วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557

ม็อบชาวนาบุกสตง.ร้อง5ข้อสอบโกงข้าว เมื่อ 4 มี.ค.57



ม็อบชาวนาบุกสตง.ร้อง5ข้อสอบโกงข้าว


พระพุทธะอิสระนำมวลชนชาวนา 7 จังหวัดตะวันตกบุก สตง. ร้อง 5 ข้อตรวจสอบทุจริต “จำนำข้าว” ไม่จ่ายเงิน-พบข้าวเน่าเพียบ-ขอสั่ง อคส.เปิดโกดังให้ตรวจ ตั้ง กก.สอบวินัย “ยิ่งลักษณ์-กิตติรัตน์” บริหารผิดพลาด ให้เวลา 7 วันกลับมาถามความคืบหน้า ก่อนยื่นหลักฐานเพิ่ม อสส. ด้านอัยการสูงสุดเตรียมฟ้องศาลปกครองเรียกร้องค่าเสียหายชุดแรก 5 มี.ค.นี้ ขณะที่ชาวนาอ่างทองจนตรอกขนของใช้ในบ้านใช้บริการโรงตึ๊ง หาเงินใช้จ่ายและเป็นทุนทำนา
เมื่อวันที่ 3 มี.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระพุทธะอิสระนำมวลชนเคลื่อนขบวนด้วยรถบัสและรถยนต์จากเวทีศูนย์ราชการ ไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กระทรวงการคลัง เพื่อติดตามการจ่ายเงินชาวนาโครงการรับจำนำข้าว โดยให้ปักหลักอยู่ที่หน้าประตู 4 ภายในซอยอารีย์สัมพันธ์ โดยหลวงปู่พุทธะอิสระได้เข้าหารือกับนายชุมพร จินตนาวสาร แกนนำกลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย ที่ได้เดินทางนำชาวนาจากภาคเหนือ กลาง และตะวันออกเฉียงเหนือมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งฟื้นฟูหนี้สินเกษตรกร โดยกลุ่มเครือข่ายจะไม่เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มใด ภายหลังการยื่นข้อเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรก็จะเดินทางกลับ โดยปักหลักอยู่ที่ประตู 2 ด้านข้างกระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 ซึ่งพระพุทธะอิสระได้เสนอพิมพ์เขียวชาวนา ให้กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทยพิจารณาว่าจะเข้าร่วมกับกลุ่ม กปปส.แจ้งวัฒนะหรือไม่ ต่อมาเวลา 10.00 น. นายระวี รุ่งเรือง แกนนำชาวนา ได้นำชาวนาจากกระทรวงพาณิชย์มาสมทบกับมวลชน กปปส.ด้านหน้า สตง.
โดยพระพุทธะอิสระยื่นข้อเสนอให้ สตง.เร่งตรวจสอบการใช้จ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เนื่องจากมีการบริหารงานผิดพลาดจนไม่มีเงินมาจ่ายให้ชาวนา และยังพบว่า มีข้าวเน่าถูกเก็บไว้ในโกดังจำนวนมาก จึงขอให้ผู้ตรวจเงินแผ่นดินเร่งสั่งการให้มีการตรวจสอบการทุจริตและสั่งให้องค์การคลังสินค้าเปิดโกดังทุกแห่งให้ สตง.เข้าไปตรวจสอบ รวมทั้งสั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยการคลังกับนายกรัฐมนตรีและนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง กรณีดำเนินนโยบายโดยไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศ โดยอีก 7 วันจะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าการทำงานของ สตง.อีกครั้ง
ทั้งนี้ ขณะที่ผู้ชุมนุมจะส่งตัวแทนเข้ามาส่งหนังสือยัง สตง.นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนบางส่วนได้ตั้งแถวบริเวณหน้าประตู ส่งผลให้ผู้ชุมนุมเกิดความไม่พอใจ และเรียกร้องให้ตัวแทน สตง.ออกมารับหนังสือที่บริเวณประตูแทน โดยนายประจักษ์ บุญยัง ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 1 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมคณะ ได้เดินทางมารับหนังสือ พร้อมเจรจากับพระพุทธะอิสระ และนายระวี รุ่งเรือง ประธานเครือข่ายชาวนาไทย ก่อนที่ผู้ชุมนุมทั้งหมดจะเดินทางไปพูดคุยกับกลุ่มชาวนาที่ชุมนุมบริเวณคลองประปาต่อไป
ขณะที่นายประจักษ์ เปิดเผยภายหลังการรับหนังสือว่า รายละเอียดภายในหนังสือของผู้ชุมนุม เป็นสิ่งที่ สตง.กำลังดำเนินการอยู่ โดยได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลานาน และได้ส่งรายงานการตรวจสอบให้กับนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าแจ้งต่อรักษาการผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ช่วงบ่ายวันนี้ โดยใน 1 สัปดาห์อาจจะไม่สำเร็จตามความต้องการของผู้ชุมนุม แต่จะมีความคืบหน้าเป็นระยะๆ โดยสัปดาห์หน้าจะมีการลงพื้นที่ตรวจโกดังข้าวอีกครั้ง สำหรับการตรวจโกดังข้าวของ สตง.ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก นั้น มีผู้เชี่ยวชาญด้านข้าวจากสภาหอการค้าไทยร่วมตรวจสอบด้วย และมีตัวแทนจากองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ร่วมด้วย ซึ่งยืนยันว่าข้าวที่เป็นผงนั้น เป็นข้าวหอมจังหวัดจริง ไม่ใช่ปลายข้าวอย่างที่เป็นข่าว
ต่อมาเวลา 14.00 น. พระพุทธอิสระ พร้อมด้วย นายระวี รุ่งเรือง ได้นำชาวนาประมาณ 500 ราย เดินทางมายังสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อยื่นเอกสารฟ้องต่อศาลปกครองเพิ่มเติม
นายระวี กล่าวว่า ในวันที่ 4 มี.ค. เวลา 10.00 น. จะนำชาวนาเคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเป็นที่ทำงานของรัฐบาล เพื่อกดดันรัฐบาล พร้อมทั้งไปแสดงให้เห็นว่ากลุ่มชาวนาดังกล่าวเป็นชาวนาจริงหรือไม่ และการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง เพราะเรามาเพื่อทวงเงินของเรา ซึ่งเราเดือดร้อนจริงๆ และอยากให้รัฐบาลเห็นใจพวกเราด้วย อย่างไรก็ตาม กลุ่มชาวนาที่เดือดร้อนเดินทางมาชุมนุมเป็นเวลานานกว่า 1 เดือนแล้ว ที่ผ่านมารัฐบาลไม่สนใจ ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ และไม่เคยออกมาขอโทษ หรือชี้แจงเรื่องดังกล่าวกับชาวนา พูดถึงแต่เรื่องความมั่นคงของรัฐบาลมากกว่า ซึ่งตนรู้สึกเสียใจ
ประธานเครือข่ายชาวนาไทย กล่าวอีกว่า ถ้ามีการชุมนุมใหญ่ หรือมีการเคลื่อนไหวใหญ่จะมีการประสานแต่ละกลุ่มอีกครั้ง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายชาวนา เนื่องจากชาวนาบางรายมีข้อจำกัดในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และมีอาชีพที่ต้องหาเช้ากินค่ำ สำหรับเป้าหมายในปัจจุบันนี้ ชาวนามองแล้วว่าถ้าไม่มีรัฐบาลใหม่ โอกาสที่จะได้เงินก้อนนั้นค่อนข้างที่จะยาก เพราะฉะนั้นจึงไปพ้องกับอุดมการณ์ทางการเมืองของผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.ที่เคลื่อนไหวให้มีการปฏิรูปประเทศ และต้องการให้รัฐบาลลาออก โดยวัตถุประสงค์ทั้ง 2 กลุ่มอาจต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการให้รัฐบาลลาออก
ด้านนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม เลขานุการอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้าในการรวบรวมพยานหลักฐานของชาวนา เพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลปกครองว่า ขณะนี้ในจำนวน 200 เรื่อง มีความสมบูรณ์แล้วครึ่งหนึ่ง ทั้งนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 12 คน เพื่อเขียนคำฟ้อง และร่างฟ้องเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว อย่างไรก็ตามเราจะคัดเอกสารที่พร้อมและคนที่อยู่ในจังหวัดเดียวกันฟ้องก่อน โดยในวันที่ 5 มี.ค.ก่อนเที่ยง จะสามารถยื่นฟ้องได้ ซึ่งภายในอาทิตย์นี้จะฟ้องได้ 1-2 ชุดก่อน หลังจากนั้นจะทยอยฟ้องในสัปดาห์หน้าต่อไป สำหรับการตั้งโต๊ะรับเอกสารเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองนั้น ไม่ได้เปิดวันนี้แค่วันเดียว ถ้าชาวนาจะมาอีกเมื่อไหร่นั้นให้แจ้งกับทางเราล่วงหน้าก่อนว่าจะมาวันไหน และระบุจำนวนที่ต้องการยื่นเรื่อง เพราะทางเราต้องเตรียมเจ้าหน้าที่เพื่อรอรับเอกสาร หลักฐานต่างๆ ประกอบในการฟ้อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ อสส.ได้รับการประสานงานจากชาวนาจาก จ.อุบลราชธานี และ จ.กำแพงเพชร ว่า ชาวนาได้รวบรวมเอกสารเรียบร้อยแล้วแต่มีปัญหาในเรื่องการเดินทาง ซึ่งทาง อสส.จะจัดเจ้าหน้าที่เดินทางไปรับเรื่องมาเพื่อดำเนินการให้
ที่สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองอ่างทอง พบประชาชนจำนวนมากนำสิ่งของมีค่าทั้งทองรูปพรรณ เครื่องใช้ไฟฟ้า มาจำนำกันอย่างคึกคัก เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว หลังประสบปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา การทำมาหากินฝืดเคือง และชาวนาที่ต้องดิ้นรนนำเงินใช้จ่ายดูแลครอบครัวหลังยังไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าว
นายเฉลิม คุ้มพะเนียด ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองอ่างทอง เปิดเผยว่า ทางผู้บริหารได้เตรียมเงินสดไว้กว่า 50 ล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียนในสต๊อกอีกกว่า 150 ล้านบาท ไว้บริการประชาชน ปีนี้ มีประชาชนมาใช้บริการมากกว่าปกติเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากประสบปัญหาวิกฤติมาต่อเนื่อง ทั้งข้าวของแพง ปัญหาเศษกิจซบเซา แถมชาวนาเดือดร้อนไม่มีเงินลงทุนหลังยังไม้ได้รับค่าจำนำข้าว ด้านเทศบาลเมืองอ่างทอง ได้ช่วยรณรงค์และแจ้งเตือนประชนว่า อย่านำทรัพย์สินไปจำนำแหล่งเงินทุนนอกระบบ ซึ่งอาจถูกฉ้อโกงและถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น