‘บิ๊กตุ้ย’ปลุกทัพแดง ควง‘อริสมันต์’เช็กขุมกำลังหึ่งเล่นใต้ดินปกป้องรัฐบาล27 March, 2014
"บิ๊กตู่" บี้แกนนำแดง-กปปส. ต้องคุมม็อบให้ได้ รับไม่อยากใช้ยาแรงกฎอัยการศึก เพราะหากคนไข้ดื้อยาก็เอาไม่อยู่ แกนนำ นปช.เผย 5 เมษา.ไม่ยกพลเข้ากรุงเทพฯ แต่จะชุมนุม 20 จุดกระจายทั่วปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียง ขณะที่ "ชัยสิทธิ์-อริสมันต์" ลงพื้นที่เสื้อแดงปลุกกองกำลังปกป้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์ "กำนันสุเทพ" ปิดประตูเจรจา เชิญแขกเดินขบวนปฏิรูปประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพุธ ถึงกรณี กปปส. และ นปช.จะมีการชุมนุมใหญ่ว่า หากไม่มีการทำผิดกฎหมายก็สามารถชุมนุมได้อยู่แล้ว ส่วนที่กังวลว่าจะมีการปะทะกันนั้น แกนนำทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องควบคุมการชุมนุมให้อยู่ในกรอบ และไม่ให้มีการเผชิญหน้า รวมถึงการใช้อาวุธต่อกัน แต่วันนี้แกนนำยังไม่สามารถควบคุมตรงนี้ได้ และสุ่มเสี่ยงจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น ซึ่งผู้ที่บาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาร่วมชุมนุมของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะต่างเชื่อมั่นว่าฝ่ายตัวเองถูกต้องและชอบธรรม ถือว่าเป็นความคิดที่บริสุทธิ์ของประชาชน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับแกนนำ ผู้รักษากฎหมาย ว่าจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นจะต้องเพิ่มจุดตรวจความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า ถือว่ามีความจำเป็นที่ต้องคงไว้ ส่วนจะเพิ่มหรือไม่ ต้องดูที่เหตุการณ์ หากมีเหตุการณ์รุนแรงมากก็จัดเพิ่มมากขึ้น โดยการขออนุมัติจากศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เพราะกองทัพบกมีตัวแทนเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.กระทรวงแรงงาน ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ได้ชมเชยว่า การตั้งจุดตรวจความมั่นคงได้ผลในการลดความรุนแรงได้มาก และไม่ได้บอกว่าจะให้ลด แต่อยากให้มีการปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ ปรับกำลังไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุ
"กองทัพบกยังเป็นกองทัพของประชาชนเสมอ ไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม เรามีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย หากกลุ่ม นปช.ชุมนุม เราก็ต้องตั้งจุดตรวจรอบผู้ชุมนุมเหมือนกัน อยากขอร้องถึงท่าทีและการแสดงออก อยากให้อยู่ในกติกา ไม่ใช้ความรุนแรง ประชาชนอย่าทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย"
ผบ.ทบ.กล่าวถึงบทบาทของกองทัพว่า ทหารมีอำนาจนอกระบบมากมาย มีอาวุธแล้วทำได้ทุกอย่าง หากทหารทำเกินกว่าเหตุถือว่า ผิด อย่าเอาแต่ใจ เพราะจะติดเป็นนิสัยว่าอะไรก็ใช้คนหมู่มาก ใช้ความรุนแรง ต้องบังคับใช้กฎหมายให้ได้ แล้วคนบังคับใช้กฎหมายต้องทำให้ชอบธรรม และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายให้ได้มีโอกาสโต้แย้ง อย่าลงความเห็นว่า สิ่งไหนผิดหรือถูกด้วยตนเอง อย่าตัดสินทุกอย่างด้วยความรู้สึก วันนี้ตนต้องมีสติ มีข้อมูล มีคณะทำงานติดตาม ถ้าคนไทยทุกคนยอมให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด แล้วทุกคนไม่ฝ่าฝืน กฎหมายจะเป็นกฎหมาย
"แต่วันนี้ใช้กฎหมายเล่นงานอีกฝ่ายหนึ่ง และใช้กฎหมายมาสู้กัน แล้วถามว่า กฎหมาย องค์กรต่างๆ ศาลได้รับการยอมรับหรือไม่ ก็มองว่าเอียงข้างไปหมด ถ้าตัดสินเข้าข้างตัวเองก็ดี แต่ถ้าไม่ถูกใจตัวเองก็บอกเอียงข้าง แล้วใครจะตัดสินอะไรได้"
เมื่อถามถึงกรณีที่เสื้อแดงกดดันให้ทหารประกาศกฎอัยการศึก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กฎอัยการศึกมีไว้เพื่อระงับเหตุร้าย จลาจล ตนไม่อยากจะให้ใช้ยาแรง แต่ถ้าคนไข้ดื้อยา ยาอะไรก็เอาไม่อยู่ ต่อให้มีร้อยกฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่เชื่อฟังกฎหมาย ต้องถอยกลับมาฟังกฎหมายแล้วสู้กันตามนั้น ถ้าไม่เอากฎหมายเป็นหลัก แล้วจะสู้กันด้วยคนหมู่มากหรืออย่างไร จะให้เป็นเหมือนสมัยอดีตที่รบกัน ใครมีกำลังมากกว่าก็ชนะหรือไม่
ด้านความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าปฏิบัติภารกิจตามปกติ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สป.กห.) เมืองทองธานี โดยไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ก่อนจะโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า "เสถียรภาพทางการเมือง ความเป็นประชาธิปไตย และความต่อเนื่องในการบริหารราชการ มีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในมิติที่จำเป็นต้องเชื่อมโยงกับต่างประเทศ โอกาสที่เสียไปแล้วจะนำกลับคืนมาได้ยาก ดังนั้น ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันคือหยุดความเสียโอกาสและความเสียหายไว้เพียงเท่านี้ โดยการกลับเข้าสู่ระบบและกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด"
นายวรชัย เหมะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องใช้อำนาจสั่งการให้ถอนบังเกอร์ใน กทม. โดยเฉพาะที่สวนลุมฯ ออกไปให้หมด เพราะวันนี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยกเลิกไปแล้ว คนตั้งข้อสังเกตว่าเพื่อเป็นแนวป้องกันให้นายสุเทพและพวกหรือไม่ หรือตั้งเอาไว้เพื่อปกป้องอำนวยความสะดวกให้องค์กรอิสระมาเล่นงานรัฐบาลหรือไม่
นายวรชัยกล่าวต่อว่า วันที่ 29 มีนาคม แกนนำนปช.จะทำการประชุมลับเพื่อกำหนดแนวทางขับเคลื่อนต่อสู้ในวันที่ 5 เมษายน เบื้องต้นอาจมีการชุมนุม 20 จุด จุดละ 1-2 หมื่น กระจายไปทั่วจังหวัดปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.นครราชสีมา จ.สระบุรี โดยจะสู้รบสันติวิธี ปราศจากอาวุธ เพื่อสกัดกั้นการรัฐประหารและกระบวนการล้มรัฐบาลจากองค์กรอิสระ ถ้าเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น กรุงเทพฯอาจโดนปิด ทั้งคนทั้งรถเป็นแสนเป็นล้านจะรวมตัวกันเข้ามา
"อย่าไปยอมรับอำนาจเถื่อน ที่บัญญัติกฎหมายกันเอง ถึงวันหนึ่งก็อาจจำเป็นต้องสู้กัน ไม่เห็นด้วยเลยที่จะไปเชื่อตามที่ปรึกษานายกฯ ว่าต้องทำตามเขาทุกอย่าง เขาบอกให้หยุดก็ต้องหยุด วันนี้กลไกโลกหนุนเราอยู่ และต่างจังหวัดก็ล้อมกรุงเทพฯ หมด เป็นป่าล้อมเมือง นายกฯ ต้องยืนยันไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว เราจะไม่ยอมรับอำนาจนอกระบบ ไม่เอานายกฯมาตรา 7 ยืนหยัดรักษานายกฯ ที่มาจากประชาชน" นายวรชัยกล่าว
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงวันที่ 5 เมษายนนี้ว่า แกนนำกำลังหาสถานที่ชุมนุมว่าจะใช้ที่ใด คงจะชุมนุมรอบนอกกรุงเทพฯ คงยังไม่เข้ามาใน กทม.เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่ง อย่างไรก็ตาม แกนนำเสื้อแดงยังไม่ตกผลึกว่าจะชุมนุมแบบวันเดียวหรือปักหลักพักค้าง เพราะต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ แต่การระดมพลนั้นก็เพื่อจะบอกกล่าวให้พี่น้องรู้ว่า หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราจะทำอย่างไร เตรียมตัวอย่างไร เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 69
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ หอประชุมโรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทบ.และที่ปรึกษารักษาการนายกฯ ได้เดินทางไปประชุม เพื่อหารือถึงแนวทางให้การสนับสนุนความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ
ทั้งนี้ กลุ่มดังกล่าวได้ให้การสนับสนุนรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นำโดยนายพรชัย มณีนิล หรือสหายอยู่ มีสมาชิกทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่เดินทางไปร่วมให้การต้อนรับคณะและร่วพบปะจำนวนกว่า 400 คน นอกจากนี้ยังมีนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงมาร่วมในงานด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กลุ่มนี้เป็นกลุ่มอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หากมีเหตุการณ์สามารถทำงานใต้ดินได้ทันที ไม่ต้องมีการฝึก ลักษณะเหมือนผู้ก่อการร้ายคอมนิวนิสต์ (ผกค.) ในอดีต ซึ่งมีบัญชีรายชื่อจัดตั้งกันเป็นกลุ่ม มีประสบการณ์การทำงานใต้ดินและบนดิน การ์ดอาสา ซึ่งเป็นกลุ่มทหารพรานเก่า
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเป็นเลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้สุ่มรายชื่อบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี หากเกิดสุญญากาศทางการเมืองขึ้น ว่าชื่อนายกฯ เถื่อนที่เคยบอกไปเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับมาจริงๆ ส่วนหลังจากนี้ใครจะปฏิเสธอย่างไรก็ตามสบาย แต่สุ้มเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ได้ออกมาพูดเรื่องนี้นั้น อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาสิ่งที่ท่านได้แสดงท่าทีไว้ คือจะไม่เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ เถื่อน
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า วันนี้จะเปิดรายชื่อบุคคลที่อยู่ในข่ายจะได้เป็นรัฐมนตรี หากการยึดอำนาจของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ประสบความสำเร็จ ก็จิ้มเอารายชื่อ 8-9 คน เช่น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล, นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย), นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า), นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายเสรี วงษ์มณฑา แนวร่วม กปปส.
เขากล่าวต่อว่า เป็นกลุ่มรัฐมนตรีที่จะเข้ามาขับเคลื่อนงานสภาด้านการปฏิรูป คุมเกมกฎหมาย เช่น น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา, นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตสมาชิกวุฒิสภา, นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นายบรรเจิด สิงคะเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า), นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ชื่อเหล่านี้จะให้ตนฟังธงว่าได้หรือไม่นั้นคงไม่ได้ แต่เป็นข้อมูลเชิงลึกและกว้างที่ตนได้มา ผ่านการพิจารณาอย่างรอบด้านจึงนำมาบอกต่อ
วันเดียวกัน เวลา 20.12 น. ที่สวนลุมพินี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ปราศรัยว่า วันที่ 29 มีนาคม ตนนัดหมายล่วงหน้าหลายวัน เพราะเราจะระดมพลังมาประกาศให้ชัดเจนว่า เราต้องการปฏิรูปประเทศไทยและปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งเท่านั้น หลังจากปฏิรูปเเล้วเรานี่เเหละจะสนับสนุนการเลือกตั้ง ทั้งนี้ที่มีมาเสนอบอกทักษิณจะเลิกเเล้ว เอาอย่างนี้ไหมถ้าตะกูลชินวัตรไม่ลงสมัครเลือกตั้ง 1 ปีหลังจากมีการเลือกตั้งนั้น ตนไม่เอา เพราะทักษิณสามารถใช้ผีลงแทนยังได้เลย เราจะไม่รับข้อเสนอทุกข้อนอกจากจะเอากติกาใหม่เท่านั้น
หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวถึงนายกฯ คนกลางว่า อาตมาไม่สนใจว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร แต่ต้องจัดตั้งสภาศีลธรรมและคุณธรรมแห่งชาติ, สภาพลังงานและสภาชาวนาและเกษตรแห่งประเทศไทยให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่เลิกการชุมนุม
ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. และนายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. พร้อมมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางไปยังฐานทัพอากาศดอนเมือง กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) เพื่อยื่นหนังสือชี้แจงกรณีรัฐบาลรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ ชินวัตร บริหารงานล้มเหลวและเกิดการทุจริตคอร์รัปชันต่อ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ โดยมี พล.อ.ต.ชูชัย ดุลยโกเมศ เลขานุการสำนักงานกองทัพอากาศ เป็นตัวแทนรับหนังสือ ซึ่งระบุให้กองทัพหยุดสนับสนุนและรับใช้รัฐบาลรักษาการ และขอให้มายืนข้างประชาชน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น