เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 29 มี.ค. ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นางธิดา โตจิราการ แกนนำนปช. แถลงผลการประชุมใหญ่นปช.ว่า ผลการประชุมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีแกนนำจากภาคใต้ ตะวันตก กลาง ตะวันออก กรุงเทพฯ และปริมณฑล ประกอบด้วยนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ประสบความสำเร็จ โดยวัตถุประสงค์ของการประชุมคือ ต้องการคณะกรรมการนปช.ที่เข้มแข็งในสถานการณ์สู้รบทางการเมืองที่เข้มข้น พร้อมจะทำงานต่อสู้ทั้งในแบบเฉพาะหน้าและระยะยาว โดยในช่วงแรกนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย และ นพ.เหวง โตจิราการ ได้บรรยายสถานการณ์ทางการเมืองตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน จากนั้นเป็นการพูดถึงเป้าหมาย และยุทธศาสตร์ของนปช.ในสถานการณ์เฉพาะ ซึ่งเป้าหมายของนปช. คือ การโจมตีองค์กรอิสระ กปปส. พรรคประชาธิปัตย์ และกองทัพ ที่ต้องการปราบปรามประชาชน แต่การโจมตีของนปช. คือ การโจมตีทางการเมือง ไม่ใช่ทางทหาร
นางธิดากล่าวต่อว่า จากนั้นมีการพูดถึงยุทธศาสตร์คือ เน้นการเตรียมตัวในสถานที่เหมาะสมไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบใด หรือภูมิภาคใด
โดยหลีกเลี่ยงการนำโดยคนคนเดียว แต่ให้เป็นการนำโดยองค์กร หรือการนำรวมหมู่ ที่ไม่ยึดติดกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทั้งนี้ ขอฝากไปยังฝ่ายปฏิปักษ์ของนปช.ที่คิดเข่นฆ่าแกนนำนปช.ว่า ไม่มีประโยชน์ เพราะนปช.ทุกคนมีศักยภาพในการนำขบวนการเคลื่อนไหว ส่วนภารกิจของนปช. จะสนับสนุนให้คณะกรรมการทุกระดับมีความเข้มแข็ง สามารถรับมือทุกสถานการณ์ได้ภายใน 2-3 วัน ในกรณีที่มีการประกาศกฎอัยการศึก หรือรัฐประหารเกิดขึ้น พร้อมกันนี้ยังเน้นย้ำวินัยองค์กรในเรื่องต่างๆ อาทิ การเก็บความลับ การปฏิบัติตามมติ การเข้าประชุม การรับผิดชอบงาน และการห้ามละเมิดแนวทาง หรือนโยบายของนปช.
นางธิดากล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังอภิปรายกันในหัวข้อต่างๆ
อาทิ การสร้างที่มั่นทางการเมืองในแต่ละพื้นที่ การยกระดับคุณภาพของคณะกรรมการจังหวัด และภาคที่มีอยู่ การเตรียมพร้อมมวลชนในแต่ละพื้นที่ และการยกระดับปริมาณผู้ชุมนุม ไปจนถึงแนวทางการเตรียมการของแต่ละพื้นที่ในกรณีที่เกิดรัฐประหาร หรือมีการประกาศกฎอัยการศึก
ต่อมาเวลา 15.40 น. ที่ จ.พิษณุโลก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อพูดคุยเตรียมการเคลื่อนพลในวันที่ 5 เม.ย.
ซึ่งต้องการคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุม 500,000 คน และหากสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่จบลงตั้งเป้าว่าการชุมนุมครั้งต่อไปจะขยายตัวเลขผู้มาร่วมชุมนุมไปเป็น 1,000,000 คน ทั้งนี้ มีการพูดคุยให้แต่ละจังหวัดจัดเตรียมการ์ดไว้ดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุม พร้อมการจัดเตรียมความเข้มแข็งของนปช. ที่ต้องต่อสู้ในสถานการณ์ทางการเมืองที่เข้มข้น เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจ โดยยึดมั่นในสันติวิธี และสุขุมรอบคอบ โดยหลังจากนี้ตัวแทนแต่ละจังหวัดจะต้องลงไปทำหน้าที่ในแต่ละพื้นที่ เพื่อรอการประกาศนัดหมายการเคลื่อนพลใหญ่วันที่ 5 เม.ย. ในวันที่ 3 เม.ย.ที่จะถึงนี้
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่โรงแรมสาเกตุนคร จ.ร้อยเอ็ด นายนิสิต สินธุไพร กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช.
วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองเชิงลึกให้ผู้เข้าร่วมฟัง พร้อมกับพูดถึงแนวคิด ยุทธศาสตร์ ภารกิจ และวินัยองค์กร โดยยังมีการแบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็นถึงประเด็นต่างๆ อาทิ การจัดที่มั่นทางการเมืองในภาคอีสาน การจัดเตรียมกำลังเคลื่อนไหวในวันที่ 5 เม.ย. การเตรียมพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การยึดอำนาจ รัฐประหาร ซึ่งแต่ละจังหวัดจะต้องไปกำหนดยุทธศาสตร์ของตัวเอง รวมถึงรูปแบบการเคลื่อนไหวของ นปช.ในระยะยาว หากสถานการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อ ซึ่งจะต้องยึดการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ใช่การทหาร โดย นปช.จะไม่มีกองกำลังติดอาวุธโดยเด็ดขาด แต่ละพื้นที่จะต้องสร้างมวลชนระยะยาว พัฒนาองค์กรให้มีรูปแบบการเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
นายนิสิตกล่าวต่อว่า การชุมนุมใหญ่ของนปช.ในวันที่ 5 เม.ย. เฉพาะภาคอีสานจะระดมคนได้กว่า 200,000 คน
โดยหากมีการยึดอำนาจ รัฐประหารในอนาคตข้างหน้าจริง นปช.อีสานจะเป็นกำลังหลักในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยจะให้แต่ละจังหวัดไปแก้ไขจุดเล็กๆ ในขบวนการนปช. และให้แกนนำของแต่ละพื้นที่ไปพูดคุยกับคณะกรรมการในระดับจังหวัด เพื่อสื่อสารถึงภารกิจ และยุทธศาสตร์ของนปช.ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น