ใกล้สุญญากาศ 27 March, 2014
ช่วงนี้ต้องทนคลื่นไส้กับฝ่ายประชาธิปไตยไปก่อนนะครับ โดยเฉพาะเด็กเลี้ยงแกะ "ณัฐวอด เรือเกลือ" ละเมอเปิดชื่อนายกฯ, คณะรัฐมนตรี ยันสภาคนกลาง คงนึกว่าตัวเองอยู่บนเวทีสภาโจ๊กกระมังวันนี้นักการเมืองระบอบทักษิณไร้ยางอายถึงขั้น รัฐมนตรีก็จะเป็น แกนนำม็อบก็จะเอา เป็นทั้งรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์และเลขาธิการ นปช.
ในขณะที่ "กำนัน" แกนนำ กปปส. รู้กาลเทศะ ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แล้วมาเคลื่อนไหวกับมวลชน แยกตัวตนออกชัดเจนไม่มีสับสน หนำซ้ำ "กำนัน" ประกาศจบงานนี้หันหลังให้การเมือง
ก็ชัดเจนครับว่าอุดมการณ์การเมืองเลวๆ ของแกนนำเสื้อแดง สุดท้ายแล้วเพื่อตัวเองทั้งนั้น
ผมแปลกใจกับคนพวกนี้จริงๆ อ้างต้องเคารพ 20 ล้านเสียงที่ไปเลือกตั้ง เพราะเป็นเสียงข้างมาก ทั้งที่เสียงเลือกพรรคเพื่อไทยมีไม่ถึง 10 ล้านคน
แต่พอศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ กลับไม่ยอมรับ อ้างว่าเป็นขบวนการล้มรัฐบาล
ถ้ายึดเสียงข้างมากเป็นหลัก ก็ต้องยึดทุกกรณีซิครับ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีแค่ 9 คน รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แบบนั้น จะเอาศาลรัฐธรรรมนูญข้างมากเป็นล้านเสียงจากไหนกันหละครับ
เป็นเรื่องสุดอัปยศที่ใครๆ ก็รู้ว่า "ยิ่งลักษณ์" เป็นนายกฯ หุ่นเชิด นายกฯ นอมินี แต่ดันมาตีอก เขย่ากรง คัดค้านนายกฯ คนกลาง
เตรียมตัวให้พร้อม สิ่งที่รอคอยอาจมาถึงเร็วกว่าที่คิด
วันที่ 2 เมษายน หากไม่มีอะไรผิดพลาด ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องความเป็นรัฐมนตรีของ "ยิ่งลักษณ์" สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (7) หรือไม่ จากกรณีกระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัยให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แก่ "ถวิล เปลี่ยนศรี"
หากศาลรัฐธรรมนูญรับไว้วินิจฉัย ใครอยากรู้ว่าหลังจากนั้นศาลจะชี้ไปทางไหน ผมอยากให้ไปอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 (2) และ 268 เสร็จแล้วไปดูคำวินิจฉัยของศาลปกครองอีกครั้ง
เอาเป็นว่าผมยกมาท่อนหนึ่งพอเป็นน้ำจิ้มนะครับ
"ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการประจำของราชการส่วนกลางและราชการส่วนภูมิภาค ย่อมมีอำนาจดุลพินิจในการบริหารงานบุคคลหมุนเวียนสับเปลี่ยนบทบาทหรือการทำหน้าที่ของข้าราชการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปตามแนวนโยบายที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาได้ แต่ในการใช้อำนาจดุลพินิจดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 นั้น นอกจากจะต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของกฎหมายและอยู่ภายในขอบเขตของกฎหมายแล้ว ยังจะต้องมีเหตุผลรองรับที่มีอยู่จริงและอธิบายได้ ซึ่งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้อ้างเหตุผลในการโอนผู้ฟ้องคดีว่าผู้ฟ้องคดีได้ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีประสิทธิภาพ มีข้อบกพร่องหรือไม่สนองนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะถือได้ว่ามีเหตุผลอันสมควรที่ผู้บังคับบัญชาสามารถสั่งโอนได้ตามความเหมาะสม จึงถือได้ว่าเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ"
"ยิ่งลักษณ์" พ้นตำแหน่งก็ไปกันทั้งยวง!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น