วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

ประตูสุดท้ายให้ยิ่งลักษณ์เลือก?26 March, 2014

ประตูสุดท้ายให้ยิ่งลักษณ์เลือก?26 March, 2014


นึกว่ามีผู้ใหญ่ของพรรคอย่างทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ถึงแก่อนิจกรรมซะอีก เพราะเห็น ส.ส.เพื่อไทยแต่งดำมากันพรึ่ดเมื่อวาน (๒๕ มี.ค.) ให้บรรยากาศในห้องประชุมพรรคคล้ายศาลาสวดศพยังไงพิกล
    แต่ได้ยินคนอ่านข่าวในโทรทัศน์เขาบอกว่า ส.ส.เพื่อไทยแต่งดำไว้ทุกข์ให้ศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยเลือกตั้ง ๒ ก.พ.โมฆะ
    เอ้อ...ค่อยโล่งใจ! 
    เพราะถึงอย่างไรผมกับทักษิณก็คนรู้จักกัน เคยกินข้าวกันมาก่อน ถ้าล้มหายตายจาก ถึงต่างมุม-ต่างคิดกันขนาดไหน ก็ต้องอาลัยไปเผาผีอโหสิกันอยู่ดี
    ส่วนยิ่งลักษณ์ เธอน่าจะเน่าในด้วยเสียงสาปแช่งของผู้คนไปนานแล้ว แต่ถ้ามีอะไรปุบปับไปเวลานี้ อย่างที่คนทั้งพรรคแต่งดำเป็นลาง คงตกใจทีแรก แล้วก็...เฉยๆ
    อย่างดีก็ปลง...พุทโธ่เอ๋ย....!
    เห็นนั่งรถเข็นอยู่หลัดๆ อายุก็แค่ ๔๐ ปลายๆ ถือว่ายังสาวยังแส้ นอกจากรวยแถมมีรูปสวยเป็นทรัพย์แล้ว ยังด้านเป็นเลิศในธรณี ไม่น่ารีบด่วนจากไป น่าจะอยู่ฟัดให้จมเขี้ยว
    จาก "จำนำข้าว" อีกซักรอบ!
    และก็นึกว่าจะถือดีมีอันธพาลแดงคุ้มกัน ดื้อแพ่ง-แข็งขืนคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ให้คืนตำแหน่งเลขาฯ สมช.ให้ "คุณถวิล เปลี่ยนศรี" ซะอีก 
    แต่เมื่อวาน เห็น ครม.มีมติให้ยกเลิกมติ ครม.ย้อนหลัง เมื่อวันที่ ๖ ก.ย.๕๔ ที่ย้ายคุณถวิลจากเลขาฯ สมช.ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ 
    เท่ากับคุณถวิลอยู่ใน "ตำแหน่งเดิม" ไม่เคยถูกย้ายไปไหน ตามที่ศาลบอกว่า "ให้คืนตำแหน่งย้อนหลัง"!
    ส่วนพลโทภราดร พัฒนถาบุตร ที่ "ทักษิณอุ้มสม" มาเป็นเลขาฯ สมช. มีความดี-ความชอบทางราชการ ได้รับโปรโมตขึ้นตำแหน่งใหญ่
     ครม.ให้ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ!
    รอ กกต.เห็นชอบ และนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายจนมีพระบรมราชวินิจฉัยลงมาเมื่อไหร่ ก็เสร็จสมบูรณ์
    หลายๆ คนมองว่า ปัญหาบ้านเมืองวันนี้มาจาก กปปส.-สุเทพ ในนามมวลมหาประชาชน กับ นปช.เพื่อไทย-ทักษิณ ในนามรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขัดแย้งกันชนิดหาจุดร่วมกันไม่ได้
    กปปส.สุเทพ ยืนกราน ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
    นปช.เพื่อไทย ยืนกราน ต้องเลือกตั้งก่อนปฏิรูป!
    ถ้าดูให้ดี "เนื้อหา" เป็นเนื้อหา "เดียวกัน" คือทั้ง ๒ ฝ่าย ต้องการปฏิรูป กับเลือกตั้งเหมือนกัน ตรงกัน
    ยักเยื้องกันนิดเดียวตรง "ไหนก่อน-ไหนหลัง" เท่านั้น!
    กปปส.บอก "ปฏิรูป" ก่อน ส่วนเพื่อไทยบอก "เลือกตั้ง" ก่อน ว่าไปแล้วก็ไม่น่ายากที่จะ "หาจุดกลาง" เป็นทางออกให้สังคมประเทศ 
    แต่ที่หาไม่ได้ทั้งที่ "มองเห็น" นั่นเพราะ "องค์ประกอบ" รอบข้าง ที่แต่ละฝ่ายต้องบริหารและแบกรับ พูดกันชัดๆ
    "กองหนุน" นั่นแหละ!
    ในความคิดผม กฎหมายทุกชนิด กระทั่งรัฐธรรมนูญ ล้วนมนุษย์เขียน เพื่อสนองมนุษย์ให้เกิดสุข เกิดสงบ ในวิถีชีวิตชาติ บนการยอมรับซึ่งกันและกันตามฐานานุรูป
    นั่นคือ กฎหมายและรัฐธรรมนูญ มีเพื่อใช้แก้ปัญหา ไปสู่ความไม่มีปัญหา ไม่ใช่มีกฎหมายและรัฐธรรมนูญไว้เพื่อสร้างปัญหา และผูกมัดปัญหาที่เกิดนั้นไว้ โดยไม่ให้ทางแก้
    มาถึงวันนี้ ผมว่าดีแล้ว คือคนไทย "ซึมเข้าเนื้อ" ประชาธิปไตยระดับหนึ่งแล้ว นั่นคือด้าน สิทธิ-หน้าที่ประชาชน
    ถ้าเป็น ๓๐-๔๐ ปีที่แล้วน่ะเรอะ....สถานการณ์แบบนี้
    -ทหารปฏิวัติไปนานแล้ว
    -ประชาชนแยกฝ่ายทำสงครามกลางเมืองไปนานแล้ว
    -อำนาจนอกชาติฉวยโอกาส "ยึดครอง" แล้วแบ่งแยกไปนานแล้ว
    แต่ที่ "อย่างใด-อย่างหนึ่ง" ไม่เกิด เพราะวิถีประชาธิปไตยมันซึมเข้าเลือด-เข้าเนื้อ พวกเราโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง ดังจะเห็นว่า
    ที่ทหารไม่ปฏิวัติ เพราะทหารเคารพสิทธิ-เสียงประชาชน
    ที่สงครามกลางเมืองไม่เกิด เพราะลึกๆ ในใจประชาชนแต่ละฝ่าย "เคารพ" ในสิทธิและเสียงของกันและกัน
    ที่อำนาจนอกชาติไม่กล้าฉวยโอกาสแทรกเข้ามา เพราะรู้ว่า แทรกเมื่อไหร่ คนไทยที่รู้จักเรื่องสิทธิและเสียงจะเลิกทะเลาะกัน และหันมารวมตัว-รวมตีนเข้าต้าน
    แสดงว่า "ชีพจรประชาธิปไตย" เต้นให้จังหวะชีวิตประชาชาติแล้ว!
    เพียงรอเวลา-สถานการณ์-โอกาส หลอมรวม ชีวิต-จิต-วิญญาณ ในแต่ละร่างไทยให้เกิดเป็น "ผลึกประชาธิปไตย" เท่านั้นเอง
    อย่างที่ว่า เมื่อคนในชาติมีศัตรูร่วมกัน มีความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ ต้องต่อสู้ ต้องแก้ร่วมกัน เพื่อขจัดอุปสรรค ปัญหานั้นให้ชาติ ให้ตัวเอง อย่างที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม เคยเผชิญมาแล้ว
    เมื่อนั้น เราจะรู้ค่าของการอยู่ด้วยรัก-สามัคคี เสียสละ-อภัย-ยอมให้แก่กัน แล้วฟันฝ่าด้วยกันไปสู่ชัยชนะของชาติร่วมกัน 
    ประเทศไทยเราอยู่สุขสบายมานาน เป็นเหตุให้พี่น้องไทยไม่เคยมีความเจ็บปวดที่ต้องต่อสู้และฟันฝ่าร่วมกัน จึงมองไม่เห็นคุณค่าภาวะบ้านเมืองสงบ เหมือนปลาไม่เห็นน้ำ นกไม่เห็นอากาศ
    เราจึงถูกคนที่เห็นจุดแข็งในตัวเรา แต่เราเองมองไม่เห็น จับจุดแข็งนั้นไปปลุกปั่น-พลิกแพลงใช้ในด้านสร้างประโยชน์อันไม่เป็นคุณสังคมรวม
    ประชาธิปไตย ไม่ว่าเสียงมาก-เสียงน้อย ประชาชนต้อง "ได้ประโยชน์ด้วยกัน" ถ้าเอาประชาธิปไตยไปใช้แสวงหาประโยชน์เฉพาะพวก-เฉพาะฝ่าย นั่นไม่ใช่ประชาธิปไตย
    ตอนนี้ ปัญหาที่ทุกคน-ทุกฝ่าย ควรต้องคิดด้วยใคร่ครวญ ก็คือ....
    สถานการณ์บ้านเมืองมันมาถึงจุดที่ "ประชาชนมีความเจ็บปวดร่วมกัน ที่ต้องร่วมมือกันต่อสู้และฟันฝ่าปัญหา-อุปสรรคนั้นหรือยัง"?
    ถ้ายัง...ก็เอากันไปตามฤทธิ์-ตามเดช
    แต่ถ้าคิดว่า "มันมาถึงจุดแล้ว" ก็กระเถิบคนละนิด ชิดกันเข้ามาคนละหน่อย 
    อย่ามองหาเพื่อโทษว่าใครผิด-ใครถูก!
    ควรมองไปข้างหน้า มองว่าเราจะ "ผ่าทางตัน" ให้ประเทศ แบบไหน วิธีไหนร่วมกัน?
    รัฐธรรมนูญฉบับนี้ "ไม่มีปัญหา" แต่คนใช้ "มีปัญหา" ฉะนั้น วิธีแก้ปัญหา ต้องแก้ที่คน ไม่ใช่แก้ที่รัฐธรรมนูญ ด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง
    หาทาง-หาวิธี ตกลงกัน "พักใช้" บางหมวด-บางมาตราไว้ก่อนดีไหม?
    ทุกฝ่ายร่วมร่างปฏิญญาเฉพาะกาลชนิดมีเทอมเวลาและเงื่อนไข กปปส.ถอยจากปฏิรูปก่อน เพื่อไทยถอยไปจากรัฐบาลรักษาการก่อน 
    แล้ว กปปส.กับเพื่อไทยนั่นแหละมาเป็นคนกลางเฉพาะกิจ เดินตามแนวปฏิญญาเฉพาะกาล อันมาจากความเห็นร่วมนั้น 
    ไม่มีสุเทพ-ไม่มียิ่งลักษณ์ "ในบทบาทอำนาจ" ช่วงเฉพาะกาลไปสู่การเลือกตั้งนี้!
    เลือกตั้งแล้ว ไม่ว่าพรรคไหนเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามปฏิญญาเฉพาะกาล อันเป็นข้อตกลงร่วมกันเคร่งครัด
    นี่..ผมก็คิดไปเรื่อยๆ เพราะมองเห็นข้างหน้าระยะใกล้แล้วว่า ขืนคารา-คาซังอยู่อย่างนี้ "วิกฤติเศรษฐกิจ" มันจะมาเขมือบหัวทุกคน-ทุกฝ่าย ที่รวมเรียกว่า
    คนไทย-ประเทศไทย!
    แต่ถ้าไม่ยอมสละ "เอาคนละครึ่ง" มาต่อกันเป็นสะพานยาวให้สังคมชาติเดิน ผมก็อยากบอกว่า ถ้าคิดว่ายกทัพมาตีกันให้แหลกไปข้าง แล้วปัญหาจบ
    พรุ่งนี้...รีบยกมาตีกันเลย มันจะได้จบๆ กันไป!
    ถ้าตรองแล้วเห็นว่า ฆ่ากันก็ไม่จบ ก็อยากบอกเพื่อไทยด้วยความหวังดีว่า อย่าดีในระบอบทักษิณอยู่เลย เพราะมันใกล้จบแล้ว
     ในฐานะที่ประกาศว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ควรทำความเข้าใจไว้แต่เนิ่นๆ ว่า ถ้าไม่รีบหาทางตกลงร่วมกัน 
    ก็เตรียมตัวได้.....
    คนประชาธิปไตยต้องเคารพกฎหมาย เคารพคำตัดสินศาล คำตัดสินองค์กรผู้ใช้กฎหมาย และเคารพกฎ-กติกาบ้านเมือง
    ขั้นแรก ต้องสั่งสมุนที่เย้วๆ อยู่หน้า ป.ป.ช.กลับไป ต้องสั่ง ผบ.ตร.และ ศอ.รส.นำกำลังไปกำราบ-ปราบปราม หรือออกหมายเรียก-หมายจับหัวโจก มาตรฐานเดียวกับที่ปฏิบัติกับมวลมหาประชาชน
    และยิ่งลักษณ์ผู้ประกาศ "อยู่รักษาประชาธิปไตย" ด้วยคนประชาธิปไตย ต้องเอื้อเฟื้อกฎหมายให้เป็นแบบอย่าง  ๒๘-๒๙ มีนานี้ ต้องไปรับฟัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด
    และเชิดหน้ารับสภาพ หกล้มสะโพกครากไม่พอ ยังตกเก้าอี้นายกฯ รักษาการด้วย!
    และอีกหลายคดี ทั้งแพ่ง-อาญา ที่จะทยอยตามมา ถึงขั้นคุก หมดสิทธิ์ทางการเมือง ซึ่งเหล่านี้เป็นเรื่อง นปช.เพื่อไทยที่ประกาศเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต้องพิสูจน์ว่าเป็นนักประชาธิปไตยจริง
    โดยไม่หางจุกตูด เผ่นแน่บ...หนีคุก หนีคดี อย่างเจ้าพี่ชายที่เพียบพูนด้วยเล่ห์และแสนระยำ ทำไว้ให้เห็นเป็นตัวอย่างเลว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น