปทรงม้าผ่านสะพานมัฆวานรังสรรค์ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้แก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม
 


9.24 น. พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ระบุเป็นการสร้างสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่เพื่อสกัดกั้นผู้มาร่วมชุมนุม
 


9.30 น. ผู้ได้รับบาดเจ็บ ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลวชิระ มีทั้งตำรวจ การ์ดอพส. ช่างภาพและผู้ชุมนุม 11 ราย  ขณะที่ผู้ก่อเหตุ ถูกส่งตัวไปยังกองบัญชาการตำรวจตระเวณชายแดนภาค 1
 


10.30 น. นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบ  กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาขว้างใส่ผู้ชุมนุม โดยไม่ประกาศเตือนก่อน
 


12.00 น. ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ยืนยันยิงแก๊สน้ำตา ตามกฎสากล สามารถจับกุมผู้ชุมนุมจำนวน 132คนพร้อมมีด ปืน กระสุน พบเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 5 ราย
 


12.45 น. พลตำรวจตรี อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โชว์กระป๋องแก๊สน้ำตาสีเขียว ยืนยันไม่ใช่ของที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่นำมาใช้
 


13.00 น. แกนนำองค์การพิทักษ์สยามประกาศให้เวลาเจ้าหน้าที่เปิดทางบริเวณสะพานมฆัควานให้ผู้ชุมนุมจนถึงเวลา 14.00น. พร้อมขอกำลังชายฉกรรจ์ร่วมสมทบ
 


14.00 น. ตำรวจยิงแก๊สน้ำตารอบ2 หลังผู้ชุมนุมพยายามฝ่าด่านทลายกำแพงบริเวณแยกมิสกวัน ขณะที่เสธ.อ้ายประกาศพร้อมยอมตาย
 


14.10 น. นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. แถลงให้มวลชนนปช.อย่าตื่นเต้น อยู่ในที่ตั้ง ระบุเป็นละครฉายแรกเท่านั้น

14.20 น. ศอ.รส แถลงผู้ชุมนุมปาขวดน้ำกรด-ลูกแก้ว ใส่เจ้าหน้าที่หวังสร้างสถานการณ์ ยืนยันตำรวจไม่มีนโยบายสลายชุมนุม

14.22 น. พลเอกบุญเลิศ ขึ้นเวทีขอให้ผู้ชุมนุมอย่าท้อถอย มั่นใจชนะแน่นอน , เปิดคลิปวิดีโอแกนนำนปช.จาบจ้วงสถาบัน
 


17.07 น. โฆษกศอ.รส.แถลงระบุได้รับแจ้งการข่าวจากตำรวจภูธรภาค5 มีการขนอาวุธจากภาคเหนือเข้ากทม. ประสานทุกหน่วยสกัด หวั่นก่อเหตุป่วน
 


17.20น. เสธ.อ้ายประกาศยุติการชุมนุม ขอบคุณผู้เข้าร่วมหวั่นเกิดอันตรายต่อมวลชน
 
ข่าวจริง สปริงนิวส์ ทันเหตุการณ์ เห็นอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น