วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

ป.ป.ช.หมู่บ้านกระสุนตก ต้องถล่มให้เละก่อน “ปู” ตกเก้าอี้!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2557 06:33 น.

ป.ป.ช.หมู่บ้านกระสุนตก ต้องถล่มให้เละก่อน “ปู” ตกเก้าอี้!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์26 มีนาคม 2557 06:33 น.

ผ่าประเด็นร้อน
       
       สำหรับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ กรรมการ ป.ป.ช.ทุกคนเวลานี้ต้องเรียกว่าเป็น “หมู่บ้านกระสุนตก” จริงๆ โดยเฉพาะกรรมการ ป.ป.ช.อย่าง วิชา มหาคุณ หากไม่มีการระวังตัวให้ดี หรือได้รับการดูแลรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานความมั่นคงที่มีหน้าที่โดยตรงแล้วละก็ ก็อาจเสี่ยงภัยอันตรายถึงชีวิตก็เป็นได้ 
       
       เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าระยะเวลาเริ่มงวดเข้ามาทุกขณะ เพราะถึงอย่างไรภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีกำหนดต้องไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวกับ ป.ป.ช.ส่วนจะใช้วิธีหลบหน้าโดยให้ทนายความไปชี้แจงแทนนั้น ไม่ใช่ประเด็น เพราะถ้าไม่ไปเอง ถึงกำหนดเวลาก็ต้องมีการตัดสินอยู่ดี ซึ่งที่ผ่านมาทาง วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ผู้เป็นเจ้าของคดีก็ระบุออกมาแล้วว่าในราวคต้นเดือนเมษายนต้องมีการชี้มูลออกมาแล้ว แม้ว่าไม่อยากคาดเดาล่วงหน้า แต่ก็พอมองออกไม่ยากว่า “โดนแน่” นั่นคือมีแนวโน้มสูงยิ่งที่จะถูก “ชี้มูลความผิด” 
       
       ขณะเดียวกัน เมื่อสังเกตจากปฏิกิริยาของฝ่ายยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ก็เหมือนกับรับรู้ชะตากรรม “ทราม” กันล่วงหน้าแล้วว่าต้องโดนชี้มูลความผิดแน่ ถึงได้เคลื่อนไหวเพื่อสร้างความปั่นป่วนกันทุกรูปแบบ ไม่ว่าการใช้มวลชนคนเสื้อแดงเข้ามากดดัน เพื่อขัดขวางไม่ให้มีการทำงาน ไม่ให้มีการพิจารณาคดีทุจริตกันได้ นอกจากนี้ยังมีการใช้วิธีการใต้ดิน ถ่อยเถื่อนอื่นๆ เท่าที่คิดขึ้นมาได้ เช่น การโทรศัพท์ไปข่มขู่คุกคามกรรมการ ป.ป.ช.และคนในครอบครัว รวมไปถึงการใช้กองกำลังติดอาวุธ ใช้อาวุธสงครามทั้งปืนกล ยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ที่ถล่มกันเป็นรายวัน และถี่ยิบขึ้นเรื่อยๆ
       
       ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ก็โดนยิ่งถล่มด้วยระเบิดเอ็ม 79 อีกอย่างน้อย 3 ลูก ส่วนจะเป็นครั้งที่เท่าไหร่นั้นจำไม่ได้แล้ว และเชื่อว่ายิ่งใกล้วันตัดสินชี้มูลความรุนแรงในลักษณะดังกล่าวจะยิ่งมีมากขึ้น เนื่องจากฝ่ายที่กระทำต้องการให้เกิดความกลัวจนถอดใจลาออก หรือไม่กล้าตัดสินไปในทางลบกับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ซึ่งพวกเขามักอ้างว่า “เป็นนักประชาธิปไตย และเคารพกติกา” มาตลอด แต่ในความหมายอีกด้านหนึ่งคือ ประชาธิปไตยและกติกาที่ตัวเองได้รับประโยชน์ และมีอำนาจเท่านั้น
       
       แน่นอนว่านี่คือการกล่าวหาว่าฝ่ายที่ลงมือก่อความุรุนแรงต่อสำนักงาน ป.ป.ช.และกรรมการ ป.ป.ช.คือเครือข่าย ลิ่วล้อของระบอบทักษิณ แต่รับรองว่าไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงนัก เพราะรับรู้ได้กิริยา ความเคลื่อนไหวและท่าทีจากฝ่ายรัฐบาล ต่อเนื่องมาจนถึงมวลชนคนเสื้อแดงสาขาต่างๆ จากเป้าหมายที่เคยมุ่งไปที่ศาลอาญา ศาลแพ่ง และศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตัดสินคดีเป็นลบกับพวกเขา ซึ่งก็ถูกกระทำไม่ต่างกัน ขณะเดียวกันก็ประกาศกร้าวไม่ยอมรับคำตัดสิน อ้างว่าเป็นการ“สมคบคิด” กันระหว่างพวก “อำมาตย์” กับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมีเจตนาต้องการล้มล้างรับบาลที่มาจากประชาชนว่ากันไปโน่น โดยไม่เคยมองความผิดของตัวเอง ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองได้สร้างความเดือดร้อนฉิบหายให้กับบ้านเมืองอย่างไรบ้าง มีการทุจริตเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า มีการทำผิดกฎหมายจริงหรือเปล่า
       
       อย่างไรก็ดี การแสดงพฤติกรรมของคนพวกนี้ที่ออกมาในลักษณะ “พูดอย่าง ทำอีกอย่าง” ยิ่งนานวันก็เหมือนกับการประจานตัวเองออกมาเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน ฝ่ายระบอบทักษิณนาทีนี้ถือว่า “หน้ามืด” จำเป็นที่จะต้องทำทุกทางเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ให้นานที่สุด และในสถานการณ์ปัจจุบันพวกเขามองว่ามีทางเดียวที่ต้องนำมาใช้นั่นคือ “ความรุนแรง” เท่านั้น เนื่องจาก “ตัวตน” ได้ถูกเปิดเผยออกมาให้เห็นแล้วตลอดระยะเวลากว่าสองปีที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กุมอำนาจรัฐ ซึ่งนับจากนี้ไปไม่อาจใช้วิธีการสร้างภาพแบบเดิมๆได้อีกต่อไปแล้ว
       
       อย่างไรก็ดี จุดเด่นของพวกเขานั่นคือครอบครัวของทักษิณ ชินวัตร ยังสามารถมีมวลชนอยู่กลุ่มหนึ่งที่ยังคอยรับใช้ถวายหัว เนื่องจากได้รับประโยชน์ที่คุ้มค่า จึงใช้เป็นเครื่องมือในการก่อเหตุรุนแรงอยู่ตลอดเวลา และนับจากนี้ไปจะรุนแรงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ 
       
       ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็เริ่มได้เห็นการตื่นตัวของบางองค์กรนอกจากมวลมหาประชาชนที่ตื่นรู้แล้ว เช่น สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาทนายความที่ออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกมาดูแลรักษาความปลอดภัยกับองค์กรอิสระ และศาลต่างๆ ไม่ให้ถูกคุกคาม รวมทั้งเร่งรัดให้ดำเนินคดีกับคนที่ทำผิดกฎหมายโดยเร็ว แม้ว่าการเรียกร้องดังกล่าวอาจไม่ได้ผลนัก เนื่องจากรับรู้ว่าหน่วยงานดังกล่าวตกอยู่ใต้อิทธิพลของฝ่ายรัฐบาลเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยก็ย่อมทำให้มีความตื่นตัวมากขึ้นกว่าเดิม และในท่ามกลางบรรยากาศที่ฝ่ายระบอบทักษิณ กำลัง “เสื่อมถอย” มันก็ยิ่งกระตุ้นให้ต้องทำหน้าที่มากขึ้น เพราะคนพวกนี้ย่อมเป็นพวก “นกรู้” อยู่แล้ว ดังจะเห็นได้จากมีการ “ขยับ” มากขึ้นกว่าเดิมจนผิดสังเกต
       
       แต่ในความเป็นจริงนับจากนี้ไป รับรองว่าเป้าหมายหลักสำหรับความรุนแรงก็จะเป็น ป.ป.ช.ก่อนต้นเดือนเมษายนที่มีกำหนดชี้มูลความผิด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ต้องลงมือให้หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เพราะนี่คือเดิมพันอำนาจของระบอบทักษิณ ซึ่งก็มีการประกาศออกมาแล้วว่า ต้องสงวนไว้ให้คนใน “ตระกูลชินวัตร” เท่านั้น!! 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น